กรุงเทพฯ 22 พ.ค. – กรมชลประทาน ระบุได้ลดการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลักทำให้มีปริมาณน้ำกักเก็บมากขึ้น เพียงพอต่อภาวะฝนทิ้งช่วงในเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคมนี้
นายสัญชัย เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยภายหลังการประขุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 10 หน่วยงานด้านน้ำ ว่า ฝนที่ตกชุกและตกหนักบางแห่ง ในช่วงวันที่ 16 – 20 พ.ค. 2560 ส่งผลดีต่อพื้นที่การเกษตร เนื่องจากเกษตรกรจะใช้น้ำฝนในการเพาะปลูกเป็นหลัก ทำให้ลดการใช้น้ำจากเขื่อนต่างๆ ได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในลุ่มน้ำเจ้าพระยา กรมชลประทาน ได้ลดการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลัก จากเดิมวันละ 43 ล้าน ลบ.ม. เหลือวันละ 11.62 ล้าน ลบ.ม. ทำให้มีน้ำเก็บกักเพิ่มมากขึ้น เพียงพอที่จะสนับสนุนการใช้น้ำในกรณีที่เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงในเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคมนี้ และ 4 เขื่อนหลักคือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ยังมีพื้นที่เก็บน้ำได้อีกประมาณ 47% ของพื้นที่เขื่อนทั้งหมด ทั้งนี้ในช่วงวันที่ 24-29 พฤษภาคมนี้ คาดว่าจะมีฝนตกหนักครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศอีกครั้ง ขณะเดียวกันโครงการนำน้ำจากแม่น้ำยมมาเติมในเขื่อนภูมิพลนั้นผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมจะเสร็จสิ้นภายในปี 2560 นี้
ในส่วนของแผนการป้องกันและบรรเทาภัยอันเกิดจากน้ำ(ฤดูฝน) พ.ศ. 2560 นั้น กรมชลประทานและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง 10 หน่วยงาน บูรณาการทำงานร่วมกันในรูปแบบของคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์ โดยจะมีการประชุมเพื่อวางแผนและกำหนดมาตรการในการบริหารจัดการน้ำร่วมกันทุกสัปดาห์ พร้อมไปกับการคาดการณ์และติดตามสภาวะทางอุตุ-อุทกวิทยา การบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำโดยใช้ Reservoir Operation Simulation และ Reservoir Operation Rule Curve รวมไปถึงการเตรียมพร้อมใช้งานอาคารชลประทาน เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ เครื่องจักรเครื่องมือในการระบายน้ำ ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์หากเกิดอุทกภัย รวมทั้งการกำจัดผักชวาในคลองและแม่น้ำสายต่างๆ เพื่อให้น้ำไหลได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ว่า ฤดูฝนปีนี้จะใกล้เคียงกับปี 2542 โดยปริมาณฝนรวมทั้งประเทศจะสูงกว่าค่าปกติเล็กน้อย ประมาณร้อยละ 5 โดยในช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม มีโอกาสที่จะเกิดภาวะฝนทิ้งช่วง หรือมีฝนตกน้อย อาจทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่การเกษตรได้ โดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตชลประทาน จึงขอให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุดด้วย
ส่วนในเดือนสิงหาคมถึงกันยายน คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ อาจก่อให้เกิดสภาวะ น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งได้ในบางพื้นที่ กรมชลประทานได้สั่งการให้โครงการชลประทานทุกแห่งเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมกับบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้มีที่ว่างเพียงพอที่จะรองรับปริมาณน้ำฝนที่จะตกลงมาตามความเหมาะสม รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ และหน่วยงานท้องถิ่นที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำในอ่างเก็บน้ำล่วงหน้า ตลอดจนประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อรายงานสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด รวมทั้งการตรวจสอบสภาพความพร้อมใช้งานของอาคารชลประทาน ที่ใช้ในการส่งน้ำและระบายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นอาคารชลประทานหรือสถานีสูบน้ำ ต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังให้ดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการระบายน้ำ สิ่งกีดขวางทางน้ำ ทั้งทางน้ำชลประทานและทางน้ำในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ หากมีปัญหาด้านการระบายน้ำให้ดำเนินการแก้ไขโดยทันทีต่อไปแล้ว – สำนักข่าวไทย