เปิดสถิติ-ข้อกฎหมาย ปริศนาคดีคนหาย-ศพนิรนาม..!!

อสมท 15 ส.ค.-แม้การเสียชีวิตของบุคคลในครอบครัวจะเป็นความสูญเสีย นำมาซึ่งความโศกเศร้าอันประเมินค่าไม่ได้ แต่กรณีคนในครอบครัว “หายตัวไป” นั้น อาจสร้างความเจ็บปวดได้ยิ่งกว่า เพราะเป็นบาดแผลฝังใจสมาชิกในบ้านที่ไม่อาจรับรู้ได้เลยว่าคนที่พวกเขารัก “เป็น” หรือ “ตาย” อย่างไร


ข้อมูลจาก “ศูนย์บริหารจัดการคนหายและศพนิรนาม” สายด่วน 1191 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบสถิติปี 2557 มีการแจ้งความบุคคลหายจากทั่วประเทศรวม 405 คน สืบหาเบาะแสตามหาจนเจอเพียง 276 คน


ใกล้เคียงกับข้อมูลศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อการต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา มีการแจ้งคนหายที่ 345 คน เป็นเพศชาย 112 คน เพศหญิง 233 คน เฉลี่ยในปีนั้นมีคนหายราว 1 คน/วัน

แต่ปีต่อมา 2558 สถิติคนหาย…น่าใจหาย เพราะตัวเลขทะลุไปถึง 1,657 คน แบ่งเป็นเพศชาย 718 คน เพศหญิง 939 คน เฉลี่ยมีคนหาย 4-5 คน/วัน ปี 2559 ลดลงมาอยู่ที่ 1,286 คน เพศชาย 606 คน เพศหญิง 680 คน กระทั่งปีนี้ 2560 ผ่านมาแค่ครึ่งปี สถิติคนหายอยู่ที่ 992 คน ชาย 514 คน หญิง 478 คน เฉลี่ยมีคนหาย 3-4 คน/วัน


นับรวมตั้งแต่มีการเก็บสถิติตั้งแต่ปี 2540 จนถึงกลางปี 2560 เกือบ 20 ปีที่ผ่านมา มีการแจ้งคนหายถึง 6,733 คน เป็นชาย 2,867 คน หญิง 3,866 คน หรือเฉลี่ยคนหาย 28 คน/1 เดือน เป็นเรื่องโชคดีที่พบคนหายแล้ว 3,890 คน คิดเป็น 64% ของคนหายทั้งหมดตลอด 20 ปี ยังต้องตามหาอยู่ 2,220 คน

หากเจาะลึกแยกย่อยไปถึง “ประเภทการหายตัวไป” พบว่า หายไปเพราะสมัครใจหรือหนีออกจากบ้านมีอยู่เกินครึ่งถึง 51.5% แต่บุคคลที่ติดต่อไม่ได้และหายตัวไป (23.8%) รวมกับการลักพาตัว (1%) และที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้ (9.7%) คิดเป็น 34.5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าห่วง เพราะไม่ทราบชะตากรรมเขาหรือเธอเหล่านั้นเลยว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ทั้งนี้ “ลักษณะคนหาย” แบ่งได้เป็น 1) บุคคลสูญหาย 2) บุคคลนิรนาม ซึ่งไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ไม่มีหลักฐานทางราชการ กลับบ้านไม่ถูก ส่วนใหญ่มักเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล และ 3) ศพนิรนาม (เสียชีวิตและไม่ทราบเอกลักษณ์บุคคล) ซึ่งสถิติ “ศพนิรนาม” ข้อมูลจากนิติเวช รพ.ตำรวจ ปี 2554 เฉพาะพื้นที่ กทม.รับแจ้งพบศพนิรนามจำนวน 257 ศพ ภายหลังทราบชื่อเพียง 12 ศพ ระบุไม่ได้ 245 ศพ

ขณะที่ (ร่าง) พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ. … ตอนนี้ผ่าน สนช.แล้ว อยู่ระหว่างการปรับปรุงให้เป็นมาตรฐานสากล และสอดคล้องกับมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ

สาระสำคัญอยู่ที่การดำเนินคดีความคนหายนั้น จะไม่มีวันหมดอายุความ และการกำหนดระยะเวลาการหายตัวที่จะเรียกได้ว่าเป็น “บุคคลสาบสูญ” เมื่อติดตามผู้กระทำผิดมาได้ญาติคนหายมีสิทธิรับเงินชดเชยเยียวยา ส่วนบทลงโทษต่อผู้ก่อเหตุ จำคุก 5 ปีถึงตลอดชีวิต ปรับ 100,000-1 ล้านบาท หากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐด้วยแล้ว ผู้บังคับบัญชาของผู้นั้นรับโทษด้วยกึ่งหนึ่ง ฐานละเลยต่อการกระทำผิดของผู้ใต้บังคับบัญชา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย