กรุงเทพฯ 19 ก.ค.-ศาลพิพากษาขบวนการค้ามนุษย์โรฮิงญา จำคุก 78 ปี “บรรจง” อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ คุก 50 ปี “โกโต้ง” อดีตนายก อบจ.สตูล คุก 27 ปี “พล.ท.มนัส” โทษสูงสุดไม่เกิน 50 ปี ยกฟ้อง 40 คน
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษา คดีการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา 103 คน ในความผิด 16 ข้อหา ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ฯ พ.ศ.2551 , พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ฯ พ.ศ.2546 โดยจำเลยสำคัญที่ถูกจับตาเป็นพิเศษ คือ นายบรรณจง ปองผล หรือ โกจง อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ ระวางโทษเป็น 2 เท่า เนื่องจากเป็นข้าราชการ พิพากษาจำคุก 78 ปี นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล ระวางโทษเป็น 2 เท่า จำคุก 50 ปี พลโทมนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนแยกที่ 1 ระนอง จำคุก 27 ปี ทั้งนี้อัตราโทษรวมทุกกระทงสูงสุดรวมกำหนด 50 ปี นอกจากนี้มีการสั่งจำหน่ายคดี 1 คนซึ่งเสียชีวิต
สำหรับ พลโทมนัส ศาลเห็นว่าในช่วงที่มีการพบแรงงานโรฮีงญา ชาวเมียร์มาและบังคลาเทศ ทางการมีนโยบายผลักดันกลุ่มแรงงานเหล่านี้ออกจากนอกประเทศ ซึ่งพลโทมนัส ระหว่างดำรงตำแหน่งนั้น ตำรวจจับกุมแรงงานต่างด้าวได้กว่า 200 คน จะต้องทำการผลักดัน โดยส่งลงเรือลอยลำน่านน้ำสากล แต่ก็สามารถกลับมาได้โดยความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ และระหว่างตรวจค้นบ้านจำเลยที่ร่วมขบวนการค้ามนุษย์ ยังพบสลิปหลักฐานการโอนเงินเชื่อมโยงบัญชี พลโทมนัส มีการรับโอนเงิน ถึง 65 ครั้ง รวม 14,850,000 บาท จึงเชื่อได้ว่า เป็นผลประโยชน์ที่เชื่อมโยงกับขบวนการค้ามนุษย์ โดยอาศัยอำนาจหน้าที่
นายบรรณจง หรือโกจง อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ มีพฤติการณ์จัดหาแรงงานในพื้นที่ปาดังเบซา นายปัจจุบัน หรือโกโต้ง มีพฤติการณ์อำนวยความสะดวกการลักลอบเคลื่อนย้ายชาวโรฮิงญาผ่านทางรถและเรือไปทางประเทศมาเลเซีย พิพากษาจำคุก 50 ปี ทั้งนี้ศาลยกฟ้องจำเลย 40 ราย แต่ให้ขัง 28 รายระหว่างรออุทธรณ์ เนื่องจากพยานหลักฐานของอัยการโจทก์ และผู้เสียหายโจทก์ร่วม ยังไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า จำเลยน่าจะร่วมกระทำผิดตามฟ้อง จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย และสั่งให้จำเลยที่มีความผิดฐานค้ามนุษย์ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายชาวโรฮีนจา 58 รายตามร้องขอ รวม 4,400,250 บาท
คดีนี้สืบเนื่องจาก เมื่อปี 2558 พบค่ายกักกันชาวโรฮิงญาจำนวนหลายสิบหลัง และหลุมฝังศพรอบค่ายกักกัน 32 หลุม บนพื้นที่เทือกเขาแก้ว ในตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งศพส่วนใหญ่ป่วยและอดอาหารจนเสียชีวิต บางศพมีร่องรอยถูกทำร้ายจนเสียชีวิต ก่อนที่ศาลจังหวัดนาทวีจะออกหมายจับ และโอนมาพิจารณาคดีที่แผนกคดีค้ามนุษย์ของศาลอาญา สำหรับการอ่านคำพิพากษาในคดีนี้มีความยาวเกือบ 500 หน้า ใช้เวลากว่า 13 ชั่วโมง ตั้งแต่ 08.30 น. -22.00 นาฬิกา ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่มีขบวนการค้ามนุษย์ขนาดใหญ่และลงโทษทหาร ตำรวจ ข้าราชการท้องถิ่นที่กระทำความผิด หลังจากมีการดำเนินคดีภายใน 2 ปีที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย