กทม. 2 พ.ค. – สำนักข่าวไทยเกาะติดกรณีหนุ่มวัย 23 ปี หนีออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ส่งข้อความเสียงผ่านเว็บไซต์กูเกิล เมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิกระจกเงา ตามหาครอบครัวที่พลัดพรากนานถึง 15 ปี วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอหน้าครอบครัว
น้ำตาของความดีใจของอั้ม ไหลออกมาทันทีที่ได้เจอหน้าและกลับเข้าสู่อ้อมกอดของพ่อและครอบครัว หลังพลัดพรากกันนาน 15 ปี แต่เศร้าใจที่ครั้งนี้ไม่ได้พบหน้าย่าที่เคยอบรมเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก เพราะย่าเสียชีวิตไปแล้ว
รูปถ่ายใบนี้เป็นหลักฐานสิ่งเดียวที่ทำให้เจอครอบครัว เพราะอั้มจำชื่อสกุลและอายุตนเองไม่ได้ ไม่มีบัตรประชาชน รู้เพียงว่าพ่อชื่อบุญธรรม เป็นคนขับรถเมล์ แม่ชื่อแมว บ้านอยู่ริมทางรถไฟ แม้อ่านหนังสือไม่ออก เขียนไม่ได้ แต่ใช้กูเกิลแปลคำพูดเป็นตัวอักษร ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิกระจกเงา ที่สุดก็ตามพ่อเจอ
อั้มหนีออกจากบ้านตั้งแต่ 7 ขวบ ไปเร่ร่อนขอทานแถวสนามหลวง ขอข้าววัดกินและอาศัยใต้สะพานลอย ขณะนี้ทำงานรับจ้างที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ อยากกลับบ้าน แต่จำบ้านไม่ได้ เคยไปแจ้งความถึง 3 ครั้ง แต่ตำรวจหาว่ากุเรื่อง ตลอด 15 ปีชีวิตลำบาก เคยถูกชักชวนให้ไปค้ายาเสพติด แต่เมื่อนึกถึงคำสอนของย่าก็ฉุกคิด และอยากขอโทษที่หนีไป
ด้านพ่อบอกว่า แยกทางกับแม่ของอั้ม เมื่อลูกหายคิดว่าอยู่บ้านของป้า จึงไม่ได้ติดตาม เมื่อเจอกันอีกครั้งอยากให้ลูกมาอยู่ด้วย ซึ่งอั้มก็รับปาก
กลุ่มงานตรวจเลือดชีวเคมี สถาบันนิติเวชวิทยา ระบุว่า ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แนะพ่อแม่ที่ลูกหายมาเก็บสารพันธุกรรมได้ เพื่อลดปัญหาการค้ามนุษย์ ที่ผ่านมาเก็บสารพันธุกรรมในเด็กเร่ร่อนตามสถานแรกรับต่างๆ กว่า 600 คน พบมีกลุ่มคนลักเด็กมาขอทาน เพราะพันธุกรรมไม่ตรงกันกันเกือบ 20 คน
สถิติเด็กหายตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน มีเกือบ 1,100 คน เป็นหญิงมากกว่าชายถึง 3 เท่า โดยร้อยละ 86 สมัครใจหนีออกจากบ้านเพราะมีปัญหาความรุนแรงในครอบครัว สอดคล้องกับจำนวนเด็กเร่ร่อนในไทยที่สูงขึ้นเกือบ 30,000 คน ส่วนใหญ่หนีออกจากบ้านเพราะปัญหาครอบครัว. – สำนักข่าวไทย