ทำเนียบฯ 1 ส.ค.- นายกฯ เร่งช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย เดินทางลงพื้นที่สกลนคร พรุ่งนี้ ขออย่าโต้เถียงเรื่องอ่างเก็บน้ำแตก ยืนยัน ไม่ปกปิดข้อมูล ขอทุกฝ่ายร่วมมือแก้ปัญหา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าว ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ (1 ส.ค.) ถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยประชาชนที่ประสบอุทกภัย รัฐบาลต้องเร่งช่วยเหลือ ดูแล และฟื้นฟูความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยเร็ว มาตรการช่วยเหลือเยียวยา จะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่มีอยู่ โดยการแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ได้มีการกำหนดแผนงาน มาตรการต่างๆ ไว้ค่อนข้างครบถ้วนสมบูรณ์ และในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ได้อนุมัติมาตรการการช่วยเหลือให้กับกระทรวงการคลังแล้ว
“สิ่งที่อยากจะเตือนคือ ขอให้ประชาชนเชื่อคำเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา และหน่วยงานราชการ ที่พยายามเตือนมาโดยตลอด หากไม่เชื่อก็จะส่งผลให้เกิดความเสียหาย ทุกคนจะต้องเตรียมความพร้อม รองรับทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะรอการช่วยเหลือเพียงอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องช่วยเหลือตัวเองก่อน ก่อนที่รัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อแบ่งเบาภาระซึ่งกันและกัน และขอให้เข้าใจว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องของภัยธรรมชาติ เช่นเดียวกับต่างประเทศ ที่เผชิญภัยธรรมชาติเช่นกัน ทั้งไฟป่าและน้ำท่วม” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ในช่วงที่ผ่านมา มีปริมาณฝนที่ตกลงมามาก และที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องอ่างเก็บน้ำห้วยทราย ที่ จ.สกลนคร แตกจริงหรือไม่จริงนั้น เป็นเรื่องที่ไร้สาระ เพราะเหตุการณ์น้ำท่วม เกิดมาจากปริมาณฝนที่มาก รวมถึง น้ำที่ไหลมาจากเทือกเขาไหลลงสู่ที่ต่ำ จนส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทำให้อ่างเก็บน้ำรองรับน้ำในปริมาณที่มากกว่า 2 ล้านลูกบาศก์เมตร อีกทั้งอ่างเก็บน้ำมีอายุมากกว่า 63 ปี จึงทำให้น้ำล้น ถือเป็นเรื่องธรรมดา ขออย่ามาโยนให้ใครรับผิดชอบ
“ยืนยันว่า ไม่มีการปกปิดข้อมูลใดๆ กับประชาชน เพราะได้มีการเตือนให้เฝ้าระวังทุกพื้นที่ กรณีนี้ เมื่อมีปริมาณน้ำล้นสันอ่างเก็บน้ำ จึงมีการกัดเซาะ มีรอยแตก 2 ช่วง นอกจากนี้ อ่างเก็บน้ำมีลักษณะตื้น ส่งผลต่อการรับน้ำ อีกทั้ง อ่างเก็บน้ำไม่ได้เตรียมการรองรับปริมาณน้ำมากขนาดนี้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ที่ผ่านมามีการแจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องปริมาณน้ำและสภาพอากาศ โดยเฉพาะเรื่องพายุฝน และห้วงเวลาที่จะมีฝนตกดหนัก และ ขอว่าอย่าเปรียบเทียบเหตุการณ์ครั้งนี้กับเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ปี 2554 เพราะเป็นคนละสถานการณ์ และให้แก้ปัญหาสิ่งที่เกิดขึ้นให้ดีที่สุด และไม่ต้องการให้ฟังคนเก่าๆ ที่ออกมาให้ข้อมูลในลักษณะโต้กันไปมา
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ (2 ส.ค.) จะเดินทางลงพื้นที่ จ.สกลนคร เพื่อเป็นการให้กำลังใจประชาชนและเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้เตรียมการไว้ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุการณ์ แต่ไม่ต้องการให้เป็นภาระและเกิดความวุ่นวาย จากการที่ต้องมารายงานสถานการณ์ ขณะที่ต้องเร่งช่วยเหลือประชาชน จึงตัดสินใจไม่ลงพื้นที่ก่อนหน้านี้ แต่ได้บัญชาการแก้ปัญหากับทุกหน่วยงานมาตลอด และเจ้าหน้าที่รายงานสถานการณ์ให้ทราบอย่างต่อเนื่อง
“ได้ขับเคลื่อแผนเผชิญเหตุ พร้อมตั้งศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยไว้ล่วงหน้า ทำให้แก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังได้หารือและเตรียมมาตรการ เพื่อรองรับเหตุการณ์ในอนาคตด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว และเห็นว่า ยังต้องเข้าไปตรวจสอบสภาพป่าบนเทือกเขา ว่ามีการถูกบุกรุกหรือไม่ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือปัญหาที่ธรรมชาติส่งสัญญาณเตือน ดังนั้น ทุกคนจึงไม่ควรมาตัดพ้อหรือโทษกันไปมา เพราะที่สำคัญอยู่ที่ร่วมกันเตรียมความพร้อมสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง .- สำนักข่าวไทย