จักรทิพย์ย้ำเหตุระเบิดทั้ง3คดีเป็นฝีมือกลุ่มหัวรุนแรงเดิมเร่งสืบสวนหาจุดเชื่อมโยง

กรุงเทพฯ 25 พ.ค.- ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับฝ่ายสืบสวน หาจุดเชื่อมโยง เหตุระเบิดทั้งสามคดี ย้ำเป็นกลุ่มที่มีแนวคิดหัวรุนแรงเดิมก่อเหตุ


พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ ได้มีการสอบปากคำพยานในคดีระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ไปแล้ว 61 ปาก ในจำนวนนี้มี 4-5 ปาก ให้การเป็นประโยชน์ โดยจะเร่งสอบพยานอีก 10-20 ปาก ให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ คาดจะมีความชัดเจนมากขึ้น พร้อมปฏิเสธว่า ภาพสเก็ตที่ปรากฎ ยังไม่ยืนยันว่าเป็นผู้ต้องสงสัย เป็นเพียงคำให้การจากพยานบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้น และขณะนี้ มอบหมายให้แต่ละฝ่ายไปรวบรวมข้อมูลหลักฐานให้มากที่สุด และยังไม่ตัดประเด็นใดในการก่อเหตุทิ้ง ซึ่งมีความเป็นไปได้ทุกประเด็น แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนข้อมูลของแม่ทัพภาคที่ 1 ที่ระบุว่า ทราบตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุ ก็ถือเป็นข้อมูลจากฝ่ายกองทัพ ซึ่งตำรวจมีการประสานข้อมูลกันอยู่ตลอดเวลา

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังย้ำว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุ เป็นกลุ่มการเมืองที่นิยมความรุนแรงกลุ่มเดิม ซึ่งเชื่อว่า มีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเดิม จึงให้แนวทางการสืบสวน มุ่งไปที่ทั้ง 3 คดี ว่ามีจุดเชื่อมโยงกันหรือไม่ แต่เชื่อว่าผู้ก่อเหตุคดีโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ยังหลบหนีอยู่ในประเทศไทย


ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังเชื่อว่า จะสามารถออกหมายจับผู้ก่อเหตุได้ โดยให้ฝ่ายสืบสวนจำลองเหตุการณ์เส้นทางเข้า-ออกของผู้ก่อเหตุ และเชื่อว่า อาจมีการดูต้นทางก่อน เพราะจุดเกิดเหตุ เป็นพื้นที่เปิด โดยกลุ่มนี้ทำเป็นขบวนการ ไม่ต่ำกว่า 5 คน 

ส่วนจดหมายแจ้งเตือนเหตุระเบิดที่ส่งไปยังสถานพยาบาลก่อนหน้านี้ ยังไม่ชี้ชัดว่า กลุ่มที่ส่งจดหมายกับกลุ่มที่ก่อเหตุระเบิด เป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ 

สำหรับเหตุก่อการร้ายหลายประเทศในอาเซียนช่วงนี้ ยังไม่พบความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดในโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า เพราะกลุ่มที่ก่อเหตุส่วนใหญ่ จะมีการประกาศตัวชัดเจน พร้อมเตรียมรับมือ หลังทางการอินโดนีเซีย แจ้งเตือนว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุลอบวางระเบิด อาจหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย 


ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังสั่งการให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยพื้นที่สำคัญขั้นสูงสุดในช่วงนี้ เพื่อความไม่ประมาท และป้องกันเหตุการณ์ซ้ำรอย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คลอดลูกแฝดตกตึก

หญิงวัย 31 เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น รพ.ดัง เสียชีวิต

สลด! หญิงวัย 31 ปี เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น โรงพยาบาลดัง เสียชีวิต ด้านโรงพยาบาลแถลงแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมทบทวนมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก

ทหารควง M16 ยิงเพื่อนตำรวจดับคาบ้านพัก

ทหารพรานควง M16 บุกยิงเพื่อนตำรวจเสียชีวิตภายในบ้านพัก ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านผู้ตาย เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี เบื้องต้นคนก่อเหตุให้การวกวน เนื่องจากอยู่ในอาการหลอน

ลูกน้องปืนโหดรัวยิงหัวหน้างานดับคา สนง.ปฏิรูปที่ดินฯ

ลูกน้องชักปืนกระหน่ำยิงหัวหน้างานดับกลางห้องทำงาน สำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.น่าน ก่อนลั่นไกยิงตัวเอง ปมเหตุขัดแย้งเรื่องงาน

จนท.ปะทะเดือด! เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ

ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เกิดการปะทะ เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ ยึดอาวุธสงคราม 3 กระบอก

ข่าวแนะนำ

กต.พร้อมพา 5 ตัวประกันไทยกลับบ้านเมื่อสุขภาพแข็งแรง

รมว.ต่างประเทศ เยี่ยม 5 ตัวประกันคนไทย พร้อมพาทุกคนกลับบ้านเมื่อสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีแล้ว ขณะที่ทุกคนขอบคุณที่ทำให้ได้ชีวิตใหม่

นายกฯ ฝากรายการใหม่เทปแรก ไล่เรียงนโยบายแบบ Exclusive

“โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” นักจัดรายการมือใหม่​ ฝากเนื้อฝากตัว หวังใจถึงใจกับประชาชน​ ไล่เรียงภารกิจนโยบายหลายเรื่องแบบเบื้องหลัง Exclusive 30 บาทรักษาทุกที่-บ้านเพื่อคนไทย-แก้ฝุ่น-พ.ร.ก.ไซเบอร์ ยันเงินหมื่นเฟส 3 มาแน่ รอคลังเคาะ นายกฯ รับเสียใจถูกบูลลี่เรื่องแต่งตัว​ แต่จะแต่งแบบนี้ไปทำงานให้ประชาชนมีความสุข

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอุ่นขึ้น 1-2 องศาฯ ค่าฝุ่นมีแนวโน้มเพิ่ม

กรมอุตุฯ เผยมวลอากาศเย็นมีกำลังอ่อน ส่งผลให้ไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาฯ ขณะที่ค่าฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่ม

กกต.ขอบคุณ ปชช.ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ.

เลขาธิการ กกต. แถลงสถานการณ์หลังปิดหีบบัตรเลือกตั้ง อบจ.ทั่วประเทศ ขอบคุณประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิ พร้อมชี้แจงกรณีบัตรเลือกตั้งหายที่จังหวัดบึงกาฬ