นนทบุรี 19 พ.ค. – อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแจงสถานะล้งผลไม้ในไทย พร้อมเฝ้าระวังไม่ให้ใช้คนไทยเป็นนอมินี เร่งสร้างความเข้มแข็งล้งไทย แนะรวมกลุ่มเกษตรกรในรูปวิสาหกิจชุมชนฯ เพื่อสร้างอำนาจต่อรองทางการค้า
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนนิติบุคคลของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมหลังการเก็บเกี่ยวพืชผลและการขายส่งผักผลไม้ ปรากฏว่ามีนิติบุคคลจดทะเบียน 1,405 ราย และจากข้อมูลผู้ประกอบการล้งผลไม้ซึ่งจดทะเบียนผู้ส่งออกผักและผลไม้กับกรมวิชาการเกษตร 391 ราย กรมพัฒนาธุรกิจการค้าพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับสถานะการจดทะเบียนดังกล่าว สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. ล้งไทย ประกอบด้วย ล้งบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย 236 ราย และล้งนิติบุคคลที่คนไทยถือหุ้น 100% จำนวน 116 ราย 2.ล้งวิสาหกิจชุมชนและสหกรณ์ 7 ราย และ 3.ล้งร่วมลงทุนระหว่างคนไทยกับต่างชาติ จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคล โดยคนไทยถือหุ้นมากกว่าหรือเท่ากับ 51%
ทั้งนี้ ตัวเลขการถือหุ้นเป็นนิติบุคคลไทย 32 ราย ซึ่งเป็นการร่วมทุนจากจีน 26 ราย อินเดีย 2 ราย ฝรั่งเศส 2 ราย ลักเซมเบิร์ก 1 ราย และฮ่องกง 1 ราย โดยล้งดังกล่าวสามารถรับซื้อผลไม้เพื่อการจำหน่ายในประเทศและสามารถส่งออกไปต่างประเทศได้ โดยต้องปฏิบัติตามประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจดทะเบียนเป็นผู้ส่งออกผักและผลไม้ พ.ศ.2553 ดังนั้น เพื่อเป็นการกำกับดูแลให้ผู้ประกอบธุรกิจล้งผลไม้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจรับซื้อผลไม้ของไทยในภาพรวม กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจึงติดตามเฝ้าระวังการประกอบธุรกิจของล้งผลไม้อย่างใกล้ชิด โดยป้องกันไม่ให้ใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง หรือนอมินี เพื่อดำเนินธุรกิจหลีกเลี่ยงกฎหมาย รวมทั้งตรวจสอบบัญชีของผู้ประกอบธุรกิจให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ. 2543 โดยกรมฯ มีแผนลงพื้นที่ตรวจสอบธุรกิจให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 อย่างเคร่งครัดเป็นประจำ และปีนี้ กรมฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบล้งผลไม้ร่วมลงทุนตามฤดูกาลผลผลิตผลไม้ไทย โดยเฉพาะช่วงที่ลำไยและทุเรียนกำลังออกผลผลิต เนื่องจากผลไม้ทั้ง 2 ชนิดเป็นที่นิยมของต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ฮ่องกง ไต้หวัน และญี่ปุ่นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่ตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีล้งร่วมลงทุนกระทำไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม กรมฯ จะยังคงติดตามเฝ้าระวัง โดยกระทรวงพาณิชย์ยังให้การสนับสนุนส่งเสริมล้งไทยให้มีศักยภาพ สามารถแข่งขันได้ โดยกำหนดแผนพัฒนาศักยภาพล้งไทยให้มีความเข้มแข็งและต่อยอดองค์ความรู้โดยใช้นวัตกรรมช่วยขยายตลาด เช่น การใช้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Commerce ช่วยขยายตลาด โดยได้มีการเปิดตัวโครงการ Offline 2 Online @ จันทบุรี สู่ www.eastfruit.org ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อเป็นตลาดกลางผลไม้ออนไลน์ของภูมิภาคตะวันออกและใช้ในการประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น รวมทั้งการสนับสนุนสภาพคล่องทางการเงินแก่ล้งไทยให้มีเงินทุนในการพัฒนาและขยายกิจการเพื่อรองรับการแข่งขัน
ส่วนการขยายผลไม้ไทยสู่ตลาดต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศจัดกิจกรรมส่งเสริมการบริโภคผลไม้ไทย เพื่อเป็นการขยายตลาดผลไม้ไทยให้เป็นที่รู้จักแก่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก สร้างภาพลักษณ์ที่ดี และส่งเสริมการบริโภคผลไม้อย่างถูกต้อง ทำให้ผลไม้ไทยเป็นที่รู้จักและสามารถขยายโอกาสทางการค้าแก่ผลไม้ของไทยให้หลากหลายยิ่งขึ้น รวมทั้งแสวงหาตลาดใหม่รองรับผลผลิต อาทิ อาเซียน ตะวันออกกลาง และอินเดีย เพื่อไม่ให้เกิดการกระจุกตัวเฉพาะตลาดเดิมเท่านั้น ขณะเดียวกันได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศลงพื้นที่ชี้แจงเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ถึงความต้องการผลไม้ของตลาดต่างประเทศ เพื่อให้เกษตรกรใช้ข้อมูลดังกล่าวกำหนดประเภทของผลไม้ที่เพาะปลูกให้เป็นไปตามความต้องการของตลาดให้มาก นอกจากนี้ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่มในรูปของวิสาหกิจชุมชนและสหกรณ์ ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาไม่ให้พ่อค้าคนกลางเข้ามาตักตวงผลประโยชน์ โดยเฉพาะราคาสินค้า และเป็นการสร้างอำนาจต่อรองในการซื้อขายผลผลิตของสมาชิกในกลุ่มอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย