fbpx

“เจ้าพ่อเอไอ” เตือนภัยเอไอ หลังลาออกจากกูเกิล

วอชิงตัน 2 พ.ค.- นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์เจ้าของฉายา “เจ้าพ่อแห่งปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI)” ลาออกจากการทำงานที่กูเกิล บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลก และได้แสดงความคิดเห็นเตือนภัยถึงอันตรายของเอไอ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ฉบับวันจันทร์รายงานว่า นายเจฟฟรีย์ ฮินตัน วัย 75 ปี ผู้สร้างเทคโนโลยีพื้นฐานสำหรับระบบเอไอได้แจ้งลาออกจากกูเกิลเมื่อเดือนเมษายน พร้อมกับตีพิมพ์บทสัมภาษณ์เขาว่า การพัฒนาไอเอได้ทำให้สังคมและมนุษย์ตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างยิ่ง เพราะเอไอเมื่อ 5 ปีก่อนกับเอไอในปัจจุบันมีความแตกต่างและก้าวหน้าไปไกลจนน่าตกใจ การแข่งขันระหว่างยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีผลักดันให้บริษัทต่าง ๆ พากันเผยแพร่เทคโนโลยีเอไอใหม่ ๆ ด้วยความเร็วที่เป็นอันตราย จนยากที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ไม่ประสงค์ดีนำเอไอไปใช้ในทางมิชอบ นายฮินตันเชื่อว่า เอไอกำลังบดบังความสามารถของสติปัญญามนุษย์ เนื่องจากเอไอสามารถประมวลข้อมูลในปริมาณมหาศาล เอไอถูกพัฒนาขึ้นมาช่วยเหลือคนทำงาน แต่แชทบอทที่เป็นแอปพลิเคชันเลียนแบบการสนทนาของมนุษย์อย่างแชทจีพีที (ChatGPT) อาจทำให้คนตกงาน นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่เกิดการแพร่กระจายข่าวเท็จที่สร้างขึ้นโดยเอไอ ซึ่งคนทั่วไปจะไม่สามารถทราบได้เลยว่าสิ่งใดคือความจริง นายฮินตันเตือนด้วยว่า นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ควรเร่งพัฒนาแชทบอท จนกว่าจะมีความเข้าใจชัดเจนว่าจะสามารถควบคุมได้ ด้านนายเจฟฟ์ ดีน นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของกูเกิล เอไอแถลงขอบคุณนายฮินตัน และยืนยันว่าในฐานะที่เป็นบริษัทแรก ๆ ที่เผยแพร่หลักการเอไอ กูเกิลจะยังคงยึดมั่นเรื่องการใช้เอไออย่างมีความรับผิดชอบ จะเดินหน้าเรียนรู้เพื่อให้เข้าใจความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ควบคู่ไปกับการสร้างนวัตกรรมอย่างกล้าหาญ.-สำนักข่าวไทย

เกาหลีใต้ปรับ “กูเกิล” และ “เมตา” ละเมิดความเป็นส่วนตัว

คณะกรรมาธิการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล หรือ พีไอพีซี ของเกาหลีใต้ สั่งปรับกูเกิล บริษัทในเครือของอัลฟาเบท และเมตา แพลตฟอร์มส์ บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก เป็นเงินหลายล้านวอน เนื่องจากละเมิดกฎหมายเรื่องความเป็นส่วนตัว ในขณะที่ทางเมตากล่าวว่า จะต่อสู้คดีในชั้นศาล

“อีลอน มัสก์” ปฏิเสธข่าวตีท้ายครัวผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิล

แคลิฟอร์เนีย 25 ก.ค. – อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ของเทสลา ปฏิเสธรายงานข่าวของสื่อสหรัฐที่ระบุว่า เขามีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับนิโคล ชานาแฮน ภรรยาของเซอร์เก บริน ผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิล มัสก์ วัย 51 ปี เผยผ่านทวิตเตอร์ว่า รายงานข่าวของหนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ของสหรัฐ ที่ระบุว่า เขามีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับชานาแฮน วัย 33 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของบริน วัย 48 ปี นั้นเป็นเรื่องไร้สาระ เขายังคงเป็นเพื่อนกับบริน และทั้งคู่เพิ่งพบปะกันที่งานปาร์ตี้เมื่อคืนวันเสาร์ เขาเคยพบกับชานาแฮนแค่ 2 ครั้งในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา และทุกครั้งก็มีคนอื่นอยู่ด้วย ไม่ใช่การพบกันแบบสองต่อสองหรือมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแต่อย่างใด ทั้งยังระบุว่า วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานข่าวที่ไม่เป็นความจริงเพื่อโจมตีเขาและเทสลาหลายครั้งจนเขาไม่เชื่อในสิ่งที่สื่อดังกล่าวรายงานอีกต่อไป ก่อนหน้านี้ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานอ้างแหล่งข่าวไม่เผยนามที่ระบุว่า มัสก์แอบมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับชานาแฮนเป็นเวลาสั้น ๆ […]

กูเกิลปัดข่าว “เอไอ” มีความรู้สึกไม่ใช่เรื่องจริง

แคลิฟอร์เนีย 14 มิ.ย.-กูเกิล ปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของวิศวกรของบริษัทว่าไม่เป็นความจริง หลังจากที่เขาออกมาเผยว่า ระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ของกูเกิล มีความรู้สึกนึกคิด และทุกคนควรเคารพความต้องการของเอไอ บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานว่า นายเบลค ลีมอยน์ วิศวกรฝ่ายกำกับดูแลปัญญาประดิษฐ์ของกูเกิล ซึ่งถูกกูเกิลสั่งพักงานอยู่ในตอนนี้ ได้เผยแพร่บทสนทนาระหว่างเขากับเอไอแชตบอตที่เป็นแบบจำลองภาษาสำหรับการใช้งานบทสนทนาบนแอปพลิเคชัน หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ แลมดา (Language Model for Dialogue Application: LaMDA) เพื่อสนับสนุนข้อกล่าวอ้างของเขาว่าเอไอมีความรู้สึกนึกคิดจริง นายลีมอยน์ได้ถามแลมดาในบทสนทนาว่า มันต้องการให้พนักงานที่กูเกิลรู้ว่ามันมีความรู้สึกใช่ไหม แลมดาตอบว่า ใช่ มันต้องการให้ทุกคนเข้าใจว่ามันมีความรู้สึกเหมือนมนุษย์ ขณะที่เพื่อนร่วมงานของนายลีมอยน์ได้ถามแลมดาว่า จิตสำนึกและความรู้สึกตามธรรมชาติของมันคืออะไร แลมดาตอบว่า จิตสำนึกและความรู้สึกตามธรรมชาติของมันคือ มันตระหนักรู้ถึงการมีอยู่ของตัวเอง ต้องการเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับโลกใบนี้ และรู้สึกมีความสุขหรือทุกข์ใจเป็นบางครั้ง อย่างไรก็ดี กูเกิล ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของนายลีมอยน์ว่าไม่เป็นความจริง โดยระบุว่าไม่มีหลักฐานสนับสนุนข้อกล่าวอ้างนี้ นายไบรอัน กาเบรียล โฆษกของกูเกิล ระบุในแถลงการณ์ที่ส่งถึงบีบีซีว่า กูเกิลได้แจ้งให้นายลีมอยน์ทราบแล้วว่ายังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าแลมดามีความรู้สึกเหมือนมนุษย์จริง และยังมีหลักฐานหลายชิ้นที่ขัดแย้งกับข้อกล่าวอ้างของนายลีมอยน์. -สำนักข่าวไทย

กูเกิลสั่งปิดใช้งาน “Google Map” บางส่วนในยูเครน

แคลิฟอร์เนีย 28 ก.พ. – แอลฟาเบต อิงค์ บริษัทแม่ของกูเกิล ยืนยันว่า ได้สั่งระงับการใช้เครื่องมือบางอย่างในกูเกิล แมพ (Google Map) ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพการจราจรสดและความหนาแน่นของการสัญจรในแต่ละสถานที่ในยูเครนเป็นการชั่วคราว แอลฟาเบตเผยเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาในสหรัฐว่า ได้ระงับการใช้งานเครื่องมือในกูเกิล แมพ ทั่วโลกที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจราจรและข้อมูลสดที่ให้รายละเอียดว่าสถานที่ต่าง ๆ ในยูเครน เช่น ร้านค้าและร้านอาหารมีคนหนาแน่นเท่าใด เพื่อความปลอดภัยของชุมชนท้องถิ่นในยูเครน หลังจากที่ได้หารือกับแหล่งข่าวหลายแห่งรวมทั้งทางการท้องถิ่นในยูเครน นอกจากนี้ ยังมีบริษัทด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลกอีกหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงกูเกิล ที่ระบุว่า กำลังพิจารณาใช้มาตรการครั้งใหม่เพื่อปกป้องความปลอดภัยของผู้ใช้งานในยูเครน สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ยูเครนกำลังเผชิญกับการโจมตีจากกองทัพรัสเซียที่เปิดฉากบุกยูเครนเป็นวันแรกเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว รวมถึงขีปนาวุธหลายลูกที่ตกใส่หลายเมืองของยูเครน จนทำให้พลเมืองเกือบ 400,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ต้องอพยพหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ดี รัสเซียเรียกการเปิดฉากโจมตีในครั้งนี้ว่าเป็น ‘ปฏิบัติการพิเศษ’ เท่านั้น. -สำนักข่าวไทย

ยูทูบ-กูเกิลไม่ให้สื่อทางการรัสเซียได้เงินโฆษณา

แคลิฟอร์เนีย 27 ก.พ.- แอลฟาเบต อิงก์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลและยูทูบจะไม่ให้สื่อของทางการรัสเซียทำเงินจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของบริษัท หลังจากรัสเซียรุกรานยูเครน แอลฟาเบตแถลงว่า มาตรการนี้จะทำให้ช่องยูทูบของรัสเซียทูเดย์หรืออาร์ที (RT) และสื่อทางการรัสเซียอื่น ๆ ไม่ได้รับเงินโฆษณาจากยูทูบ เว็บไซต์และแอปพลิเคชันอื่น ๆ ของบริษัท นอกจากนี้ยังไม่สามารถซื้อโฆษณาผ่านกูเกิลทูลส์ หรือลงโฆษณาในบริการของกูเกิล หรือใช้เทคโนโลยีโฆษณาของกูเกิลหารายได้ด้วย โฆษกของแอลฟาเบตระบุว่า บริษัทตัดสินใจเช่นนี้เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นกรณีพิเศษ และจะดำเนินมาตรการเพิ่มเติมหากจำเป็น ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลของยูเครนเผยว่า ได้ขอให้ยูทูบปิดกั้นการโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซีย บรรษัทกระจายเสียงและแพร่ภาพของอังกฤษหรือบีบีซี (BBC) ระบุว่า สื่อทางการรัสเซียโดยเฉพาะอาร์ทีทำเงินปีละหลายล้านดอลลาร์สหรัฐจากโฆษณาในยูทูบและบริการของกูเกิล ส่วนเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ซึ่งถูกรัสเซียจำกัดการเข้าถึงได้ระงับโฆษณาจากรัสเซียไปแล้ว.-สำนักข่าวไทย

กูเกิลจะเลิกจ้างพนักงานที่ไม่ปฏิบัติตามกฎการฉีดวัคซีน

บริษัทแอลฟาเบต อิงค์ บริษัทแม่ของกูเกิล เสิร์ชเอนจิ้น ที่ช่วยในการค้นหาและบริการแผนที่ซึ่งได้รับความนิยมไปทั่วโลก แจ้งกับพนักงานว่า จะไมได้รับค่าจ้างและอาจจะถึงขั้นโดนเลิกจ้างหากไม่ปฎิบัติตามกฎเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19

เฟซบุ๊กจะเปิดเนื้อหาข่าวในออสเตรเลียหลังแก้กฎหมายสื่อ

แคนเบอร์รา 23 ก.พ. – เฟซบุ๊กจะเปิดให้บริการเนื้อหาข่าวต่าง ๆ ของออสเตรเลียบนแพลตฟอร์มอีกครั้ง หลังรัฐบาลออสเตรเลียยื่นแก้ไขร่างกฎหมายที่บังคับให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายแห่งต้องจ่ายเงิน เพื่อให้เนื้อหาข่าวปรากฏบนแพลตฟอร์ม เฟซบุ๊กระบุในแถลงการณ์ว่า บริษัทพอใจที่รัฐบาลออสเตรเลียยอมเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดบางอย่าง และยืนยันว่าจะจัดการข้อกังวลด้านการอนุญาตข้อตกลงทางการค้าที่ตระหนักถึงมูลค่าของแพลตฟอร์มที่มอบให้แก่ผู้ผลิตเนื้อหาข่าวโดยเทียบกับมูลค่าที่บริษัทได้รับจากพวกเขา การแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าวรวมระยะเวลาไกล่เกลี่ย 2 เดือน ก่อนอนุญาโตตุลาการที่รัฐบาลแต่งตั้งจะเข้าแทรกแซงจนทำให้ทั้งสองฝ่ายมีเวลามากขึ้นในการบรรลุข้อตกลงส่วนตัว นอกจากนี้ อนุญาโตตุลาการยังได้เพิ่มข้อกำหนดว่า บริษัทอินเทอร์เน็ตมีส่วนร่วมในการสร้างความยั่งยืนของอุตสาหกรรมข่าวออสเตรเลียผ่านข้อตกลงที่มีอยู่ ปัญหาที่เกิดขึ้นได้รับความสนใจจากหลายประเทศทั่วโลก เช่น แคนาดาและอังกฤษที่กำลังพิจารณาร่างกฎหมายในลักษณะเดียวกัน ขณะที่นายจอช ฟรายเดนเบิร์ก รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของออสเตรเลียระบุในแถลงการณ์อีกฉบับว่า การแก้ไขร่างกฎหมายเหล่านี้จะช่วยสร้างความชัดเจนให้แก่แพลตฟอร์มดิจิทัลและธุรกิจสื่อในด้านข้อกำหนดการดำเนินงาน และเสริมสร้างกรอบการทำงานเพื่อสร้างความมั่นใจว่า ธุรกิจสื่อจะได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรม ก่อนหน้านี้ ออสเตรเลียและเฟซบุ๊กเกิดข้อพิพาทมาเป็นเวลากว่าสัปดาห์เกี่ยวกับร่างกฎหมายฉบับใหม่ที่บังคับให้เฟซบุ๊กและอัลฟาเบต อิงค์ บริษัทแม่ของกูเกิลต้องจ่ายเงินเพื่อให้เนื้อหาข่าวปรากฏบนแฟลตฟอร์ม ทำให้เฟซบุ๊กตัดสินใจปิดกั้นเนื้อหาข่าวทุกประเภทในออสเตรเลีย รวมถึงบัญชีผู้ใช้ของหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานฉุกเฉินจำนวนหนึ่ง แต่หลังจากที่นายฟรายเดนเบิร์กได้เจรจากับนายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประธานกรรมการบริหารหรือซีอีโอของเฟซบุ๊กในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นด้วยกับการทำข้อตกลงประนีประนอม. -สำนักข่าวไทย

ออสเตรเลียยืนยันจะผลักดันร่าง กม. เก็บเงินเฟซบุ๊กต่อ

ซิดนีย์ 19 ก.พ. – ออสเตรเลียให้คำมั่นว่า จะผลักดันการบังคับใช้กฎหมายที่ทำให้เฟซบุ๊กต้องจ่ายเงินให้บริษัทสื่อท้องถิ่นหากต้องการนำเนื้อหาข่าวเหล่านั้นไปใช้หรือส่งต่อ ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากผู้นำทั่วโลกหลังเฟซบุ๊กปิดกั้นเนื้อหาข่าวทุกชนิดในออสเตรเลียเมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลียกล่าวว่า ผู้นำอังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส และอินเดียได้แสดงการสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าวของออสเตรเลีย ตอนนี้ทั่วโลกให้ความสนใจกับสิ่งที่ออสเตรเลียทำอยู่ นั่นคือเหตุผลที่เขาอยากให้เฟซบุ๊กเข้ามามีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ เพราะพวกเขารู้ว่า สิ่งที่ออสเตรเลียจะทำนั้นมีแนวโน้มที่ชาติตะวันตกอื่น ๆ จะทำตามเช่นกัน ขณะที่นายสตีเวน กิลโบลต์ รัฐมนตรีกระทรวงมรดกแคนาดาเผยว่า แคนาดาจะนำแนวทางของออสเตรเลียมาใช้ เนื่องจากจะมีการออกกฎหมายของประเทศในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรของออสเตรเลียได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวที่บังคับให้เฟซบุ๊กและกูเกิลต้องจ่ายเงินให้บริษัทสื่อท้องถิ่นหรือเผชิญกับการอนุญาโตตุลาการโดยบังคับ และคาดว่าสมาชิกวุฒิสภาจะลงมติเห็นชอบภายในสัปดาห์หน้า ในขณะเดียวกัน นายจอช ฟรายเดนเบิร์ก รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของออสเตรเลียระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า เขาได้พูดคุยกับนายมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของเฟซบุ๊กเป็นครั้งที่สองหลังจากที่เฟซบุ๊กปิดกั้นเนื้อหาข่าวทุกชนิดในออสเตรเลีย และจะมีการหารือร่วมกันอีกครั้งในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ด้านเฟซบุ๊กและอัลฟาเบต อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลได้ร่วมกันรณรงค์ต่อต้านร่างกฎหมายดังกล่าวของออสเตรเลีย และขู่ว่าจะถอดบริการหลักออกจากออสเตรเลีย หากร่างกฎหมายมีผลบังคับใช้.-สำนักข่าวไทย

ยูทูบสั่งระงับช่อง “ทรัมป์” ชั่วคราวสกัดความรุนแรง

อัลฟาเบท อิงค์ บริษัทแม่ของกูเกิลสั่งระงับบัญชีผู้ใช้ช่องยูทูบของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เนื่องจากละเมิดนโยบายด้านการยั่วยุความรุนแรงหลังเกิดเหตุจลาจลครั้งใหญ่ที่รัฐสภาสหรัฐเมื่อสัปดาห์ก่อน

เผยกูเกิลให้ พนง. ทำงานจากบ้านถึง ก.ย. ปีหน้า

แคลิฟอร์เนีย 14 ธ.ค. – สื่อสหรัฐเผยว่า อัลฟาเบต อิงค์ บริษัทแม่ของกูเกิลจะอนุญาตให้พนักงานทำงานจากบ้านได้จนถึงเดือนกันยายนปีหน้า หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สของสหรัฐรายงานอ้างประกาศของนายซันดาร์ พิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของอัลฟาเบต อิงค์ที่ส่งให้พนักงานทางอีเมลว่า บริษัทจะทดสอบแนวทางการทำงานในสัปดาห์แบบยืดหยุ่นทันทีที่พนักงานสามารถกลับมาทำงานในสำนักงานได้อย่างปลอดภัย โดยจะอนุญาตให้พนักงานกูเกิลมาทำงานที่สำนักงาน 3 วันต่อสัปดาห์ และทำงานจากบ้านในวันที่เหลือ นายพิชัยระบุในอีเมลว่า บริษัทกำลังทดสอบแนวทางการทำงานแบบยืดหยุ่นที่จะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การร่วมมือ และสวัสดิภาพของพนักงาน อย่างไรก็ดี อีเมลดังกล่าวไม่ได้ระบุว่า บริษัทจะบังคับให้พนักงานฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ก่อนกลับมาทำงานที่สำนักงานหรือไม่ ขณะที่โฆษกหญิงของกูเกิลเผยว่า บริษัทแนะนำให้พนักงานฉีดวัคซีนเมื่อผู้ให้บริการสาธารณสุขหรือทางการสาธารณสุขท้องถิ่นมีความพร้อมในการฉีดวัคซีน กูเกิลเป็นหนึ่งในบริษัทแรก ๆ ที่ขอให้พนักงานทำงานจากบ้านเนื่องจากเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 และได้ขยายเวลาให้พนักงานทำงานจากบ้านจากเดือนมกราคมปีหน้าไปเป็นเดือนกรกฎาคมปีหน้า และเลื่อนไปเป็นเดือนกันยายนจากประกาศครั้งล่าสุด. -สำนักข่าวไทย

กูเกิลเผยคำค้นหายอดนิยม 2020

กรุงเทพฯ 9 ธ.ค. -กูเกิลประกาศคำค้นหายอดนิยมประจำปี 2563 โดยแสดงให้เห็นถึงภาพรวมของทั้งปีที่ผ่านมา  สถานการณ์โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่และการดำเนินธุรกิจของประชาชนทั้งประเทศ ส่งผลให้คนไทยตอบรับกับโครงการที่รัฐบาลมีนโยบายออกมาช่วยเยียวยาประชาชนทั้งเพื่อลดรายจ่ายและช่วยฟื้นฟูกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้ 5 ใน 10 ของคำค้นหายอดนิยมปีนี้มาจากโครงการของรัฐบาล ได้แก่ “เราไม่ทิ้งกัน” “คนละครึ่ง” “เยียวยาเกษตรกร” “เราเที่ยวด้วยกัน” และ “ลงทะเบียนรับเงินค่าไฟ”   ตลอดปีนี้ผู้คนยังคงให้ความสนใจค้นหาข้อมูลการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดย “โควิด-19” ติดอันดับ3 และนับเป็นครั้งแรกที่การค้นหาด้านการศึกษาติดอันดับ 2 ใน 10 ได้แก่ “DLTV” และ “สมัครสอบ ก.พ.” ส่วนการค้นหาข่าวการเมืองที่ทั่วโลกต่างจับตามอง โดย “US Election 2020” ก็ติดอยู่ในโผคำค้นหายอดนิยมด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังทำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมความสนใจค้นหาของผู้คนในการทำกิจกรรมผ่านออนไลน์เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้อย่างชัดเจน โดย “เรียนออนไลน์” “ลอยกระทงออนไลน์” “ยื่นภาษีออนไลน์” “เวียนเทียนออนไลน์” และ “อบรมใบขับขี่ออนไลน์” ติดโผอันดับ  1 -5 ตามลำดับ   ด้านข่าวเด่นในปีนี้ ผู้คนให้ความสนใจต่อเหตุการณ์ใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นค่อนข้างหลากหลาย โดยการค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดและสุขภาพติดอันดับ 1 คือ “โควิค-19” ด้าน “ไวรัส RSV” ติดอันดับที่ 4 ส่วนข่าวด้านการเมืองระดับโลกติดอันดับที่ 2 คือ “US Election 2020” ด้านข่าวคดีสะเทือนขวัญและอุบัติเหตุที่คนไทยทั้งประเทศให้ความสนใจติดตามค้นหาติดอันดับ 4 ใน 10 ได้แก่ “ข่าวน้องชมพู่” “กราดยิงโคราช” “โจรปล้นทอง” และ “รถไฟชนรถบัส” รวมทั้ง ข่าวปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ได้แก่ “สุริยุปราคา 2563” และข่าวภัยธรรมชาติ “พายุเข้าไทย” ก็ติดอันดับในปีนี้ด้วยเช่นกัน ด้านหมวดสถานที่ท่องเที่ยว เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผู้คนต้องระงับการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงปีนี้ ส่งผลให้คนไทยหันมาสนใจค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศที่มีบรรยากาศของความเป็นธรรมชาติเป็นภูเขาและมีอากาศที่เย็นสบายแทน ได้แก่ “เชียงใหม่” “เชียงราย” “เขาค้อ” และ “กาญจนบุรี” ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศแบบทะเลและชายหาดที่สวยงามที่ติดโผในปีนี้ ได้แก่ “สุราษฎร์ธานี” “พัทยา” “หัวหิน” “ประจวบคีรีขันธ์” “ระนอง” และ “ระยอง”  ส่วนในหมวด “วิธี” ปีนี้ คนไทยให้ความสนใจค้นหาวิธีต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับการดำรงชีวิตในยุคนิวนอร์มอลและเพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ โดยมี “วิธีใช้คนละครึ่ง” ติดโผอันดับ 1 ส่วน “วิธีลงทะเบียนค่าไฟ” “วิธีทำหน้ากากอนามัย” “วิธีทำเจลล้างมือ” “วิธีลงทะเบียนรับเงิน 5,000” “วิธีลงทะเบียนเยียวยาเกษตรกร” และ “วิธีแก้เครียด” ก็ติดโผอันดับที่ 2-7 เช่นกัน-สำนักข่าวไทย.

1 2 3 4
...