เชียงราย 2 ส.ค.-หนุ่มคลั่งเปิดโรงแรมยิงปืนขู่ไม่ให้ใครเข้าใกล้ ตำรวจเข้าเจรจานานกว่า 20 ชม. ก่อนจับกุมไว้ได้อย่างชุลมุน
ความคืบหน้ากรณีตำรวจเมืองเชียงรายพยายามจะเข้าจับกุมตัวนายธนกร อายุ 27 ปี ซึ่งได้ไปเช่ารถจากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งแล้วนำส่งไปขายต่อในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ระหว่างเจ้าหน้าที่ไปพบเพื่อตรวจสอบนายธนกร ได้ใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่เจ้าหน้าที่รวม 3 นัด ก่อนจะขังตัวเองอยู่ภายในห้องของโรงแรม ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย ตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยตลอดทั้งวันนี้เจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามอย่างหนักเกลี้ยกล่อมให้นายธนกร มอบตัว พร้อมนำกำลังกว่า 50 นาย เข้าทำการปิดล้อมบริเวณพื้นที่โดยรอบ เพื่อป้องกันนายธนกรหลบหนี เนื่องจากมีอาวุธปืน จากนั้นได้เชิญตัวทางพี่สาวและอดีตแฟนสาว ที่นายธนกร ต้องการพบตัวมาช่วยเจรจาเกลี้ยกล่อม ซึ่งใช้เวลาในการเจรจาพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์นานกว่า 3 ชั่วโมง แต่ไม่เป็นผล นายธนกรยังไม่ยอมมอบตัว แต่เริ่มมีท่าทีอ่อนลง โดยได้ยอมมอบเครื่องกระสุนปืน ซึ่งติดอยู่ในซองปืนติดเข็มขัดและกระสุนให้กับเจ้าหน้าที่รวม 30 นัด แต่นายธนกร ยังเก็บอาวุธปืนพกสั้นและกระสุนอีกบางส่วนไว้กับตัวเอง โดยพยายามใช้อาวุธปืนจ่อคอตัวเองตลอดเวลา เมื่อมีเจ้าหน้าที่หรือบุคคลภายนอกเข้าไปใกล้ หรือเข้าไปพุดคุยด้วย กระทั่งในเวลา 15.00 น. ที่ผ่านมานายธนกร มีท่าทีอ่อนลง หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรับปากจะดูแลเรื่องคดีให้และยอมที่จะให้พบพุดคุยกับแฟนสาวได้ นายธนกร จึงยินดีให้ความร่วมมือ โดยให้รถเจ้าหน้าที่กู้ภัยสยามรวมใจ เชียงราย เข้าไปรับตัวที่ด้านหน้าโรงแรมและยอมเดินออกมาจากห้องแต่โดยดี แต่ในมือยังถืออาวุธปืนจ่อที่คอตลอดเวลา
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงขับรถพาตัวออกไปนอกย่านชุมชนไปยังสนามกีฬากลางเชียงราย ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจแย่งปืนจากมือแต่นายธนกร แต่นายธนากร พยายามต่อสู้ขัดขืน ทำให้ปืนเกิดลั่นขึ้น 1 นัด เจ้าหน้าที่ที่เหลือพยายามวิ่งกรูเข้าไปปิดกั้นเส้นทางและล้อมรถเอาไว้ไม่ให้หลบหนี ก่อนจะควบคุมตัวไว้ได้อย่างชุลมุน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บเล็กน้อย และนายธนกร ก็มีรอยถลอกที่บริเวณใบหน้า จากนั้นจึงควบคุมตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพและไปสอบสวนเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย
ทางตำรวจแจ้งว่าในเบื้องต้นทางตำรวจได้แจ้งข้อหาการพกพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านในที่สาธารณะและยิงอาวุธปืนในพื้นที่ชุมชนไว้ก่อน ส่วนคดีอื่นๆจะมีการสอบสวนปากคำก่อน แต่เบื้องต้นก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่ามีการยักยอกทรัพย์ โดยเช่ารถไปแล้วนำไปในทางทุจริต ซึ่งจะได้มีสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง เพื่อดำเนินการเอาผิด.-สำนักข่าวไทย