กรุงเทพฯ 21 ก.ค. – ปตท.ปรับขึ้นราคาน้ำมันพรุ่งนี้ 30-50 สต./ลิตร พร้อมปรับแผนน้ำมันตามกลยุทธ์ตามเทรนด์เทคโนโลยีโลก ปีนี้ย้ำสร้างสถานีรองรับอีวี 20 แห่ง คุยยอดขายน้ำมันยังโตกว่าตลาดรวม ส่วนตลาดแอลพีจีเพื่อนบ้านฉลุย
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวภายหลังเป็นประธานจับรางวัลแก่ผู้โชคดีจากแคมเปญ “ลุ้น Samsung S8 ฟรี แค่สมัคร PTT Blue Card” ครั้งที่ 1 ว่า วันพรุ่งนี้ ( 22 ก.ค.) ปตท.ปรับราคาน้ำมันขึ้นตามตลาดโลก หลังค่าการตลาดลดต่ำลงไม่ถึง 1 บาท/ลิตร โดยปรับขึ้นในส่วนกลุ่มเบนซิน 50 สต./ลิตร ยกเว้น E 85 และดีเซล 30 สต./ลิตร ซึ่งราคาน้ำมันปีนี้ยังมีทิศทางผันผวน อย่างไรก็ตาม ปตท.ยังไม่ปรับแผนประมาณการณ์ที่คาดว่าน้ำมันดิบดูไบจะอยู่ที่ประมาณ 50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันพรุ่งนี้ เบนซิน 95 อยู่ที่ 33.16 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 26.05 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 25.78 บาท/ลิตร E20 อยู่ที่ 23.54 บาท/ลิตร E85 อยู่ที่ 19.54 บาท/ลิตร และดีเซล 24.79 บาท/ลิตร (ราคานี้ยังไม่รวมภาษีท้องที่ของแต่ละจังหวัด)
ส่วนแผน 5 ปี (2561-2565 ) ซึ่งทางผู้บริหาร ปตท.จะมีการประชุมทบทวนกันในวันพรุ่งนี้ (22 .ก.ค.) ทาง กลุ่มธุรกิจน้ำมันจะมีการเสนอแผนเรื่องการปรับตามทิศทางของโลกที่ขณะนี้กำลังมีการเปลี่ยนแปลงตามเทคโนโลยีใหม่ และ ปตท.เองก็เน้นการรองรับรับที่ทำให้สถานีบริการเป็นปั๊มเพื่อชุมชน ” community center ” ที่มีการจำหน่ายสินค้าชุมชน การพบปะสังสรรค์ เป็น LIFE STATION ซึ่งนอกจากจะสร้างประโยชย์ชุมชนแล้ว ยังสร้างรายได้เสริมนอกเหนือจาก น้ำมันอีกด้วย ขณะเดียวกันก็ยังวางแผนสร้างสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) โดยปีนี้จะสร้างเพิ่มเป็น 20 แห่งจากที่ขณะนี้มีแล้ว 6 แห่ง
“แผนการลงทุน 5 ปีเดิมวางแผนไว้ประมาณ 50,000 ล้านบาท ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่าจะมีเม็ดเงินเท่าใด อยู่ระหว่างทบทวน อย่างไรก็ตาม แผนการลงทุนปีนี้ 10,000 ล้านบาท มีการใช้เงินลงทุนประมาณร้อยละ 40 แต่ได้ผลตามแผนงานที่วางไว้แล้วถึงร้อยละ 70” นายอรรถพล กล่าว
นายอรรถพล กล่าวด้วยว่า ปีนี้ยอดขายน้ำมันของ ปตท.โตร้อยละ 3-4 จากตลาดรวมโตเพียงร้อยละ 1.5 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าลูกค้ายังมีความนิยมในแบรนด์ ปตท.ต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ปตท.ก็ได้มีแผนส่งเสริมการตลาดทุก ๆ ด้าน ขณะนี้ตลาดในเพื่อนบ้านทั้งน้ำมันและแอลพีจีเติบโตได้ดี ส่งผลให้ ปตท.นำเข้าก๊าซแอลพีจีเพื่อการส่งออกในเดือนกรกฎาคมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 59,000 ตัน เพราะตลาดที่กัมพูชา สปป.ลาวเติบโตอย่างมาก
ส่วนคลังนำเข้าแอลพีจีที่เขาบ่อยา จ.ชลบุรี ที่ ปตท.ลงทุนขยายการนำเข้า จาก 132,000 ตัน/เดือน เป็น 250,000 ตัน ใช้งบลงทุน 18,000 ล้านบาท ตามนโยบายของรัฐที่ ให้ลงทุนรองรับการนำเข้าที่เพิ่มมากขึ้นในอดีตและเดิมรัฐจะมีการจ่ายเงินค่าลงทุนนั้น แต่เมื่อมีการลอยตัวราคาแอลพีจี การนำเข้าลดลง ภาครัฐมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายให้ ปตท.คำนวณผลตอบแทนจากเปิดให้บุคคลที่ 3 เข้ามาใช้บริการนั้น เรื่องนี้ ปตท.ก็ต้องดำเนินการตามนโยบาย โดยมองว่าการลงทุนดังกล่าวเป็นการรองรับความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ เพราะในอนาคตคาดว่าการนำเข้าจะกลับมาเป็นแสนตันอีกหลังจากปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในประเทศลดน้อยลง ซึ่งค่าการบริการก็ต้องแข่งขันกับตลาดได้ โดยยอมรับว่าผลการตอบแทนการลงทุนคงจะคุ้มทุนช้าลงไปอีก โดยที่ผ่านมาทั้งสยามแก๊สฯ และมิตซูบิชิ ได้เข้ามาขอคุยเพื่อขอใช้คลังเขาบ่อยานำเข้าก๊าซมาจำหน่าย แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเข้ามาใช้บริการหรือไม่. -สำนักข่าวไทย
