ศรีสะเกษ 19 ก.ค.-ทีมข่าวสำนักข่าวไทย ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ เพื่อพูดคุยกับหญิงซึ่งอ้างว่ามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ “เณรคำ” จนมีบุตรชายด้วยกัน 1 คน เพื่อฟังในสิ่งเธอต้องการ เมื่อเณรคำถูกคุมตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย ผู้สื่อข่าวยังเดินทางไปสำรวจวัดป่าขันติธรรม สถานที่ที่เณรคำเคยเป็นประธานสงฆ์ ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นวัดสามัคคิยาราม
เสียงของหญิงสาวที่อ้างตัวว่ามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอดีตพระเณรคำ จนมีบุตรชายด้วยกัน 1 คน แสดงความรู้สึกไม่ต้องการสิ่งใด นอกจากให้อดีตพระเณรคำแสดงความผิดชอบบุตรชาย ซึ่งผลตรวจดีเอ็นเอเมื่อปี 2556 ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ระบุว่า อดีตพระเณรคำ หญิงสาวรายนี้ และเด็กชายวัย 11 ปี ในขณะนั้น ยืนยันได้ว่าร้อยละ 99.99 มีความสัมพันธ์เป็นพ่อแม่ลูกกัน
หญิงสาวรายนี้เล่าถึงอดีตว่า ตนมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอดีตพระเณรคำ จนมีลูกด้วยกันขณะที่ตนอายุ 15 ปี ปัจจุบันตนอายุ 31 ปี และลูกชายของอดีตพระเณรคำอายุ 15 ปีแล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยปิดบังลูกว่าพ่อคือใคร
ปัจจุบันหญิงสาวรายนี้ เปิดร้านขายของชำเล็กๆ ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของ จ.ศรีสะเกษ มีครอบครัวใหม่ แต่ชีวิตไม่สุขสบายนัก เพราะต้องหาเช้ากินค่ำ เป็นกำลังหลักของครอบครัวเลี้ยงดูยายวัย 87 ปี
ภาพของอดีตพระเณรคำยังถูกติดตั้งอยู่หลายจุดภายในวัด เจ้าอาวาสวัดสามัคคิยารามกล่าวถึงการดำเนินคดีอดีตพระเณรคำว่า ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ขณะที่ยายลอน วัย 71 ปี ผู้บริจาคที่ดินสร้างวัดให้อดีตพระเณรคำ กล่าวว่า ดีใจที่อดีตพระเณรคำ กล้าเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย
พลังศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่มีต่อพระพุทธศาสนารอบวัดป่าขันติธรรม หรือวัดสามัคคิยาราม ยังคงมีไม่ต่างจากอดีต เพราะชาวบ้านศรัทธาในหลักธรรมมากกว่าตัวบุคคล.-สำนักข่าวไทย