กทม. 2 มิ.ย. – พบอีก 4 ลูก ระเบิดในกล่องส่งพัสดุภายในร้านรับส่งพัสดุเอกชนย่านบางเขน รวมกับก่อนหน้านี้เป็น 8 ลูก พร้อมกระสุนปืนอีก 100 นัด เจ้าหน้าที่ทราบตัวผู้ที่นำพัสดุมาส่งแล้ว อยู่ระหว่างนำตัวมาสอบสวน ขณะที่กองทัพบกรอผลสอบ “สิบโท” ทหารบก ส่งระเบิด วอนประชาชนอย่าตื่นตระหนก เชื่อไม่โยงเหตุป่วนเมือง
ในที่เกิดเหตุร้าน KERRY EXPRESS สาขาบางเขน ซึ่งตั้งอยู่บนถนนพหลโยธินขาเข้า แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน เจ้าหน้าที่อีโอดีนำกำลังเข้าตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิดที่พบบรรจุอยู่ในกล่องไปรษณีย์ที่ระบุชื่อผู้ส่ง คือ นายอิสรพงษ์ พรมบุตร ภูมิลำเนากรุงเทพฯ ไม่เขียนที่อยู่ในกล่องไปรษณีย์ นำส่งนายแม็ก บ้านเลขที่ 33/1 หมู่ 6 ต.กุฎโง้ง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี เบื้องต้นตรวจพบระเบิด M67 จำนวน 4 ลูก อานุภาพสังหาร 5 เมตร ลักษณะสมบูรณ์พร้อมใช้งาน เจ้าหน้าที่นำเทปกาวสีดำพันม้วนรอบสลักระเบิดเพื่อความปลอดภัย
สอบสวน น.ส.รัชนีกร รุจิปราชญ์ พนักงานร้าน KERRY EXPRESS ให้การว่ากล่องไปรษณีย์ดังกล่าวถูกนำมาส่งตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม แต่ถูกตีกลับ ซึ่งตามกฎบริษัทหากไม่มีผู้รับ บริษัทจะติดต่อภายใน 7 วัน แต่กล่องดังกล่าว ติดต่อไม่ได้ทั้งผู้รับและผู้ส่ง เจ้าหน้าที่จึงเข้าเคลียร์ของ ก่อนจะเปิดตรวจสอบ เพราะเห็นเก็บมาหลายวัน และภายในเป็นกล่องยุทธภัณฑ์จึงลองเขย่าดูคิดว่าเป็นอุปกรณ์น้ำมันเครื่อง แต่ทางผู้เชี่ยวชาญพบว่าไม่ใช่ จึงรีบแจ้งตำรวจทันที
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่พบระเบิดเอ็ม 67 จำนวน 2 ลูก ลูกเกลี้ยง 2 ลูก และกระสุนปืนนับร้อย ขณะที่ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทราบตัวผู้ที่นำมาส่งแล้ว อยู่ระหว่างนำตัวมาสอบสวนว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าอาวุธหรือไม่ สำหรับระเบิดชนิด M67 ไม่ค่อยมีใช้ในราชการแล้ว ส่วนใหญ่เอาไว้ฝึก มีรัศมีทำลายระยะ 5 เมตร
และเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา (17.00 น.) พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษก คสช. กล่าวถึงกรณีที่พบวัตถุต้องสงสัยภายในร้าน KERRY EXPRESS สาขาบางเขน โดยระบุชื่อผู้ส่งคือนายอิสรพงษ์ พรมบุตร จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทหารยศสิบโท ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบเรื่องดังกล่าว และขอร้องประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะเป็นเพียงการส่งพัสดุธรรมดาเท่านั้น เบื้องต้นทราบว่าไม่ได้เตรียมไปก่อเหตุที่ไหน แต่จะเป็นการซื้อขายหรือต้องการส่งไปข่มขู่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง ขอเวลาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อน ซึ่งตามกฎหมายหากประชาชนหรือเจ้าหน้าที่มีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องเพิ่มโทษเป็นสองเท่า นอกจากความผิดทางคดีอาญาแล้วยังมีความผิดทางวินัยด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารบก ได้เน้นย้ำเสมอหากมีข้อมูลว่าเป็นทหาร ทางกองทัพบกพร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจอย่างเต็มที่. – สำนักข่าวไทย