กทม. 30 มิ.ย. – อธิบดีกรมธนารักษ์ลงพื้นที่ดูสถานที่ก่อสร้าง “หอชมเมืองกรุงเทพมหานคร” แจงไม่เปิดประมูล เพราะเป็นโครงการเชิงสังคมตามแนวทางประชารัฐ ร่วมลงทุนกับภาคเอกชน 3 กลุ่มทุนใหญ่ คาดอีกอีก 3 ปี จะแล้วเสร็จ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้
ที่ดินราชพัสดุของกรมธนารักษ์ผืนนี้ ตั้งอยู่ในเขตคลองสาน ย่านเศรษฐกิจ ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีขนาด 4 ไร่ 2 งาน 34 ตารางวา ราคาประเมิน 198 ล้านบาท เดิมเคยเป็นที่ใช้ประโยชน์ของตำรวจน้ำ แต่ล่าสุด ครม.อนุมัติ ให้เอกชนเช่าพื้นที่ สร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร ความสูง 459 เมตร สูงที่สุดในเมืองไทย และสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ นอกจกสามารถชมวิวรอบโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาแบบ 360 องศาแล้ว ภายในยังจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ไทย และสถาบันพระมหากษัตริย์ เผยแพร่ศาสตร์พระราชาให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เข้าชม คาดจะมีรายได้จากการขายบัตรกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี และช่วยสร้างงานสร้างรายได้ให้กับชุมชนโดยรอบ โดยเฉพาะชุมชนเก่าแก่ อย่างมัสยิดสุวรรณภูมิ ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างขานรับโครงการนี้
ขณะที่อธิบดีกรมธนารักษ์ลงพื้นที่ดูสถานที่ก่อสร้างหอชมเมืองกรุงเทพฯ พร้อมทั้งชี้แจงว่า โครงการนี้มีคณะกรรมการพิจารณาอย่างโปร่งใส เป็นโครงการเชิงสังคม ตามแนวทางประชารัฐ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปสนับสนุนกิจกรรมสาธารณกุศล จึงร่วมลงทุนกับภาคเอกชนโดยไม่ใช้วิธีประมูล ปล่อยให้เช่าที่ดินเกือบ 200 ล้านบาท ตลอด 30 ปี กรรมสิทธิ์เป็นของรัฐ แต่การลงทุนและบริหารจัดการเป็นของภาคเอกชน คือ มูลนิธิหอชมเมือง
ภาคเอกชนที่จะมาลงทุนในโครงการนี้ คือ กลุ่มทุน “ไอคอนสยาม” ประกอบด้วย 3 นายทุนใหญ่ คือ สยามพิวรรธน์ แมกโนเลีย และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งมีโครงการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มาตั้งแต่ปี 55 ทั้งห้างสรรพสินค้า คอนโดมิเนียมหรูริมน้ำ โรงแรม 5 ดาว ศูนย์การประชุม ศูนย์กีฬา และโครงการอื่นๆ อีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท ตลอดริมแม่น้ำเจ้าพระยาความยาวกว่า 10 กิโลเมตร ในย่านเขตคลองสาน ส่วนการก่อสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร คาดว่าจะแล้วเสร็จสามารถเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมได้ในอีก 3 ปี ข้างหน้า. – สำนักข่าวไทย