เวทีเสวนาชี้ ข่าวเปรี้ยว สะท้อนสังคมไทย-สื่อต้องปรับ

สมาคมนักข่าวฯ 9 มิ.ย.-ในเวทีเสวนาหัวข้อข่าว‘เปรี้ยว’นักวิชาการสะท้อนสังคมไทยป่วย 5โรค นิยมความดัง ติดกระแส นิยมความรุนแรง ขณะที่สื่อไทยกลัวตกข่าว ห่วงเรตติ้ง แนะสื่อหลักเป็นยารักษาโรค 


สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดเวทีเสวนาหัวข้อ “ข่าวเปรี้ยว ข่าวเปรี้ยง ! สะท้อนความป่วยไข้ของสังคมไทย?”  โดยนายวรัชญ์    คุรจิต  ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร  สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวว่า ข่าวเปรี้ยวหั่นศพ สะท้อนสังคมไทยกำลังป่วย  5 โรค คือ โรคนิยมความดัง , ติดกระแส , ฉาบฉวย , คิดไม่รอบคอบ และนิยมความรุนแรง ส่วนสื่อมวลชนไทยก็กำลังป่วย 5โรคเช่นกันคือโรคกลัวตกข่าว,ห่วงเรตติ้ง ,ติดดราม่า,ควบคุมตัวเองไม่ได้ และไร้กรอบจริยธรรม ขณะที่สถิติการเข้าใช้อินเทอร์เน็ตมีผู้ใช้ร้อยละ60 แสดงว่าอีกร้อยละ40ยังเข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ต ดังนั้น สื่อหลักเปรียบเสมือนยารักษาโรค สามารถนำเสนอเนื้อหาอย่างสร้างสรรค์ ช่วยรักษาโรคที่สังคมกำลังป่วย


ด้านน.ส.กนกพร  ประสิทธิ์ผล นายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์  กล่าวว่า ในฐานะสื่อมวลชนมี 2 หน้าที่หลักคือนำเสนอเนื้อหาสิ่งที่ประชาชนควรจะรู้ กับเนื้อหาที่ประชาชนอยากจะรู้  ซึ่งสื่อออนไลน์ปัจจุบันเลือกนำเสนอในสิ่งที่สังคมอยากรู้  ส่วนสิ่งที่ควรรู้  มีการนำเสนอน้อยลงและผู้เสพสื่อจะเลือกรับชมในสิ่งที่อยากรู้ กลายเป็นพฤติกรรมซ้ำๆ ขณะที่การนำเสนอข่าวผ่านเฟสบุ๊ก ระบบจะคัดกรองผ่านพฤติกรรมของผู้รับสาร ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตราย ยากต่อการควบคุม 


ขณะที่นายวริษฐ์ ลิ้มทองกุล กล่าวว่า ปัจจุบันสื่อเมืองไทยร้อยละ 90 เป็นสื่อเอกชนที่ต้องสร้างรายได้ด้วยตัวเอง ไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐ โดยสื่อต้องมีเรตติ้ง เพิ่มยอดขายโฆษณา เพื่อความอยู่รอด ส่งผลให้การนำเสนอข่าวขาดความรับผิดชอบมากขึ้น ดังนั้นหน่วยงานหลักที่มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลสื่อ ควรมีมาตรการที่ชัดเจน

ขณะเดียวกัน นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ยอมรับว่ากสทช.ยังไม่มีบทบาทในการกำกับเนื้อหาสื่อออนไลน์ ปัจจุบันสื่อหลักกำลังลงไปแข่งขันกับสื่อประชาชน ที่ไม่มีกรอบควบคุมจริยธรรม ตรงกันข้ามในวิชาชีพสื่อมีกรอบจริยธรรมควบคุม สามารถเลือกนำเสนอให้อยู่ในกรอบจริยธรรม ดังนั้นความแตกต่าง คือจุดรอดของสื่อหลัก .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ติดตามภารกิจช่วยเหลือคนติดซาก สตง.ถล่ม

นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุอาคาร สตง.ถล่ม ติดตามภารกิจช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างอยู่ใต้ซากอาคาร พร้อมให้กำลังใจทุกหน่วยงานทำงานอย่างเต็มที่

ตึกถล่มแผ่นดินไหว

72 ชั่วโมง ยังมีหวังพบผู้รอดชีวิตตึก สตง. ถล่ม

ใกล้ครบ 72 ชั่วโมงเหตุตึก สตง. ถล่ม แต่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายยังไม่ละความพยายาม และยังมีความหวังในการค้นหาผู้ที่ติดอยู่ใต้ซาก

ตรวจอาคารแผ่นดินไหว

ตรวจอาคารใน กทม.แล้วกว่าหมื่นแห่ง พบสีแดง 2 แห่ง ยังห้ามเข้าใช้ จากเหตุแผ่นดินไหว

หน่วยงานร่วมแถลงสถานการณ์ภาคเศรษฐกิจและระบบทางการเงินจากเหตุแผ่นดินไหว เผยตรวจสอบอาคารแล้วกว่า 10,000 แห่ง เป็นสีเขียว พบ 2 แห่ง ยังมีสีแดงไม่ให้เข้าใช้อาคาร แจง 4 บริษัทประกันภัยตึก สตง.ถล่ม ทำประกันภัยต่อกับบริษัทประกันต่างประเทศ

อพยพออกจากตึก

ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ แจ้งให้เข้าใช้งานในอาคารได้แล้ว

ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ สั่งคนออกจากตึกทันที หลังเกิดเสียงดัง-รอยร้าว-เศษปูนร่วง ล่าสุดแจ้งให้เข้าใช้งานในอาคารได้แล้ว