กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – บางจากฯ เดินหน้าลงทุนใหม่อีก 1.5 หมื่นล้านบาท เตรียมแผนเพิ่มกำลังกลั่นฯ ด้านค่าการกลั่นยังสูงปีนี้อาจกลั่นเกินเป้าหมาย ด้านกรมโรงงานฯ ชมจัดการสิ่งแวดล้อมได้ดี รับรางวัลมาตรฐานอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) ระดับ 5
นายพงษ์ชัย ชัยจิรวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการโรงกลั่นและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพการกลั่นน้ำมันภายใต้งบลงทุน 5 ปี (ปี 2560-2564) วงเงินเงิน 15,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการศึกษาเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันดิบจาก 120,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 130,000-135,000 บาร์เรลต่อวัน ภายในปี 2563 ซึ่งอยู่ระหว่างจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA) เพื่อขออนุญาติจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม
“กำลังกลั่นที่เพิ่มขึ้นรองรับยอดขายของบริษัทที่สูงขึ้น โดยส่วนมาร์เก็ตแชร์ปีนี้เพิ่มขึ้นมากอยู่ที่ร้อยละ 15.2-15.3 ของยอดขายน้ำมันรวมทั้งประเทศ จากปีก่อนมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ร้อยละ 15 ขณะที่ยอดใช้น้ำมันทุกชนิดของประเทศเฉลี่ย 5 เดือน เติบโตเพียงร้อยละ 1.7 เท่านั้น ขณะเดียวกันการเพิ่มกำลังกลั่นจะช่วยลดการนำเข้าเบนซินของประเทศที่มียอดนำเข้าสูงถึง 130 ล้านลิตรต่อเดือน หลังรัฐบาลไทยส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์” นายพงษ์ชัย กล่าว
นายพงษ์ชัย กล่าวด้วยว่า ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนปีนี้ กำลังกลั่นของบางจากฯ เพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 121,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงกว่าเพดานกำลังกลั่นที่ 120,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากค่าการกลั่นและราคาน้ำมันเตาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยราคาห่างจากราคาน้ำมันดิบแค่ 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากปกติ 5-6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยค่าการกลั่นขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 7 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนเฉลี่ยไตรมาส 1และ 2 อยู่ที่ประมาณ 6.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และทั้งปีบริษัทอาจมีกำลังกลั่นแตะ 115,000 บาร์เรล/วัน จากเป้าหมายที่ 111,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากทั้งภูมิภาคเอเชียมีความต้องการใช้น้ำมันสูงขึ้น โดยเฉพาะจีนและอินเดีย ขณะที่ในภูมิภาคไม่มีโรงกลั่นเกิดใหม่
ในวันนี้ (9 ส.ค.) นายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นำคณะสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันรายแรกในประเทศไทยที่ได้รับรางวัลมาตรฐานอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) ระดับ 5 ในฐานะที่เป็นองค์กรธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและให้ความสำคัญต่อการดูแลสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่มีมาตรการควบคุมและป้องกันการปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินตามยุทธศาสตร์ “กรีน อินดัสทรี” โดยถังทุกใบในโรงกลั่นน้ำมันบางจากจะถูกควบคุมระดับน้ำมันภายในโดยระบบอัตโนมัติให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน พร้อมทั้งมีระบบการป้องกันการล้นถัง (Overflow Alarm system) หากพบความผิดปกติระบบ Alarm จะส่งสัญญาณไปยังห้องควบคุม เพื่อแจ้งสถานะปริมาณของเหลวในถังก่อนที่น้ำมันจะล้นถัง ทำให้สามารถยับยั้งและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ และบริษัทได้บริหารความเสี่ยงโดยการสร้างกำแพงคอนกรีตล้อมถังโดยรอบ (Dike) รองรับในกรณีที่เกิดการไหลล้น พร้อมปรับพื้นภายในกำแพงถังน้ำมันให้เป็นคอนกรีตเพื่อป้องกันการปนเปื้อนลงดินและน้ำใต้ดิน ด้านมาตรการป้องกันการปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินในช่วงฤดูฝน มีการกักเก็บปริมาณน้ำฝนไว้ภายในกำแพงคอนกรีตของถังน้ำมัน เพื่อตรวจสอบคุณภาพก่อนการระบายออก
ทั้งนี้ ระบบการควบคุมพื้นที่ชั้นในของกระบวนการผลิตจะเป็นระบบปิดทั้งหมด ซึ่งของเหลวทั้งหมดจะถูกเก็บอยู่ในอุปกรณ์และจะไม่มีการรั่วไหลออกมาภายนอก อีกทั้งมีการตรวจสอบระบบท่อทางต่าง ๆ ให้อยู่สภาพดีตลอดเวลา.- สำนักข่าวไทย