ร่างแผนพัฒนาประชากร 20 ปี ชวนวัยเจริญพันธุ์มีบุตรเพิ่ม

กทม. 29พ.ค.- สภาพัฒน์ จัดระดมความคิดเห็นร่างแผนประชากรเพื่อการพัฒนาประเทศระยะยาว 20 ปี ยุทธศาสตร์สำคัญส่งเสริมให้คนวัยเจริญพันธุ์มีบุตรโดยสมัครใจเพิ่ม โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y 


ดร.ปรเมธ วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ เป็นประธานเปิดการประชุมสัมนาเรื่อง (ร่าง)แผนประชากรเพื่อการพัฒนาประเทศระยะยาว 20 ปี   ( พ.ศ.2560-2579) 

ดร.ปรเมธ กล่าวว่า การสัมนาครั้งนี้เพื่อเป็นการนำเสนอและรับฟังข้อคิดเห็นต่อ (ร่าง)แผนประชากรฯร่วมกับสำนักกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)และกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ  (UNFPA)และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาปรับให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์มากขึ้น ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี รวมถึงการรับฟังงานวิจัยที่สอดรับกับร่าง จากนักวิชาการ เพื่อนำมากำหนดโจทย์วิจัยในอนาคต เป็นฐานต่อยอดและปรับปรุงการเนินงานด้านประชากรและการพัฒนาต่อไป 


โดยร่างนี้ เป็นแนวทางการพัฒนาประชากรในระยะยาว สอดรับกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี มุ่งนำประเทศไปสู่การเป็น “ประเทศที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรไทยไปสู่สังคมผู้สูงอายุ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ประชากรวัยเด็กและวัยแรงงานมีจำนวนสัดส่วนลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น  โดยปี2564 มากถึงร้อยละ 20 ของประชาการทั้งหมด และจะเพิ่มเป็นร้อยละ 30 ในปี 2579 ขณะที่การเกิดใหม่ของเด็กมีแนวโน้มลดลงจากเดิมเฉลี่ยปีละ 1 ล้านคน จนปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 7 แสน  คาดแนวโน้มดังกล่าวจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบ อาทิ รัฐต้องแบกรับภาระในการจัดสวัสดิการเพื่อดูแลผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการดูแลด้านสุขภาพ คาดเพิ่มขึ้นจาก 4 แสนล้านบาท ในปี 2556 เป็น 1.4 ล้านบาทในปี 2571 และเศรษฐกิจชะลอตัวเนื่องจากขนาดกำลังแรงงานลดลง อุปสงค์ในประเทศขยายตัวช้า และต้องพึ่งพิงอุปสงค์จากต่างประเทศมากขึ้น ขณะที่คน Gen Y ซึ่งเป็นประชากรที่มากที่สุดของวัยแรงงาน มากถึงร้อยละ 31 ของจำนวนประชากรทั้งหมด กลับแต่งงาน มีบุตรน้อยลง ย้ายถิ่นฐานการทำงานเพิ่มขึ้น ใช้จ่ายสูง ออมน้อย เกิดปรากฎการณ์แก่ก่อนรวย ซึ่งการวางแผนและออกแบบนโยบายจึงต้องสอดคล้องกับปัญหาดังกล่าว 

ทั้งนี้ (ร่าง)แผนประชากรฯ ประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์ที่สำคัญ คือ 1. การส่งเสริมให้ประชากรวัยเจริญพันธุ์มีบุตรโดยสมัครใจเพิ่มขึ้น ในเฉพาะในกลุ่ม Gen Y 2.การพัฒนาและยกระดับผลิตภาพประชากร เพิ่มแรงงานผู้สูงอายุ ดึงแรงงานไทยในต่างประเทศกลับมา 3.การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากร ลดการตายก่อนวัยอันควร ส่งเสริมเป็นผู้สูงวัยที่แข็งแรง พึ่งตนเองได้ 4.สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและระบบการคุ้มครองทางสังคม ให้ประชาชนมีรายได้ มีหลักประกัน  สร้างวินัยการออม 5.การสนับสนุนสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาประชากร.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มพาลูก-เมียกลับจากฉลองวันเกิด รถยางระเบิดเสียหลักชนเสาไฟ ดับ 3 สาหัส 2

พ่อแม่ลูก 5 คน กลับจากฉลองวันเกิด รถกระบะยางระเบิดเสียหลักหมุนชนอัดเสาไฟฟ้า พ่อและแม่พร้อมลูกคนโตเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกคนกลางและคนเล็กอาการสาหัส

สุดโหด! ไล่แทงหนุ่มดับปมขัดแย้งยาเสพติด

วงจรปิดจับภาพชัด คนร้ายวิ่งข้ามถนนไล่แทงหนุ่มเสียชีวิต ชาวบ้านแตกตื่น ขณะที่ตำรวจรวบตัวทันควัน คาดปมขัดแย้งยาเสพติด

กยศ.เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน พ.ค.-มิ.ย.68

กยศ. เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน ช่วยเหลือชั่วคราว พ.ค.-มิ.ย.68 ให้นายจ้างลดยอดการหักเงินเดือน ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเริ่มผ่อนชำระใหม่เป็นรายเดือนในอัตราลดลง

ข่าวแนะนำ

“อัศนี” ประกาศชัยชนะนายกเล็กเชียงใหม่ หลังนับคะแนนผ่านไป 78%

เชียงใหม่ 11 พ.ค. – “อัศนี บูรณุปกรณ์” ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จากพรรคเพื่อไทย ประกาศชัยชนะ หลังนับคะแนนผ่านไปกว่า 78% ทิ้งห่างคู่แข่งจากพรรคประชาชน 4,000 คะแนน นายอัศนี บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จากพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้สนับสนุน ต่างปรบมือแสดงความดีใจ หลังการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการผ่านไปเกินร้อยละ 78 ได้คะแนนกว่า 17,000 คะแนน ทิ้งห่างนายธีรวุฒิ แก้วฟอง จากพรรคประชาชน กว่า 4,000 คะแนน พร้อมประกาศชัยชนะ โดยขอบคุณทุกคะแนนเสียง รวมทั้งพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าชัยชนะครั้งนี้มาจากความใกล้ชิดประชาชนในพื้นที่ ยืนยันเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ไม่ใช่เก้าอี้ที่สืบทอดของบ้านใหญ่บูรณุปกรณ์ แต่มาจากการทำงานใกล้ชิดประชาชนจนมีความเชื่อมั่น ยืนยันพร้อมเดินหน้านโยบายเร่งด่วนใน 100 วันแรก เร่งป้องกันปัญหาน้ำท่วม เพราะเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เมื่อถามว่า หนักใจกับการถูกร้องเรียนหลังเลือกตั้งหรือไม่ นายอัศนี ยืนยันว่า ทีมงานของตนมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และพร้อมจะดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป.-713-สำนักข่าวไทย

เฮลั่น “ธัญญก้าวหน้า” ชนะยกทีม เลือกตั้งเทศบาลธัญบุรี

ปทุมธานี 11 พ.ค. – นับคะแนนเสร็จสิ้นแล้วอย่างไม่เป็นทางการ เลือกตั้งเทศบาลธัญบุรี จ.ปทุมธานี “นายกเบี้ยว” ประกาศลั่น “ธัญญก้าวหน้า” คว้าชัยชนะยกทีม “ยุพเยาว์” นั่งนายกเทศมนตรี ส่วน “ลูกพีช” ได้เป็น สท. -สำนักข่าวไทย

กกต.พอใจภาพรวมเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศ

11 พ.ค. – กกต.พอใจภาพรวมการเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หวังมีผู้มาใช้สิทธิตามเป้า 70% พร้อมกำชับ จนท.ขานคะแนนให้ชัด และเตรียมแผนเผชิญเหตุกรณีฝนตก-ไฟดับ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจดูการใช้สิทธิของประชาชน ในการใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี พื้นที่เพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะที่สถานการณ์ทั่วประเทศที่ได้รับรายงานพบบางจังหวัดมีข่าวซื้อเสียงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ ไม่พบตามที่มีการแจ้ง และไม่น่าจะส่งผลกระทบให้ต้องเลือกตั้งใหม่ ประธาน กกต. เผยในการเลือกตั้งตรวจดูตามหน่วยเลือกตั้ง ได้กำชับกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งเรื่องการนับคะแนน เพื่อหลีกเลี่ยงการร้องเรียนว่าขานคะแนนไม่ชัด หรือไม่ได้ยิน แสงสว่างน้อย จึงขอให้ขานคะแนนช้าๆ ชัดๆ เพื่อไม่ให้ผู้สังเกตการณ์เกิดความสงสัย และหากมีฝนตกก็ต้องมีแผนเผชิญเหตุ โดยเฉพาะหากไฟฟ้าดับ ส่วนผู้ใช้สิทธิจะมากกว่าครั้งที่แล้ว โดยครั้งนี้ตังเป้าไว้ร้อยละ 70 เพราะดูจากการมาใช้สิทธิตลอดทั้งวันเป็นไปด้วยความคึกคัก แต่ในแต่ละจังหวัดจะไม่เท่ากัน ขณะที่การนับคะแนน หลังปิดการลงคะแนนเมื่อเวลา 17.00 น. ที่ผ่านมา กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง โรงเรียนหัวหินวิทยาคม ซึ่งมี 6 หน่วยเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่แจ้งหมดเวลาปิดการลงคะแนน และเริ่มการนับคะแนนทันที โดยเป็นการนับคะแนนนายกเทศมนตรี และมานับคะแนนสมาชิกสภาเทศบาล ท่ามกลางตัวแทนผู้สมัครมาเฝ้าสังเกตการณ์ สำหรับการเลือกตั้งเทศบาลมีจำนวน 2,463 แห่ง และหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด […]

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]