กรุงเทพฯ 29 พ.ค.-นายกฯตรวจระบบริหารจัดการน้ำที่สถานีสูบน้ำพระโขนง พร้อมหนุนงบประมาณให้กทม.สร้างโรงสูบน้ำ 50 ล้านบาท
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมคณะตรวจเยี่ยมและติดตามแนวทางการระบายน้ำ แผนบริหารจัดการน้ำ ระบบป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่สถานีสูบน้ำพระโขนง เขตคลองเตย โดยมีพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) พร้อมผู้บริหารกทม. สำนักการระบายน้ำให้การต้อนรับ ทั้งนี้ เพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
ภายหลังรับฟังบรรยายสรุปแผนบริหารจัดการน้ำแล้ว นายกรัฐมนตรีได้พบปะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ประชาชนชุมชนเกาะกลาง ต้นแบบชุมชนเข้มแข็ง รักษาสิ่งแวดล้อมคลองพระโขนง ซึ่งเป็นชุมชนขนาดเล็กในเขตคลองเตย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวชื่มชมประชาชว่าเป็นชุมชนที่เสียสละ และสั่งการให้กทม.จัดสร้างโรงสูบน้ำในอีกหลายพื้นที่ โดยให้วางแผนโครงการพร้อมเสนอขออนุมัติงบประมาณที่คาดว่าจะใช้ประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อเร่งระบายน้ำ
“อยากให้คนไทยทุกคนเข้าใจว่า รัฐบาลพยายามแก้ไขที่รากเหง้าของปัญหาว่าน้ำ และประชาชนต้องมีส่วนร่วม ต้องคิดใหม่ว่าวิธีแก้ปัญหาเดิมถูกจุดหรือไม่ ต้องใช้งบประมาณและเวลาในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะการแก้ปัญหาขยะที่อุดตันท่อระบายน้ำ จนส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่กทม.ทุกคนเมื่อมีปัญหาน้ำท่วม เจ้าหน้าที่จะตกเป็นจำเลยทุกครั้ง ทั้งที่เป็นเพียงจังหวัดเดียวที่ต้องรับผิดชอบ ขณะที่นายกรัฐมนตรีกลับตกเป็นจำเลยทุกเรื่องเพราะดูแลทุกจังหวัด พร้อมเตือนประชาชนอย่าลืมตอบคำถาม 4 ข้อเกี่ยวกับประชาธิปไตยและการเลือกตั้งที่นายกรัฐมนตรีถามด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีพบปะพูดคุย ชาวชุมชนเกาะกลางขอให้กทม.มอบเรือ 1 ลำให้ชุมชนเพื่อใช้ในการเก็บขยะตามที่ร้องขอ ในโอกาสนี้ชาวชุมชนเกาะกลางเตรียมมอบวัตถุมงคลตะกรุด 19 ดอกและก้นบุหรี่หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธให้ แต่นายกรัฐมนตรีขอเช่าแทน
จากนั้น นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ซอยลาซาล-แบริ่ง ถนนสุขุมวิทเพื่อติดตามแนวทางการแก้ไขปัญหาพื้นที่ต้องระวังเป็นพิเศษและจำเป็นต้องเร่งระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก โดยก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมามีฝนตกลงมาอย่างหนัก และหยุดตกเมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึง เจ้าหน้าที่กทม.ได้รายงานแนวทางการแก้ปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณจุดนี้ว่า วางท่อระบายน้ำ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม 16 เครื่องเพื่อสูบน้ำลงคลองสำโรง
ขณะที่กรมทางหลวงรายงานว่า เร่งระบายน้ำบนถนนศรีนครินทร์ ในระยะกลางจะขยายท่อระบายน้ำลึก 6 เมตร และติดตั้งเครื่องสูบน้ำจากแบริ่งลงคลองบางนา โดยนายกรัฐสั่งการให้เร่งดำเนินการทันที เพื่อให้ทันต่อปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน หากติดขัดเรื่องงบประมาณให้แจ้งกับทางกทม.
นายกรัฐมนตรี ได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ โดยขอให้ทำงานด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะอันตรายที่เกิดจากน้ำระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เช่น ไฟฟ้ารั่ว พักผ่อนให้เพียงพอ และขอให้อดทนทำเพื่อประชาชน จากนั้นเดินตรวจดูเครื่องสูบน้ำและรถดูดล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำของกทม.พบปะพ่อค้าแม่ค้าบริเวณตลาดตรงข้ามซอยลาซาล พร้อมอุดหนุนร้านค่าต่าง ๆ ทั้งขนม เครื่องดื่มและอาหาร เช่น ขนมขาไก่ ข้าวเกรียบ ขนมปังกรอบ เป็นเงินกว่า 3,000 บาท และมอบให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานไปรับประทาน
นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ได้มาตรวจเยี่ยมแนวทางการระบายน้ำเขตพระโขนงและบางนา ซึ่งเป็นรอยต่อของกทม.และสมุทรปราการ รวมทั้งถือโอกาสขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกระดับและประชาชนที่อยู่ในพื้นที่สถานีสูบน้ำ ส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมมอบหมายให้กทม.ทำแผนสรุปการแก้ไขปัญหาน้ำทั้งระบบเพื่อจะนำไปเชื่อมโยงกับการแก้ปัญหาน้ำของประเทศ ซึ่งกทม.ของบประมาณ 1 พันล้านบาทสำหรับจัดทำสถานีสูบน้ำคลองเปรมประชากร ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนงบประมาณให้
“เห็นใจประชาชนที่ต้องประสบปัญหาน้ำท่วมและการจราจรติดขัด ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังของกทม.แต่รัฐบาลเร่งทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในอดีต โดยเฉพาะการระบายน้ำที่ดีขึ้น แต่อยากขอความร่วมมือประชาชนอย่ามักง่าย ทิ้งขยะลงในคูคลอง โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ เช่น โต๊ะ เตียง ที่นอน โซฟา จึงมีแนวคิดให้กทม.จัดหารถบรรทุกขนาดใหญ่ สำหรับเก็บขยะเหล่านี้ เพื่อนำไปซ่อมแซมและมอบให้กับคนจนหรือใช้เป็นเชื้อเพลิงต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแก้ปัญหาน้ำท่วมขังรอการระบายในขณะนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะกทม.ไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องการจัดทำผังเมืองใหม่ได้ รวมทั้งการย้ายเมืองก็ทำได้ยาก รัฐบาลจึงต้องวางแนวทางขยายเมืองเพื่อลดความแออัดและการก่อสร้างที่กีดขวางทางน้ำ ที่เป็นต้นเหตุของปัญหา ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยบูรณาการการทำงานอย่างเต็มที่โดยเฉพาะทหาร ดังนั้น อย่าเกลียดทหาร หากจะไม่ชอบให้เกลียดตนเองคนเดียว.-สำนักข่าวไทย