สนช.ผ่านกม.ลูกพรรคการเมืองวาระ 3


 รัฐสภา 15 มิ.ย.-ที่ประชุมสนช.เห็นชอบร่างพ.ร.บ.ประกอบรธน.ว่าด้วยพรรคการเมือง วาระ 3เพิ่มเลขาธิการพรรคเป็นกก.บริหารพรรค กำหนดให้พรรคจ่ายเงินทุนประเดิมจัดตั้งพรรคไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท วิธีคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.ยึดหลักการมีส่วนร่วมของสมาชิก

  การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันนี้ (15 มิ.ย.) มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่หนึ่งเป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่คณะกรรมาธิการฯ (กมธ.)พิจารณาเสร็จแล้ว มี 142 มาตรา


 พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มุ่งหวังให้พรรคการเมืองเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง จึงเพิ่มเนื้อหาเรื่องการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ และเพิ่มมาตรการส่งเสริมให้พรรคการเมืองมีโครงสร้างที่เข้มแข็งถาวร สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างเข้มแข็ง ด้วยการนำสาขาพรรคการเมืองมาเป็นเงือนไขในการจัดกองทุนพัฒนาการเมือง

 “สำหรับประเด็นเรื่องทุนประเดิมพรรคเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อมีส่วนร่วมในการตั้งพรรคการเมือง และป้องกันนายทุนเข้ามาครอบงำพรรค จึงกำหนดไว้ว่าพรรคการเมืองที่จะส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง จะต้องมีทุนประเดิมไม่น้อยกว่าค่าใช้จ่ายในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งครั้งนี้ 1.5 ล้านบาท มีผู้ร่วมก่อตั้ง 500 คน วงเงินตั้งแต่ 1,000-50,000 บาท เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมมาก เพราะการกำหนดเพดานเงินขั้นสูง ส่วนเงินค่าสมาชิกพรรคการเมือง ตามร่างกำหนดให้จัดเก็บคนละ 100 บาทต่อปี แต่ในปีแรกก่อนเลือกตั้งนี้ อนุโลมลดให้เหลือ 50 บาท ซึ่งทางกมธ.เห็นว่าไม่เป็นอุปสรรคขวางกั้นการเข้ามาร่วมกิจกรรมทางการเมือง จึงเห็นด้วย แต่ต้องมีมาตรการอำนวยความสะดวกการจัดเก็บค่าบำรุง ซึ่งกมธ.เชิญผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารรัฐมาหารือ จึงเพิ่มวรรคท้ายให้อำนวยความสะดวกในการจัดเก็บค่าสมาชิกผ่านธนาคารของรัฐได้” พล.อ.

สมเจตน์ กล่าว


พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า มาตรา 9 เรื่องทุนประเดิมพรรคการเมือง ได้มีการถกเถียงกันค่อนข้างมาก โดยกรรมาธิการเสียงข้างน้อยเสนอให้ปรับแก้กลับไปใช้ทุนประเดิมที่ 1 ล้านบาท ไม่ใช่ปรับเปลี่ยนตามค่าใช้จ่ายของผู้สมัครส.ส.ตามที่คณะกรรมาธิการฯแก้  และให้ลงเงินได้คนละ 1,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000 บาท ซึ่งที่ประชุมก็มีมติเห็นชอบตามกรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อยในวาระที่ 2 ด้วยคะแนน 109 ต่อ 95 เสียง งดออกเสียง 11 เสียง

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมสนช.มีมติเห็นชอบการปรับแก้ของกรรมาธิการในมาตราอื่น ๆ ทุกมาตรา อาทิ การห้ามกรรมการบริหารพรรคยินยอมให้บุคคลภายนอกที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเข้าควบคุม ครอบงำ ชี้นำการดำเนินกิจการของพรรค หากฝ่าฝืนจะมีโทษทั้งปรับและจำคุก รวมถึงเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ขณะเดียวกันยังเห็นชอบปรับแก้วิธีการคัดเลือกผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบแบ่งเขต ที่ยึดหลักว่าสมาชิกพรรคจะมีส่วนร่วมในการเสนอชื่อผู้สมัคร โดยจะกำหนดให้ประกาศรับสมัครผู้มีคุณสมบัติ แล้วจะส่งรายชื่อไปยังสาขาพรรคหรือตัวแทนจังหวัด เพื่อให้สมาชิกคัดเลือกจนได้ชื่อ 2 ลำดับแรกในแต่ละเขต ก่อนส่งให้คณะกรรมการสรรหา

จากนั้นคณะกรรมการสรรหาจะส่งให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณา ซึ่งหากคณะกรรมการบริหารพรรคไม่ได้เลือกชื่อลำดับแรกต้องชี้แจงเหตุผล แต่หากคณะกรรมการบริหารพรรคไม่เลือกทั้ง 2 ลำดับจะต้องกลับไปเริ่มกระบวนการใหม่ตั้งแต่ต้น เช่นเดียวกับการเลือก ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่จะประกาศรับสมัครสมาชิกที่มีคุณสมบัติ จากนั้นคณะกรรมการสรรหาจะต้องจัดทำรายชื่อ 150 คน โดยชื่อแรกจะต้องเป็นหัวหน้าพรรคเท่านั้น แล้วพรรคจะต้องส่งชื่อทั้ง 150 คน ให้สาขาพรรคและตัวแทนจังหวัดคัดเลือกด้วยวิธีการลงคะแนน โดยสมาชิก 1 คน สามารถลงคะแนนให้ได้ 15 รายชื่อ เมื่อสมาชิกได้ลงคะแนนแล้ว จะส่งกลับมาให้คณะกรรมการสรรหาจัดลำดับชื่อตามคะแนนที่ได้รับจากสมาชิก

 ทั้งนี้ กรณีที่ผู้สมัครคนใดได้รับคะแนนเท่ากัน ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหารพรรคในการพิจารณา ซึ่งวิธีดังกล่าวจะแก้ปัญหาเรื่องนายทุนส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ได้ นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นชอบการปรับสัดส่วนของกรรมการบริหารพรรค โดยเพิ่มให้มีเลขาธิการพรรค เป็นกรรมการบริหารพรรคด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประชุมสนช.ใช้เวลาพิจารณากว่า 6 ชั่วโมง จึงมีมติเอกฉันท์เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองวาระ 3 ด้วยคะแนน 180 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง

 สำหรับขั้นตอนต่อไป ประธานสนช.จะส่งร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ให้กรธ. กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าตรงตามเจตนารมณ์หรือไม่ ซึ่งกกต.และกรธ.จะต้องมีความเห็นกลับมายังสนช. ภายใน 10 วัน หากไม่มีองค์กรใดโต้แย้ง  สนช.จะส่งร่างกฎหมายให้นายกรัฐมนตรี เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ บังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป แต่หากองค์กรใดโต้แย้ง จะต้องตั้งคณะกรรมาธิการร่วมชุดหนึ่งจำนวน 11 คน โดยมีสัดส่วนจากประธาน กกต. 1 คน สนช. และกรธ. ฝ่ายละ 5 คนเพื่อพิจารณาใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันก่อนส่งให้ สนช.พิจารณาอีกครั้ง หากสนช.มีมติเสียงไม่เห็นชอบเกิน 2 ใน 3 จะถือว่าร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นอันตกไป และจะต้องเริ่มกระบวนการยกร่างใหม่.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ระเบิดรถครู ตชด.

ทราบกลุ่มคนร้ายก่อเหตุระเบิดรถครู ตชด.สองพ่อลูก

ทราบคนร้ายก่อเหตุระเบิดรถครู ตชด.สองพ่อลูก จ.นราธิวาส แล้ว วันก่อเหตุมีแนวร่วมปฏิบัติการประมาณ 6 คน กลุ่มเป้าหมายคือเจ้าหน้าที่รัฐ

หมายจับผู้มีพระคุณ

ออกหมายจับผู้มีพระคุณจ้าง “เอ็ม กองเรือ” สังหารอดีต สส.กัมพูชา

ตำรวจเร่งล่า “สมหวัง” ผู้มีพระคุณของ “เอ็ม กองเรือ” หลังศาลออกหมายจับใช้จ้างวานสังหาร “ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา

เศร้า ฝังศพ “พ่อ-ลูก” ครู ตชด. เหยื่อวางระเบิด

ประชาชน-ตำรวจตระเวนชายแดน นับพันคน ร่วมพิธีฝังศพ 2 พ่อลูก ครู ตชด. เหยื่อผู้ก่อความไม่สงบลอบวางระเบิดในพื้นที่ จ.นราธิวาส

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ลงพื้นที่ยะลา พบนักเรียน-ผู้นำศาสนา ปลื้มต้อนรับอบอุ่น

นายกฯ ขึ้น ฮ. ลงยะลา ทักทายเป็นภาษามลายู พบนักเรียน-ผู้นำศาสนา ท่ามกลางฝนตกโปรยปราย ปลื้มต้อนรับอบอุ่น บอกมีตรงไหนเดือดร้อน รัฐบาลพร้อมสนับสนุน ลั่นอยู่ศาสนาใด-เชื้อชาติใด คนไทยด้วยกัน ขอรักสามัคคีกัน

นายกฯไปนราธิวาส

นายกฯ นำคณะถึงนราธิวาส สวมเสื้อสูท “ลายนรารวมใจ”

“นายกฯ อิ๊งค์” ถึงนราธิวาสสวมเสื้อสูท “ลายนรารวมใจ” สีชมพูบานเย็น หวานฉ่ำ ถ่ายทอดความเป็นหนึ่งเดียวของผู้คนชาวนราธิวาส ที่มีความรัก สามัคคี ประสานความสัมพันธ์บนวิถีชีวิต และวัฒนธรรมอันงดงามของจังหวัดนราธิวาส

สารวันครูปี68

นายกฯ มอบสารวันครู จุดประกายฝัน ดันเด็กไทยกล้าคิด สร้างโอกาส

“นายกฯ” มอบสารวันครู ประจำปี 2568 “ครูจุดประกายความฝัน ผลักดันให้กล้าคิด สร้างโอกาสในชีวิตให้เด็กไทย” ระลึกบุญคุณครู ปลูกฝังศิษย์คิด-ทำในสิ่งที่ดีและถูกต้อง เชื่อ ครู ต้องพัฒนาพร้อมรับมือโลกยุคใหม่