กองทัพภาคที่ 1 23 พ.ค.-แม่ทัพภาคที่ 1 ชี้ขบวนการวางระเบิด รพ.พระมงกุฏฯ เป็นกลุ่มเสียผลประโยชน์ พร้อมเข้าจับกุมหากนายกฯ สั่งการ – กำชับทหาร รปภ.ที่ตั้ง-พื้นที่เชิงสัญลักษณ์
พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยหลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดภายในห้องรับรองนายทหาร ชั้นนายพลโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ว่า ทุกหน่วยในกองทัพภาคที่ 1 รวมถึงกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ในทุกจุดได้เตรียมการดูแลความปลอดภัยอยู่แล้ว แต่คนที่จ้องก่อเหตุก็หาโอกาสและเวลาได้ตลอด ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้เข้มงวดเฉพาะหลังเกิดเหตุเท่านั้น
“ล่าสุดไปประชุมกับกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง (กอร.รส.) ที่สนามหลวง กรุงเทพมหานคร (กทม.) ก็ยืนยันว่าจะนำกล้อง CCTV มาเปลี่ยนและติดตั้งเพิ่มอีก 200 จุด นอกจากนี้ยังเพิ่มชุดลาดตระเวนด้วยจักรยานอีก 30 คัน เพื่อให้สามารถตรวจตราได้ทุกซอกซอย ซึ่งตอนนี้รักษาความปลอดภัยใน 2 จุด คือ ที่ตั้งหน่วยทหาร หากเกิดเหตุใด ๆ ผู้บังคับหน่วยต้องรับผิดชอบ และพื้นที่ที่ กกล.รส.รับผิดชอบ ซึ่ง ผบ.ทบ.เป็นห่วงขนส่งมวลชน และพื้นที่เชิงสัญลักษณ์” พล.ท.อภิรัชต์ กล่าว
แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวอีกว่า โรงพยาบาล เป็นสถานที่เปิด ในโลกนี้ไม่มีใครคิดว่าจะมีคนเข้าไปก่อเหตุในโรงพยาบาล อยากให้สื่อช่วยกันประณามคนที่อยู่เบื้องหลังหรือให้การสนับสนุนด้วยวิธีการใด ๆ ก็ตาม
“สังคมโลกรับไม่ได้ ทั้งโลกไม่มีแบบนี้ แม้แต่ในสนามรบก็ไม่มี แต่อาจจะมีกรณีที่ไปทิ้งระเบิดแล้วพลาดเป้าไปโดนโรงพยาบาลบ้าง คนที่ติดเครื่องหมายเสนารักษ์ก็ยังได้รับการยกเว้น มันเกินไปหรือเปล่า ทำไมจ้องทำลายกันขนาดนี้ ถึงขั้นมุ่งหวังเอาชีวิต” แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว
แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวอีกว่า กลุ่มต้องสงสัยก่อเหตุวางระเบิดในโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า มีหลายกลุ่ม ทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ ซึ่งสื่อก็รู้ว่าใคร ตนไม่อยากเจาะจง แต่การแก้ปัญหาต้องใช้เวลา
“นายกรัฐมนตรี รวมถึงรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก ใจเย็นมากแล้วที่จะไม่ดำเนินการกับกลุ่มต้องสงสัย และกำชับว่าจะต้องหาหลักฐานให้ได้ก่อนที่จะจับกุม คุมตัว ซึ่งหากสั่งการ ผมและหน่วยกำลังพร้อมดำเนินการทันที และเชื่อมั่นว่าการก่อเหตุต่าง ๆ ไม่กระทบต่อการทำงานของรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะไม่เสียกำลังใจและไม่ท้อถอย ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธเหมือนกัน มีพระมหากษัตริย์องค์เดียวกัน มีสัญลักษณ์ของประเทศเหมือนกัน ทำไมถึงได้คิดและทำกันอย่างนี้” แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว
แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงความมั่นใจในการจับกุมตัวคนร้าย ว่า ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน ยอมรับว่าทุกมาตรการไม่ได้ผล 100% แต่คิดว่าทำดีที่สุดแล้ว ในส่วนคนร้ายก็หาช่อง หาโอกาสในการทำลายประเทศ ทั้งนี้ตนไม่ทราบเรื่องกล้อง CCTV ภายในโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าใช้การไม่ได้ในบางจุด และไม่มั่นใจว่าเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับการครบรอบ 3 ปี คสช.หรือไม่.-สำนักข่าวไทย