กรุงเทพ21พ.ค.-พลตรีคงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กวาดล้างการบังคับค้าประเวณีเด็กในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยให้ติดตามและประสานกับกระทรวงพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์คุ้มครองและเยียวยาแก่เด็กที่ตกเป็นเหยื่อ ควบคู่กันไปอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้สืบขยายผลเชื่อมโยงไปถึงกระบวนการค้ามนุษย์ที่อยู่เบื้องหลังและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ขณะเดียวกัน พลเอกประวิตร ได้กำชับและเน้นย้ำให้ฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหารตำรวจและฝ่ายปกครองคงความร่วมมือกันอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ในการบังคับใช้กฎหมายปราบปรามผู้มีอิทธิพล พร้อมทั้งจับตา ติดตามและขยายผล งานข่าวลงลึกไปถึงเครือข่ายความเชื่อมโยงที่เกี่ยวข้องกับทั้ง 16 ฐานความผิด โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นเหตุของปัญหาของการบั่นทอนเสถียรภาพและสร้างความรุนแรงในสังคม การข่มขู่ คุกคามจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน อันได้แก่ การค้ายาเสพติด การลักลอบค้าอาวุธสงคราม มือปืนรับจ้างและการรับจ้างทวงหนี้โดยการข่มขู่ใช้กำลัง รวมถึงกลุ่มที่เป็นสาเหตุของปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการค้ามนุษย์ ที่มีการล่อลวงแรงงานไปยังต่างประเทศ การลักลอบนำคนเข้า-ออกประเทศโดยผิดกฎหมาย และการลักลอบค้าประเวณี เป็นต้น
พลตรี คงชีพ กล่าวอีกว่า ผลการดำเนินงานล่าสุดตั้งแต่ตุลาคม 2559 ถึงปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองได้ร่วมกันสืบค้น จับกุมและยึดอาวุธปืนทั่วประเทศได้จำนวนเกือบ 20,000 กระบอก ร่วมกับหน่วยงานปปส.จับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่เชื่อมโยงทั้งในและนอกประเทศอย่างต่อเนื่องกว่า 10 ล้านเม็ดและกำลังขยายผลไปถึงขบวนการฟอกเงินที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสืบสวนจับกุมผู้มีอิทธิพลฐานความผิดอื่นๆ เช่น ขบวนการอาชญากรข้ามชาติที่เชื่อมโยงการสนับสนุนจากกลุ่มบุคคลในประเทศ ดังที่ปรากฏเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง
“ขอยืนยันว่า รัฐบาลโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ยังคงความพยายามหลักร่วมกันอย่างเต็มที่ ในการดูแลสภาพแวดล้อมความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตของประชาชน ให้สามารถดำรงชีวิตและประกอบอาชีพได้อย่างปกติสุข บนพื้นฐานเสรีภาพและความเป็นธรรมที่เสมอภาคเท่าเทียมกันภายใต้กรอบกฎหมาย ควบคู่กับการเปิดพื้นที่ทางสังคมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมแก้ปัญหาความมั่นคงในทุกมิติให้มากขึ้น จึงขอความร่วมมือประชาชนทุกคน ได้ร่วมให้เบาะแสกับเจ้าหน้าที่รัฐ ถึงปัญหาที่อาจกระทบต่อความไม่มั่นคง ปลอดภัยของครอบครัวและสังคมรอบตัวจากกลุ่มอิทธิพลต่างๆ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการมีส่วนร่วมดูแลกันและกัน”โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว.-สำนักข่าวไทย