ก.ยุติธรรม 26 มิ.ย.- ผู้เสียหายเทรดทองร้องรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ตามความคืบหน้าคดีเพราะไม่มั่นใจการทำงานของ ดีเอสไอที่ถอนอายัดทรัพย์สินบริษัท เตรียมเรียกดีเอสไอมาชี้แจง 29 มิถุนายนนี้ โดยให้ผู้เสียหายร่วมรับฟังด้วย
ช่วงบ่ายวันนี้ผู้เสียหายจากการเทรดทองคำแท่งกับบริษัท วายแอลจีฯ ประมาณ 20 คนเข้าพบพ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม(ยธ.) เพื่อขอให้ติดตามความคืบหน้าคดี หลังก่อนหน้านี้ หน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียนอย่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้อายัดทรัพย์สินเป็นบัญชีธนาคารของบริษัท 13 บัญชี แต่ล่าสุดมีคำสั่งยกเลิกอายัดทรัพย์สิน จึงเกิดความไม่มั่นใจถึงกระบวนการทำงานของดีเอสไอ
โดยคดีดังกล่าวมีผู้เสียหายประมาณ 200 คน ความเสียหายรวมกว่า 2,000 ล้านบาท แต่มีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ 20 คน โดยความเสียหายที่แต่ละรายต้องสูญเสียอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งผู้ที่ลงทุนและเสียหายสูงสุด ลงเงินไปกว่า 50 ล้านบาท และในปี 2556 ผู้เสียหายเคยไปร้องที่ ดีเอสไอ แต่ขณะนั้นดีเอสไอไม่รับเป็นคดีพิเศษ และเมื่อต้นปี 2560 ผู้เสียหายเข้าร้องที่ดีเอสไออีกครั้ง ครั้งนี้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษที่ 22/2560 และมีคำสั่งอายัดบัญชีธนาคารของบริษัท 13 บัญชี แต่ต่อมากลับมีการถอนอายัด ทำให้ผู้เสียหายไม่มั่นใจการทำงานของดีเอสไอ และเกรงว่าจะไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายคืน
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า ได้สอบถามไปยังอธิบดีดีเอสไอแล้ว โดย ยืนยันว่าคดีนี้รับเป็นคดีพิเศษแล้ว หลังจากนี้ต้องสอบสวนตามอำนาจหน้าที่และพยานหลักฐาน ส่วนการถอนอายัดบัญชีนั้นได้กำชับย้ำกับดีเอสไอว่าจะต้องทำให้เกิดความชัดเจน โปร่งใสว่า การอายัดครั้งแรกพนักงานสอบสวนมีหลักฐานอะไร และมีมูลความผิดชัดเจนเกี่ยวกับการกระทำผิดขนาดไหนที่นำไปสู่การอายัด และการถอนอายัดบัญชีมีเหตุผลอย่างไร หากการสอบสวนพบหลักฐานความผิดและจำเป็นต้องอายัดบัญชีเพื่อนำเงินมาคืนให้ผู้เสียหาย แต่ทรัพย์ได้ถูกโยกออกจากบัญชีก็จะมีความผิดฟอกเงินเพิ่มอีก 1 คดีด้วย โดยกำหนดให้ ดีเอสไอมาชี้แจงในวันที่ 29 มิถุนายนนี้ และจะให้ผู้เสียหายส่งตัวเเทนเข้ารับฟังด้วย
ส่วนเรื่องที่มีผู้เสียหายที่นำเงินไปลงทุนและขาดทุนจนถูกยึดทรัพย์บังคับคดี ได้ประสานให้เข้าร้องทุกข์กับศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เพื่อขอให้ชลอการบังคับคดีไว้ก่อน สำหรับคดีนี้ตนเองพบข้อพิรุจในการทำคดีแต่คงจะไม่ขอลงในรายละเอียดว่าเป็นเรื่องใด โดยจะขอให้เจ้าหน้าที่มาชี้แจงก่อนที่มีการตัดสินใจ
ด้าน พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กล่าวว่า เรื่องการถอนอายัดบัญชี เนื่องจากพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเสนอให้อายัดบัญชีธนาคารทุกบัญชีของบริษัท โดยไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่าบัญชีได้เป็นบัญชีที่ได้มาซึ่งทรัพย์สินที่เกิดจากการกระทำผิด ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เบื้องต้นจึงถอนคำสั่งอายัดแล้วให้พนักงานสอบสวนไปแยกแยะทรัพย์สินให้ชัดเจนว่าบัญชีใดบ้างที่ได้มาจากหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด.-สำนักข่าวไทย
