ก.ท่องเที่ยวฯ 17 พ.ค.-กระทรวงท่องเที่ยวฯ จับมือหลายภาคส่วน เดินหน้าจัดกิจกรรมเดินหน้าชูความโดดเด่นของอาหารไทย ทั้งในระดับพรีเมี่ยมและอาหารริมทาง หวังเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงอาหารโลกให้ได้ ในปีหน้า
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ขณะนี้ได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐเอกชนและกลุ่มประชารัฐ ขับเคลื่อนกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวด้านอาหาร เน้นชูความโดดเด่นของอาหารไทย ที่มีความหลากหลาย มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ให้แพร่หลายมากขึ้น เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงอาหารโลก (Gastronomy Tourism)ภายในปีหน้า ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุม “UNWTO World Forum on Gastronomy Tourism”ด้วย
โดยร่วมมือกับกรุงเทพมหานครจัดระเบียบร้านอาหารริมทางหรือสตรีทฟูด ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและเป็นที่รู้จักระดับโลก เช่นย่านถนนข้าวสาร ถนนเยาวราช ซึ่งเน้นคนขายเจ้าเดิมแต่ยกระดับให้มีมาตรฐานด้านสุขอนามัยมากขึ้น และจัดระเบียบร้านมีทางเดินไม่กีดขวางการสัญจร
นอกจากนี้ร่วมมือกับกลุ่มประชารัฐ เตรียมจัดงานมหกรรม “อาหารจานเด็ดอร่อยแบบไทยเก๋ไก่ไม่เหมือนใคร “ระหว่างวันที8-11มิ.ย. โดยรวบรวมอาหารไทย และร้านค้าริมทาง มาจัดแสดงที่สถานีแอร์พอร์ตลิงค์มักกะสัน และจัดทัวร์ตุ๊กตุ๊กพาไปชิมอาหารในสถานที่จริงของร้านดังๆ รวมทั้งจะมีการส่งเสริมการบริโภคข้าว โดยมีโครงการสุดยอดข้าวไทย 6 ชนิด ได้แก่ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้,ข้าวสินเหล็ก,ข้าวไรซ์เบอรี่,ข้าวมะลินิลสุรินทร์,ข้าวทับทิมชุมแพ และข้าวสังข์หยดพัทลุง บรรจุอยู่ในเมนูอาหารของโรงแรมห้าดาว เริ่มจากโรงแรมในเครือดุสิตธานีและจะขยายไปยังโรงแรมอื่นๆต่อไป เพื่อกระตุ้นให้คนไทยบริโภคข้าวไทยมากขึ้น และเผยแพร่ข้าวไทยให้เป็น ที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะเดียวกันได้ประสานกับร้านอาหารไทยใน กรุงเทพมหานครจำนวน 10 ร้าน นำข้าวท้องถิ่นจำนวน 4พันธุ์ ได้แก่ ข้าวหอมมะลินิลสุรินทร์ ,ข้าวเหนียวลืมผัว,ข้าวสังข์หยดพัทลุงและข้าวหอมมะลิแดง เป็นเมนูข้าวของร้าน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเลือกรับประทานข้าวท้องถิ่นได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอาหารที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมจัดงานขึ้นในเดือนพ.ค.นี้ โดยร่วมกับ4 จังหวัดภาคตะวันออก ประกอบด้วยระยอง จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี จัดงานเทศกาลสวนผลไม้ของดีภาคตะวันออกประจำปี 2560 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ระหว่างเดือน พ.ค.-ก.ค.มีสวนผลไม้ เข้าร่วมกว่า 40 สวน โดยมีเงื่อนไขคิดเป็นอิ่มละ 150 -450 บาท คาดการณ์รายได้จากการเข้าสวนผลไม้ปีนี้กระจายรายได้กว่า 60 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 จากปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันยังเชิญชวนผู้สนใจร่วมโครงการ”ร่วมลงขันชวนกันไปทำนาปี 2560″ เพื่อเพิ่มพื้นที่การทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ให้ได้ 100,000 ไร่ซึ่งปัจจุบันเข้าสู่ระบบแล้ว 80,000 ไร่ โดยจะส่งเงินให้ชาวนาปลูกข้าวให้ หรือจะไปร่วมทำนากับชาวนาก็ได้ และสุดท้าย ได้มีการส่งเสริมให้จัดการประชุมภายในประเทศตั้งแต่เดือนพ.ค.ถึงเดือน ก.ย.โดยเน้นจัดการประชุมแบบข้ามภาค เน้นให้มีการซื้อและกินอาหารถิ่นเพื่อกระจายรายได้ให้กับชุมชน
ทั้งนี้ เพื่อร่วมผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงอาหารของโลกให้ได้ภายในปีหน้า
รมว.ท่องเที่ยว ยังกล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวนับตั้งแต่ 1 ม.ค.จนถึงปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวสะสมจำนวน 13,115,602 คน ก่อให้เกิดรายได้ 674,017 ล้านบาทขยายตัวร้อยละ 2.33 และ 4.10 จากช่วงเดียวกันของ ปีที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย