สำนักงานกกต. 15 มิ.ย.-สมชัยเผยกกต.เตรียมเสนอ 3 ประเด็นแย้งสนช.ปมเซ็ตซีโร่ 22 มิ.ย.นี้ แต่เชื่อกรธ.-สนช.ต้องยืนจุดเดิม
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เปิดเผยถึงการทำความเห็นแย้งเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติประกิบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกรรมการการเลือกตั้ง(พ.ร.ป.กกต.) ไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ว่า กกต.เตรียมยื่น 4-5 ประเด็น ในจำนวนนี้จะรวมถึงเรื่องการเซ็ตซีโร่กกต.ด้วย ขณะนี้สำนักกฎหมายของสำนักงานกำลังนำเหตุผลของคณะที่ปรึกษาและที่ประชุมกกต.ที่เห็นว่าการเซ็ตซีโร่ กกต.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาเรียบเรียง ก่อนเสนอเป็นร่างหนังสือความเห็นแย้งให้ที่ประชุมกกต.วันที่ 20 มิถุนายนนี้พิจารณา
นายสมชัย กล่าวว่า สำหรับเหตุผลแย้งการเซ็ตซีโร่กกต.มี 3 ประเด็นคือ1.การขัดหลักนิติธรรม 2.ขัดเจตนารมณ์การยกร่างรัฐธรรมนูญ และ 3. กระบวนการตรากฎหมายไม่ชอบ โดยจะแนบเอกสารประกอบ เอกสารบันทึกเจตนารมณ์การยกร่างมาตราดังกล่าวของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ไปให้พิจารณาด้วย คาดว่ากกต.จะจัดส่งหนังสือความเห็นแย้งไปยังสนช.ได้อย่างช้าไม่เกินวันที่ 22 มิถุนายนนี้
“ในชั้นกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย เราคงไม่ชนะเพราะองค์กรประกอบคณะกรรมาธิการมีประธาน กกต.เพียงคนเดียวที่เป็นตัวแทนกกต. ส่วนที่เหลือ10 คนมาจากกรธ.และสนช. คิดว่าทั้งสองหน่วยงานคงยืนยันจุดยืนเดิม แต่ต้องสู้เพราะกกต.มีหน้าที่ปกป้องกฎหมายให้ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ” นายสมชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของกกต.เชื่อว่าในชั้นของกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย กกต.ไม่น่าจะเปลี่ยนความคิดของกรธ.และสนช.ได้ การโหวตร่างกฎหมายของที่ประชุมสนช.ในชั้นนี้ ผลที่ออกมาจะยังคงประเด็นเซ็ตซีโร่กกต.เช่นเดิม โดยเมื่อสิ้นสุดในขั้นตอนของสนช. ออกเป็นร่างกฎหมายที่รัฐบาลเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อตราเป็นกฎหมาย ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว กกต.จะอาศัยช่องทางตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 ( 1) ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายหรือร่างกฎหมายได้ เพื่อให้เกิดการตีความที่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม หากผลการตีความของศาลรัฐธรรมนูญออกมาว่าร่างกฎหมายขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยเกิดขึ้นก่อนทรงลงพระปรมาภิไธยตราเป็นกฎหมาย นายกรัฐมนตรีสามารถยื่นขอพระราชทานร่างกฎหมายดังกล่าวคืนมาเพื่อปรับแก้ให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ อีกครั้ง หรือหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยมาภายหลังร่างพ.ร.ป.กกต.ประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว นายกรัฐมนตรีต้องเสนอแก้ไขกฎหมายตามกระบวนการต่อไป.-สำนักข่าวไทย