กระทรวงกลาโหม 17 พ.ค.-รมช.กลาโหมเผยมีมีผู้ร่วมโครงการพาคนกลับบ้านเกี่ยวข้องเหตุระเบิดที่ปัตตานี ส่วนตั้งผู้ช่วยทูตตำรวจประจำมาเลเซียยังไม่ได้ข้อสรุป
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมผู้แทนพิเศษรัฐบาลแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า จะให้โอกาสผู้แทนพิเศษกลุ่มต่าง ๆ ชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินงาน โดยวันนี้จะมีผู้แทนพิเศษกลุ่มงานที่ 2 อำนวยความยุติธรรมและเยียวยา กลุ่มงานที่ 4 การศึกษา ศาสนาศิลปวัฒนธรรม กลุ่มงานที่ 5 งานพัฒนาศักยภาพในพื้นที่ คุณภาพชีวิตประชาชน และกลุ่มงานที่ 6 เพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ เป็นผู้ชี้แจงการทำงานต่อสื่อมวลชน ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อวันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้เสนอแนะการปฏิบัติงานในพื้นที่ โดยย้ำการปฏิบัติทางยุทธิวิธี แผนการปฏิบัติ และการใช้มาตรการด้านการข่าวที่มีประสิทธืภาพ
“ส่วนแนวคิดการตั้งผู้ช่วยทูตตำรวจประจำมาเลเซีย ยังไม่ได้ข้อสรุป เป็นเพียงข้อคิดเห็น ซึ่งตามปกติแล้วผู้ประสานงานระหว่าง 2 ประเทศมีอยู่แล้ว การทำงานของมาเลเซียในเรื่องการประสานงานควบคุมผู้ที่มีความเคลื่อนไหวในมาเลเซีย มีตำรวจสันติบาลเป็นหลัก ไม่ใช่กองทัพ ส่วนกองทัพบกมาเลเซียมีหน้าที่หลักการป้องกันประเทศ” รัฐมนตรีช่วยว่าการากระทรวงกลาโหม กล่าว
พล.อ.อุดมเดช กล่าวถึงโครงการพาคนกลับบ้านว่า ต้องเพิ่มความเข้มงวดในรายละเอียดต่าง ๆ มากขึ้น ทั้งรูปแบบการปรับแนวความคิด การเพิ่มความถี่ในการอบรม การตรวจสอบทัศนคติต่อเนื่อง รวมถึงการติดตามความเป็นอยู่ ซึ่งที่ผ่านมาทำได้ดีอยู่แล้ว แต่จากเหตุระเบิดหน้าห้างบิ๊กซี จ.ปัตตานีพบบุคคลที่เคยเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้านร่วมอยู่ด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีย้ำให้ดูแลเรื่องนี้เพิ่มขึ้น
“ต้องเสริมสร้างกำลังประจำถิ่นให้มีความเข้มแข็ง หลังจากปรับกำลังทหารออกจากพื้นที่ไป โดยต้องจัดให้มีความสมดุล ส่วนการบริหารจัดการงบประมาณ ยืนยันว่ากระจายงบประมาณและตรวจสอบการใช้งบประมาณ โดยผู้แทนพิเศษรัฐบาลช่วยดูแลการใช้งบประมาณในพื้นที่ด้วย แต่ไม่ได้เป็นผู้พิจารณาผ่านงบประมาณ ขอให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นการใช้งบประมาณของหน่วยงานในพื้นที่ และยืนยันจะขับเคลื่อนงานต่อไป” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรงงกลาโหม กล่าว .-สำนักข่าวไทย