อัยการขีดเส้นตายบอสทายาทกระทิงแดง4โมงเย็นวันนี้หากยังเบี้ยวพบศาลเจอหมายจับ

กรุงเทพฯ 27 เม.ย.- อัยการเตรียมประสานตำรวจออกหมายจับทายาทเครื่องดื่มชูกำลังหลังเบี้ยวนัดส่งฟ้องศาล คดีขับรถชนดาบตำรวจ สน.ทองหล่อเสียชีวิต ปี 55 ขีดเส้นถึง 16.00 น. วันนี้ ยืนยันกระบวนการยุติธรรมไม่ได้ล้มเหลว 


เรือโท สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่าอัยการไม่อนุญาตให้นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทกระทิงแดง ผู้ต้องหาขับรถเฟอร์รารี่ชน ดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้บังคับหมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ เสียชีวิต และหลบหนี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 เลื่อนการส่งตัวฟ้องศาลในวันนี้ หลังส่งทนายความมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีออกไปก่อนโดยอ้างอ้างเหตุเร่งด่วนว่าติดการทำธุรกิจในประเทศต่างๆ ซึ่งอัยการ เห็นว่านายวรยุทธ ผู้ต้องหาได้ส่งทนายความขอเลื่อนคดีด้วยเหตุลักษณะเดียวกันนี้อย่างต่อเนื่องหลายครั้ง มีเจตนาประวิงคดี และหลบหนี โดยจะให้เวลาเข้าพบอัยการถึง 16.00 วันนี้  หากไม่มาพรุ่งนี้จะส่งเรื่องไปยังพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ให้ขอศาลออกหมายจับ เพื่อติดตามตัวมาส่งฟ้องต่อศาลให้ทันกำหนดอายุความข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ที่สั่งฟ้อง ซึ่งจะหมดอายุความในวันที่ 3 กันยายน ปี 2570

ส่วนที่นายวรยุทธ ร้องขอความเป็นธรรมในฉบับสุดท้ายที่ส่งถึงอัยการโดยนำหลักฐานในส่วนความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ และคณะกรรมาธิการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยขอให้อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องตัวเอง มายื่นต่ออัยการนั้นพิจารณาแล้วไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานเดิม อัยการสูงสุดพิจารณาเเล้วมีคำสั่งให้ยุติเรื่องการร้องขอความเป็นธรรมของนายวรยุทธ ผู้ต้องหา และหากนายวรยุทธ ผู้ต้องหาเดินทางมาพบอัยการ หรือ เจ้าหน้าที่ติดตามตัวมาได้ก็สามารถส่งฟ้องศาลได้ทันที เนื่องจากอัยการเตรียมสำนวนคำฟ้องเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว 


ด้านนายอำนาจ โชติชัย (โช-ติ-ชัย) อธิบดีอัยการ สำนักงานต่างประเทศ ระบุว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญากำหนดไว้ชัดเจนว่าหากมีการสั่งฟ้องผู้ต้องหา ต้องจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งให้ได้ตัวมาดำเนินคดีและหากอยู่ต่างประเทศก็จะต้องดำเนินการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งตามขั้นตอนพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบสำนวนต้องแจ้งพนักงานสอบสวนติดตามตัว โดยส่งคำขอไปยังศาลว่าผู้ต้องหามีเจตนาหลบหนีขอศาลออกหมายจับ และเมื่อศาลออกหมายจับแล้วจะต้องติดตามจับให้ก่อนคดีขาดอายุความ และหากผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศ ตำรวจต้องสืบสวนให้ชัดเจนก่อนว่าผู้ต้องหาหลบหนีอยู่ที่ใด และอยู่ในประเทศอังกฤษ ตามที่นำเสนอในข่าวหรือไม่ หากระบุที่อยู่ได้ชัดเจนแล้ว พนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมคำสั่งฟ้องของอัยการ ประกอบการพิจารณาอัตราโทษตามพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 ที่ระบุโทษจำคุก ตั้งแต่ 1 ปี ขึ้นไป สามารถเข้าสู่กระบวนการนี้ได้  ยกเว้นเฉพาะความผิดทางการเมืองและทหารเท่านั้น

ส่วนประเทศอังกฤษ มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทยอยู่แล้ว แต่ต้องพิจารณาเงื่อนไขอื่นอีก อาทิ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พนักงานสอบสวนจึงต้องส่งเรื่องนี้ให้อัยการสำนักงานต่างประเทศ ส่งเรื่องผ่านกระทรวงการต่างประเทศ  และหากเรื่องถึงประเทศอังกฤษ ทางประเทศอังกฤษ ก็จะมีการพิจารณาอีกว่า คดีนี้ขาดอายุความตามกฎหมายไทยแล้วหรือไม่และข้อหาที่เกิดขึ้นต้องเป็นความผิดทางอาญามีกำหนดไว้ในประเทศอังกฤษด้วย และจะพิจารณาหมายจับของศาลไทย หากเข้าเงื่อนไขทางประเทศอังกฤษก็จะออกหมายจับและจับกุมทันที

 ทั้งนี้ที่ผ่านมามีการประสานงานส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศอังกฤษ และในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา มีการส่งเรื่องไปต่อเนื่อง และ ประเทศอังกฤษ ก็เคยขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนเมื่อปี 2555 ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย กรณีขับรถชนคนเสียชีวิตที่ประเทศอังกฤษ แล้วหลบหนีมาที่ประเทศไทยเช่นกัน แต่หากประเทศอังกฤษ ปฎิเสธคำขอของไทยด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งก็จะใช้ พระราชบัญญัติความร่วมมือคดีอาญาระหว่างประเทศขอให้ประเทศอังกฤษ เริ่มต้นคดีใหม่โดยดำเนินคดีที่ประเทศอังกฤษ ได้เช่นกัน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวสามารถกระทำได้กับทุกประเทศที่มีสนธิสัญญา แต่หากประเทศที่ไม่มีสนธิสัญญาก็จะใช้กฎหมายอื่นอย่างเต็มกำลังในการติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี และหากนายวรยุทธ มีการขอสัญชาติอังกฤษ ก็จะทำให้เงื่อนไขการส่งตัวยากขึ้น แต่ก็สามารถดำเนินการส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ หากนายวรยุทธ หลบหนีจนคดีขาดอายุความ กระบวนการตามกฎหมายก็ไม่สามารถดำเนินการใดได้ และหากครบกำหนดอายุความยังไม่ได้ตัวผู้ต้องหามา จะถือเป็นความล้มเหลวในกระบวนการยุติธรรมและเป็นบทเรียนที่จะต้องแก้ไขในส่วน


ขณะที่นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ไม่ถือเป็นความล้มเหลว และเป็นการร่วมมือกันปฎิบัติหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบไม่ใช่เพียงหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเท่านั้น

สำหรับนายวรยุทธ อัยการสั่งฟ้องในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อายุความ 15 ปี และจะหมดวันที่ 3 กันยายน 2570 และไม่หยุดให้ความช่วยเหลือตามสมควร อายุความจะหมดวันที่ 3 กันยายน 2560 นี้ ส่วนข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ขาดอายุความไปแล้ว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

เดินทางปีใหม่สายเอเชีย

ถนนสายเอเชียมุ่งสู่ภาคเหนือรถเริ่มมาก

ประชาชน เริ่มทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา และไปท่องเที่ยวช่วงส่งท้ายปี 2567 รับปีใหม่ 2568 การจราจรถนนสายเอเชีย ฝั่งขาขึ้นภาคเหนือ ช่วงชัยนาท รถเริ่มมาก

ฉายาตำรวจปี67

เปิด 10 ฉายาตำรวจ ปี 67

สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมฯ เปิด 10 ฉายา ตำรวจ “บิ๊กต่าย” ฉายา “กัปตันเรือกู้” จากภารกิจร้อนในการกอบกู้วิกฤติศรัทธา-ภาพลักษณ์องศ์กร “สารวัตรแจ๊ะ” ได้ฉายา “อย่าเล่นกับระบบ แจ๊ะ”

นายกฯ เปิดนิทรรศการกล่องของขวัญปีใหม่68 จากตำรวจ

“แพทองธาร” นายกฯ เปิดนิทรรศการกล่องของขวัญจากตำรวจ มอบให้ประชาชน 4 โครงการ ช่วงปีใหม่ 2568 ทั้งที่พักฟรี-ราคาถูก ชวนโหลดแอปฯ Cyber Check ตรวจสอบป้องกันมิจฉาชีพหลอกลวง