“รมว.คลัง-พาณิชย์” ถกแก้ปัญหา “นอมินี-สินค้าสวมสิทธิ์”

ทำเนียบ 25 เม.ย.-“รมว.คลัง-พาณิชย์” ถกหามาตรการแก้ปัญหาระยะสั้น-กลาง-ยาว บริษัท “นอมินี-สินค้าสวมสิทธิ์” เน้นเชิงรุก บุกสอบถึงโรงงาน-มาตรฐานคุณภาพสินค้า สร้างความเชื่อมั่นให้สหรัฐ บอกภาพรวมเป็นที่พอใจ หลังจับกุมแล้วกว่า 852 บริษัท

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพร้อมด้วย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงผลการประชุมหารือเรื่องการแก้ไขปัญหาสินค้า และธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย


โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การหารือวันนี้มีการกำหนดแผนระยะสั้น, กลาง และยาว โดยจะมีความเข้มงวดการตรวจสอบสินค้าที่เข้ามาสู่ประเทศไทยมากขึ้น โดยจะเน้นตรวจสอบเรื่องสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ ซึ่งจะสังเกตได้ว่า สินค้าที่ไม่มีคุณภาพจะมีต้นทุนต่ำ และขายในราคาที่ถูก โดยจะมีมาตรการสำหรับสินค้าที่มาจากประเทศต้นทาง และได้รับการอุดหนุนการช่วยเหลือมาจากประเทศต้นทาง ทำให้ราคาสินค้าถูก และไม่ได้คุณภาพ ซึ่งในอดีตการเข้าไปตรวจใช้เวลาระยะเวลานาน โดยการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในช่วงระยะสั้น จะใช้วิธีการเมื่อรับสินค้าดังกล่าวเข้ามาจะเข้าไปตรวจสอบทันที หากสินค้าชนิดใดไม่สามารถอธิบายแหล่งที่มาต้นทุนได้ และไม่ได้มาตรฐานตามองค์การอาหารและยา หรือ อย.กำหนด หรือคุณภาพไม่ได้ ก็จะสามารถทำการยกเลิกได้ทันท่วงที

นอกจากนี้จะมีการตรวจสอบสินค้าที่ขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งก็จะเข้าไปตรวจสอบว่า มีการดำเนินการตามข้อบังคับหรือไม่ เพราะสินค้าที่ขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ไม่มีฉลาก และไม่มีใบรับรองมาตรฐาน ซึ่งจะใช้วิธีการแจ้งไปยังเจ้าของแพลตฟอร์ม เพื่อให้ดึงสินค้าดังกล่าวออกจากการขาย ซึ่งหมายความว่า เจ้าของทุกแพลตฟอร์มไม่ว่า จะขายที่ไหนในโลกต้องมาจดทะเบียนอยู่ในประเทศไทย เพื่อให้เป็นคนกลางเชื่อมระหว่างผู้ซื้อ และผู้ขายในไทย ถือจะเป็นมาตรการในระยะสั้นที่จะเร่งทำ


ขณะที่การตรวจสอบเรื่อง “นอมินี” โดยจะมีการเข้าไปตรวจสอบสัดส่วนการถือหุ้น ในสัดส่วนของ 49% และก็จะไปตรวจสอบว่า สัดส่วน 51% คือผู้ใดที่ถือว่า เข้าข่ายเป็น “นอมินี” หรือไม่ มีการใส่เม็ดเงินลงทุนจริงหรือไม่ โดยเรื่องนี้จะเป็นการทำงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาดไทย รวมไปถึงต้องมีการตรวจสอบ “นอมินี” เรื่องการถือครองที่ดินด้วย

ส่วนแผนการแก้ไขปัญหาในระยะกลาง และระยะยาว จะต้องมีการไปทบทวนกฎหมายในหลายอย่าง เพื่อทำให้เป็นสากลมากขึ้น ให้มีการควบคุมและกำกับให้ดีขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่า ปัจจุบันนี้ยังมีสินค้า หรือการบริการบางประเภท ที่ไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดำเนินการ ซึ่งมองว่า วันนี้ควรจะอนุญาตให้ดำเนินการได้แล้ว เพราะจะส่งผลดีกับประเทศไทย ซึ่งจะต้องมีการทบทวนเรื่องเหล่านี้ เพื่อให้ทั่วโลกเห็นว่า ประเทศไทยไม่ได้ปิด แต่ต้องทำให้เป็นสากลมากขึ้น

ขณะที่เรื่องของสินค้า “สวมสิทธิ์” โดยวิธีการเฝ้าระวัง คือ สินค้าที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจับตาดูอยู่ หรือ Watch list ซึ่งมีอยู่ประมาณ 49 ชนิด และยังมีการเพิ่มสินค้าที่ต้องจับตาอีก 16 ชนิด ที่ต้องการให้ใครช่วยเฝ้าระวัง โดยจะมีการเข้าไปตรวจสอบถึงโรงงาน, กระบวนการผลิต และแหล่งที่มาของสินค้า แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดต้องตรวจสอบ Certificate of Origin หรือ CO หรือใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า ที่จะให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปร่วมตรวจสอบเพราะใบรับรองดังกล่าวต้องออกโดยประเทศไทย หรือจะให้สภาหอการค้า และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เข้าร่วมตรวจสอบด้วย ซึ่งเดิมทีสามารถออกใบดังกล่าวได้ในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แต่จะมีการปรับเปลี่ยนให้อยู่กับส่วนกลางที่เดียว เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า สินค้าเหล่านั้นเป็นไปตามกติกา และสามารถส่งต่อได้ เพื่อป้องกันปัญหาสินค้า “สวมสิทธิ์”


ส่วนการพิจารณาสินค้าที่สวมสิทธิ์ จำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบก่อนที่จะมีการไปเจรจากับสหรัฐฯ ใช่หรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ขณะนี้ไทยเริ่มดำเนินการแล้ว และทางสหรัฐฯ ก็ได้เห็นขั้นตอนวิธีการทำ และมานั่งดูขั้นตอนการทำ ซึ่งหากพึงพอใจก็จะมีการตรวจสอบไปเรื่อย ๆ และในวันหลังก็อาจจะมีการเพิ่มรายการในการตรวจสอบ ดังนั้นจะต้องมีการค่อย ๆ ปรับ แต่ทั้งนี้ทางสหรัฐฯ พอใจในวิธีการสิ่งที่ได้ตรวจสอบเป็นไปตามมาตรฐาน หรือสิ่งที่เขาอยากเห็น และเรื่องนี้เป็นผลดี เพราะการทำเช่นนี้หลักสากล และยุติธรรมกับผู้ค้าทุกฝ่าย เพราะการที่สินค้าออกไป ได้มาตรฐานหรือไม่ และเป็นสินค้าไทยหรือไม่ เพราะในโลกใบนี้คู่ค้า แต่ละประเทศก็มีการพูดคุยกัน ดังนั้นเรื่องทั้งหมดเป็นหลักสากล ไม่ใช่แค่ประเทศไทย ซึ่งหากไม่มีเรื่องนี้ก็ต้องทำอยู่แล้ว

นายพิชัย ยังระบุอีกว่า จากการทำงานร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกา ก็พบว่า ทางสหรัฐฯ ก็พอใจในระดับหนึ่ง และทางสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา หรือ USTR ได้ทำงานร่วมกับศุลกากรของสหรัฐอเมริกา เพื่อจะดูแลเรื่องนี้ และจะมีการตรวจสอบไปถึงเรื่องวีซา ของนักท่องเที่ยวที่มาพำนักอยู่ในประเทศไทยนานเกินควรด้วย หรือถือวีซา ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่

ด้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึง การตรวจสอบสินค้าด้อยคุณภาพว่า ได้มีการดำเนินคดีไปแล้วกว่า 29,000 คดี ซึ่งก็จะมีการเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบมากขึ้น

ส่วนการจับกุมบริษัท “นอมินี” มีการจับกุมไปแล้ว 852 บริษัท ทุนจดทะเบียนกว่า 15,000 กว่าล้านบาท และปัจจุบันพบว่า มี 49,000 กว่าบริษัท ที่ต่างชาติถือหุ้นอยู่ ซึ่งก็ต้องไปตรวจสอบ ว่ามีการถือหุ้นผ่าน “นอมินี” หรือไม่ โดยจะได้ดำเนินการแก้ไขในเรื่องนี้

ขณะที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลักการในการควบคุมสินค้า จะคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคก่อน โดยได้ดำเนินการตามกฏหมายที่มีอยู่ และจะมีการดำเนินการตรวจสอบสินค้าที่นำเข้าจากทุกประเทศอย่างเท่าเทียม และเหมือนกัน โดยจะต้องคำนึงถึงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ มอก. และองค์กรอาหารและยา หรือ อย. รวมไปถึงเรื่องของฉลากที่เป็นสินค้าบางรายการ เช่น อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่ต้องระบุวิธีการใช้งาน ซึ่งต้องมีการระบุเป็นภาษาไทย

ส่วนการตรวจสอบสินค้า “สวมสิทธิ์” ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้ออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า หรือ CO ได้มีการหารือร่วมกับทางสหรัฐฯ ซึ่งกระบวนการจะเริ่มตรวจ ตั้งแต่โรงงาน และใบรับรองอย่างเข้มงวด โดยมีการตรวจสอบต้นทุน และมีการหารือกับศุลกากรสหรัฐประจำประเทศไทย ซึ่งทางสหรัฐฯ ได้มาดูกระบวนการ และก็พึงพอใจ โดยจะมีการส่งบัญชีสินค้าที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ ซึ่งได้ทำงานร่วมกัน และมีการสอบถามยังมีประเด็นข้อสงสัยตรงจุดใด ซึ่งได้มีการทำงานมาร่วมกันตลอด และทางสหรัฐฯ ก็พึงพอใจ.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ณัฐพงษ์” ยังไม่ตัดสินใจเลือก “เพื่อไทย” หรือ “ภูมิใจไทย”

กทม. 30 ส.ค.-“ณัฐพงษ์” หัวหน้าพรรคประชาชน ยันยังไม่ตัดสินใจเลือก “เพื่อไทย” หรือ “ภูมิใจไทย” แก้วิกฤตหาตัวนายกฯ คนใหม่ ย้ำจะรับพิจารณาเฉพาะพรรคที่มาพูดคุยด้วยตัวเองเท่านั้น รอลุ้นผลวันจันทร์นี้ พร้อมประกาศไม่เอา “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกฯ เมื่อเวลา 15.40 น. วันที่ 30 ส.ค.2568 ที่โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงการแสข่าวการดีลพรรคประชาชนให้ยกมือ สนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยภูมิใจ ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ให้แลกตำแหน่งรัฐมนตรี 8 เก้าอี้ ว่า ยืนยันว่าไม่มีดีล ยืนยันว่าวัตถุประสงค์ของพรรคประชาชนคือต้องการใช้ 143 เสียง เพื่อผ่าทางตันทางการเมืองให้กับประเทศโดยที่เราไม่ร่วมรัฐบาล เราปฏิเสธไม่รับการเจรจาใต้โต๊ะ หรือหลังบ้านใดๆทั้งสิ้น หากไม่ได้ส่งกรรมการพรรคของพรรคเข้ามาพูดคุยกับตนหรือผู้บริหารพรรค เพื่อแสดงเจตจำนงหรือรับข้อเสนอรับไม่รับว่าเป็นข้อเสนอ ตอนนี้พรรคประชาชนยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ต้องใช้กระบวนการตัดสินใจจากกรรมการบริหารพรรคและ สส. ซึ่งจะมีการจัดขึ้นในวันจันทร์ ที่ 1 ก.ย.ช่วงบ่าย TOR ที่เราเปิดออกไปเป็นข้อเสนอที่ทุกพรรคที่ไม่สามารถรวมเสียงข้างมากได้ และจำเป็นต้องใช้เสียงของพรรคประชาชน […]

พบร่างผู้สูญหายเหตุดินถล่มบ้านปางอุ๋งเพิ่มอีก 2 รวมเสียชีวิต 7 ราย

เชียงใหม่ 30 ส.ค. – เจ้าหน้าที่นำสุนัข K9 เร่งค้นหาผู้สูญหายจากดินถล่มบ้านปางอุ๋ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ พบร่างเพิ่มอีก 2 ราย ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งเป็น 7 ราย และยังสูญหายอีก 2 คน กำลังทหารกรมรบพิเศษที่ 5 พร้อมด้วยทหารหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 32 พร้อมทีมกู้ภัยและอาสาสมัครนับร้อนาย รวมทั้งสุนัข K9 อีก 4 ตัวทั้ง นารี สีนวล ลิลลี่และซาฮาร่า ซึ่งผ่านการฝึกกู้ภัยและเคยผ่านการปฏิบัติงานค้นหาผู้สูญหายในช่วงอาคาร สตง. ถล่มมาแล้ว ออกค้นหาผู้สูญหายจากดินถล่ม ในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่กลางหุบเขาในตำบลแม่ศึก อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ หลังดินโคลนถล่มเมื่อ 5 วันที่แล้ว ท่ามกลางความหวังของญาติพี่น้องผู้สูญหาย แต่ซากปรักหักพังดินโคลนที่ทับถมกันสูงกว่า 1 เมตร เป็นอุปสรรคสำหรับการค้นหา แต่ในที่สุดทีมค้นหาได้พบศพผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย เป็นหญิงชาวไทใหญ่วัย 25 ปี และเด็กชายวัย 6 […]

ชื่นมื่น เปิดภาพ “อนุทิน-ธรรมนัส”

กทม. 30 ส.ค.-ชื่นมื่น เปิดภาพ “อนุทิน-ธรรมนัส” ที่พรรคภูมิใจไทย ก่อนร่อนแถลงการณ์ หนุน “อนุทิน” เป็นนายกฯ คนที่ 32 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงดึกที่ผ่านมา (29 ส.ค.) หลังนายอนุทิน แถลงจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจที่พรรคภูมิใจไทย ร่วมกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นายศักดิ์ดา วิเชียรศรี สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย นายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ และนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ ในเวลาต่อมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานพรรคกล้าธรรม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค และนายไผ่ ลิกค์ เลขาธิการพรรคฯ ได้เดินทางมาพูดคุยเรื่องการร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย พร้อมสนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกฯ และล่าสุดในวันนี้ (30 ส.ค.) เวลา 16.00 น. พรรคกล้าธรรม ได้ออกแถลงการณ์โดยมีมติเอกฉันท์ สนับสนุนนายอนุทิน […]

จับแล้ว “ป๋านวย” เจ้าของบ่อนพนันดอนเมือง

กทม. 30 ส.ค.-ไม่รอด “ป๋านวย” เจ้าของบ่อนพนันดอนเมือง ผู้ต้องหา 8 หมายจับ ถูกตำรวจสืบสวนนครบาลบุกจับกุม นายอำนวย หรือ “ป๋านวย” อายุ 69 ปี ผู้ต้องหาคดีเกี่ยวกับการลักลอบเปิดสถานที่มั่วสุมเล่นการพนัน ถูกตำรวจสืบสวนนครบาล นำหมายศาลฯ ไปติดตามจับกุมตัวได้ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวย่านพระราม 4 ก่อนถูกคุมตัวไปขยายผลตรวจค้นบ้านพักหรูกลางทุ่งนา ที่อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นสถานที่กบดาน แล้วพาตัวกลับมาสอบสวนขยายผลที่ สน.ทุ่งสองห้อง สำหรับนายอำนวย มีหมายจับของศาลแขวงดอนเมือง ในคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.การพนัน 6 หมาย หมายจับของศาลอาญา 1 หมาย ในความผิดฐานให้ที่พักพิงบุคคลต่างด้าว จัดให้มีการเล่นการพนันไพ่เสือมังกร และทำกิจกรรมมั่วสุมที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ และคดีล่าสุดที่กรมการปกครอง บุกค้นบ่อนพนันย่านสรงประภา คืนวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ส่วนคดีที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว เป็นคดีเกี่ยวกับการพนัน ศาลฯ พิพากษาแล้ว 9 คดี รวมโทษจำคุก 13 ปี นอกจากนี้ยังมีคดีที่อยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์สู้คดี 8 คดี […]