กระทรวงการคลัง 29 มิ.ย. – ธ.ก.ส.พร้อมสนับสนุนเกษตรกรทำประกันภัยพืชผล เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายสมบูรณ์ ดาศรี ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนโยบายรัฐ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ชี้แจงร่วมกันว่าหลังจากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2560 เพื่อบริหารความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติให้แก่เกษตรกรผู้เพาะปลูกข้าวนาปี เกษตรกรที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส.ไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกัน เพราะ ธ.ก.ส.จะรับภาระเบี้ยประกันแทนตามจำนวนที่ดินติดจำนอง หากใครปลูกข้าวเกินมูลค่าที่ดินติดจำนองต้องจ่ายเบี้ยประกัน 36 บาทต่อไร่ เหมือนกับเกษตรกรทั่วไป เช่น ทำนา 50 ไร่ แต่ยื่นกู้ ธ.ก.ส.เพียง 25 ไร่ ส่วนที่เหลืออีก 25 ไร่ ชาวนาต้องจ่ายเบี้ยประกันเอง และหากชาวนาเช่าที่ดินผู้อื่นต้องมีสัญญาเช่า โดยต้องแจ้งทำประกันผ่าน ธ.ก.ส.ทุกสาขาทั่วประเทศ และหากมีภัยพิบัติความเสียหายจากภัยธรรมชาติ คณะกรรมการระดับอำเภอจะเข้าไปตรวจสอบความเสียหายเป็นรายบุคคล เพื่อแจ้งเคลมเรียกค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันวินาศภัย และเริ่มจ่ายเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ให้กับเกษตรกร
สำหรับปีนี้รัฐบาลกำหนดพื้นที่เป้าหมายขั้นต่ำ 25 ล้านไร่ เกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อเพื่อการเพาะปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2560 ของ ธ.ก.ส.กำหนดพื้นที่ไม่เกิน 800,000 ไร่ และประสงค์จะซื้อความคุ้มครองเพิ่ม และเกษตรกรทั่วไปที่ไม่ได้เป็นลูกค้าสินเชื่อของ ธ.ก.ส. คิดเบี้ยประกันภัย 97.37 บาทต่อไร่ วงเงินคุ้มครอง 1,260 บาทต่อไร่ สำหรับภัยธรรมชาติทั้งหมด 6 ประเภท ได้แก่ น้ำท่วมหรือฝนตกหนักภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ และไฟไหม้ เพิ่มจากปี 2559 วงเงินคุ้มครอง 1,111 บาทต่อไร่ และวงเงินความคุ้มครอง 630 บาทต่อไร่ สำหรับภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด (ปีการผลิต 2559 วงเงินคุ้มครอง 555 บาทต่อไร่) รัฐบาลการอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย 61.37 บาทต่อไร่ โดย ธ.ก.ส. จะอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยในส่วนที่เหลืออีก 36 บาทต่อไร่ สำหรับเกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อเพื่อการเพาะปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2560 .-สำนักข่าวไทย