กทม. 21 มิ.ย. – อุตสาหกรรมแฟชั่นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการจึงต้องปรับตัว รวมถึงอุตสาหกรรมไหมไทย มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับอุตสาหกรรมแฟชั่น 4.0
การดึงอัตลักษณ์ เส้นทางวัฒนธรรมจากยุโรปถึงเอเชีย (The Silk Road) มาผสานกับเทคโนโลยี พัฒนาสู่ลวดลายและวัสดุใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ขยายฐานการใช้ไหมไทย ให้สามารถใส่ได้ในทุกโอกาส ภายใต้ Concept “ไหมไทย ใคร ๆ ก็ใส่ได้ ง่ายในการรักษา มาพร้อมฟังก์ชั่น” เป็นเทรนด์ใหม่ที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ในยุค 4.0
ปีนี้ผู้ประกอบการไทยได้ใช้นวัตกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ที่โดนใจวัยรุ่นสุดๆ ก็ต้องยกให้ผ้าไหมยีน ทอผสมผสานเส้นไหมเหลืองปั่นหยาบกับเส้นด้ายลินินย้อมสีครามจากธรรมชาติ เพื่อพัฒนาเป็นเครื่องแต่งกายแฟชั่น สนนราคาเมตรละ 850 บาท
นอกจากนี้ยังมีผ้าไหมคอลลาเจน ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว ผ้าไหมอโรม่าที่ตกแต่งด้วยกลิ่นหอม หรือผ้านวมที่ผลิตจากเศษรังไหม ดูแลรักษาง่าย ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ
โดยโครงการพัฒนาผ้าไหมไทยร่วมสมัยสู่สากล (Modern Thai Silk) ยังมุ่งส่งเสริมและยกระดับคุณภาพผู้ประกอบการไทย เจาะตลาดโลกด้วยอัตลักษณ์ของไหมไทย ออกแบบและผลิตผ้าไหมไทยให้ร่วมสมัยสอดคล้องกับเทรนด์โลก เพื่อแบรนด์เนมทั่วโลกจะเลือกใช้ “ไหมไทย” เป็นส่วนประกอบในการผลิต
การผนึกไอเดียผสานนวัตกรรม นอกจากจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมไหมไทยที่สร้างรายได้เข้าประเทศไม่น้อยกว่าปีละ 20 ล้านบาทแล้ว ไหมไทยยังกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาชาวต่างชาติด้วย. – สำนักข่าวไทย