เข้มสถานพยาบาลช่วยคนมีบุตรยาก ยึดหลัก 8ห้าม 3มี 3 ขอ

สบส.27เม.ย.-กรมสบส.แนะสถานพยาบาลที่ให้บริการช่วยการเจริญพันธุ์ ทางการแพทย์ทั้ง 70 แห่งทั่วประเทศ ยึดหลัก “8 ห้าม 3 มี 3 ขอ” เป็นหลักปฏิบัติช่วยคู่สามีภรรยาที่มีบุตรยากให้สามารถมีบุตรตามหวัง ป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย  ทั้งการซื้อ ขาย นำเข้า ส่งออก อสุจิ ไข่ ตัวอ่อน หรือเป็นนายหน้า  


นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร โฆษกกรมสนับสุนนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีแพทย์ที่มีความสามารถและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้อัตราความสำเร็จจากการรับบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ค่อนข้างสูง และขณะนี้มีสถานพยาบาลที่ให้บริการด้านนี้ 70 แห่งทั่วประเทศ ชาวต่างประเทศ ทั้งจีน อิสราเอล ออสเตรเลีย และอเมริกา ฯลฯ ต่างให้การยอมรับ และเดินทางเข้ามารับบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ฯ กับแพทย์และสถานพยาบาลของไทยอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเพื่อช่วยให้คู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายและมีบุตรยากได้มีบุตรตามต้องการโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ และกำหนดสถานะความเป็นบิดามารดาที่ชอบด้วยกฎหมายของเด็ก   ตลอดจนควบคุมการศึกษาวิจัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ฯ  มิให้มีการนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง     กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จึงร่วมตรากฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 ขึ้น โดยมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค. 2558 


นพ.ธงชัย กล่าวต่อว่า เพื่อให้การรักษาแก่สามีภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายและมีบุตรยาก โดยไม่มีการแสวงประโยชน์ไปในทางที่ไม่ถูกต้อง ตามวัตถุประสงค์ของกฎหมายฉบับนี้ขอให้สถานพยาบาลทุกแห่งยึดหลัก เกณฑ์ของกฎหมายอุ้มบุญ ด้วยหลักการง่ายๆ คือ “8 ห้าม 3 มี 3 ขอ” ก่อนดำเนินการใดๆที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีฯ ดังนี้ 8 ห้าม 

ได้แก่ 1)ห้ามเลือกเพศ 2)ห้ามซื้อ ขาย นำเข้า ส่งออก ไข่/อสุจิ/ตัวอ่อน 3)ห้ามรับจ้างตั้งท้อง  4)ห้ามโฆษณา 5)ห้ามโคลนนิ่ง 6)ห้ามมีคนกลางหรือเอเจนซี่ 7)ห้ามคู่สมรสต่างชาติทั้งคู่ แต่หากคู่สมรสชาวต่างชาติต้องการคำปรึกษา หรือรับบริการเทคโนโลยีฯ เช่น การทำกิ๊ฟท์ (GIFT) ทำซิฟท์ (ZIFT) ผสมเทียม (IUI)  ก็สามารถทำได้ ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และ8)ห้ามปฏิเสธการรับเด็กที่เกิดจากการตั้งครรภ์แทน 


3 มี ได้แก่ 1)สถานพยาบาลที่ให้บริการเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ได้มีการรับรองมาตรฐานตามกฎหมาย 2)มีแพทย์ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ได้รับการรับรองจากแพทยสภา และ3)มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน 

ส่วน 3 ขอ ได้แก่ 1)ต้องขออนุญาตเปิดเป็นสถานพยาบาลที่ให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ที่ถูกต้องตามกฎหมายกับกรม สบส.  2)ขออนุญาตให้มีการตั้งครรภ์แทนเป็นรายคู่จากคณะกรรมการคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (กคทพ.) ซึ่งอนุญาตเฉพาะคู่สมรสไทยที่สมรสถูกต้องตามกฎหมาย หรือคนไทยที่สมรสกับต่างชาติและจดทะเบียนสมรสมาแล้วอย่างน้อย 3 ปีเท่านั้น และ3)ขออนุญาตให้มีการวิจัยตัวอ่อนที่เหลือใช้จากการบำบัด รักษาภาวะมีบุตรยากของสามี และภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายจาก กคทพ. ทุกครั้ง 

ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กล่าวว่า สถานพยาบาลใดกระทำการซื้อ ขาย นำเข้าหรือส่งออก ซึ่งอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากกระทำการเป็นนายหน้า ชี้ช่องทางให้มีการรับตั้งครรภ์แทน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

หากประชาชนพบเห็นการรับจ้างตั้งครรภ์,ซื้อ ขาย นำเข้า หรือส่งออก ไข่ อสุจิ ตัวอ่อน,คนกลางชี้ช่องทางให้มีการอุ้มบุญ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน สบส.02193 7999 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือหากมีข้อสงสัย ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่กลุ่มคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ กรมสบส.หมายเลขโทรศัพท์ 02-193-7000 ต่อ 18418 หรือ 18419 .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รวบแล้วมือเผารถ “ศิริโชค” ญาติเผยจิตไม่ปกติ

6 ก.ค. – จับได้แล้ว มือวางเพลิงรถยนต์ “ศิริโชค” ตำรวจเค้นสอบ ยอมรับก่อเหตุจริง ญาติเผยจิตไม่ปกติ พูดคนเดียวมาหลายเดือน ด้าน “ศิริโชค” ไม่เชื่อลงมือเองจากอาการทางจิต น่าจะมีคนสั่งการอยู่เบื้องหลัง กล้องวงจรปิดจับภาพนายเบียร์ อายุ 29 ปี ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในซอยบ้านพักของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.เขต 7 สงขลา 4 สมัย พรรคประชาธิปัตย์ ช่วงตี 3 คืนวานนี้ (5 ก.ค.) ต.ฉาง อ.นาทวี จ.สงขลา และไปคุยกับคนเฝ้าบ้านนายศิริโชค ที่ประตูหน้าบ้าน ก่อนขี่รถออกไป จากนั้นช่วงเวลา 03.45 น. นายเบียร์ขี่รถย้อนกลับเข้าไปในซอยบ้านของนายศิริโชคอีกครั้ง ก่อนจะมีข่าวรถยนต์ GWM HAVAL H6 PHEV หรือปลั๊กอิน-ไฮบริด กึ่งไฟฟ้ากึ่งน้ำมัน เกิดเพลิงไหม้เสียหายหมดทั้งคัน ซึ่งขณะนั้น ยังไม่มั่นใจว่าเกิดจาะระบบรถยนต์ขัดข้อง หรือสาเหตุอย่างอื่น จนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเป็นที่แน่ชัดว่า นายเบียร์เป็นคนก่อเหตุวางเพลิงรถยนต์ของนายศิริโชค […]

“โรม” ควง “เท้ง” ลงพื้นที่สระแก้ว ดูชายแดนไทย-กัมพูชา

สระแก้ว 6 ก.ค. – “โรม” ควง “เท้ง” ลงพื้นที่สระแก้ว ดูชายแดนไทย-กัมพูชา “สอบสวนกลาง-ดีเอสไอ-หน่วยงานปกครอง” ลงด้วยเพียบ สงสัยฝั่งตรงข้ามเป็นฐานสแกมเมอร์-คอลเซ็นเตอร์ หรือไม่ แย้มมีข้อมูลทุนใหญ่เป็นหลังบ้านผู้มีอำนาจกัมพูชา เจอแน่ปิดห้องคุยพรุ่งนี้ แนะสร้างเสาเซ็นเซอร์ตรวจจับชายแดน หมาแมวตรวจได้หมด หากลักลอบเข้า ด้าน “ชุติพงศ์” โวย เขมรไม่ทำรั้ว-รับผิดชอบ ปล่อยผ่านคนลักลอบเข้าออก นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร​ ลงพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว​ ร่วมกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ​ สภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อดูการแก้ไขปัญหาความมั่นคงและการบริหารกิจการชายแดนไทย-กัมพูชา​ โดยมีหน่วยงานความมั่นคง​ นายอำเภอ​ กรมการปกครอง รวมถึงเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ลงพื้นที่ด้วย จุดแรกมาที่บริเวณด้านหลังห้างสรรพสินค้า​อรัญประเทศ​ โดย พ.อ.เมธี คำเต็ม ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา รายงาน​ว่า​ จุดนี้​เป็นพื้นที่​ที่การข่าวแจ้งว่า​ใช้เป็นช่องทางลักลอบข้ามไปฝั่งกัมพูชา​ เป้าหมายไปทำงานหรือเล่นการพนัน​ ปัจจุบันได้ซีลพื้นที่ตรงนี้แล้ว แต่ก็มีการลักลอบเข้าออกตลอด แม้จะมีสถานการณ์ไทย-กัมพูชา […]

“บิ๊กเต่า” ขอเวลาตรวจสอบให้ชัด คลี่ปมพัวพันสีกา ก.

6 ก.ค.- “บิ๊กเต่า” เผยคำให้การสีกา ก. เป็นประโยชน์ อาจโยงไปถึงการทุจริต แต่ขอเวลาตรวจสอบให้ชัด เตรียมประชุมคณะทำงานสัปดาห์หน้า เรียกผู้เกี่ยวข้องสอบเพิ่มเติม ยืนยันหากพบใครเอี่ยวพร้อมดำเนินคดี 12.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงกรณีการเรียกตัวสีกาอักษรย่อ ก. มาสอบปากคำ ว่า หลังจากนำตัวสีกา ก. มาสอบ ก็ได้ข้อมูลในแนวทางที่ดีและมีประโยชน์ อาจนำไปสู่เรื่องที่อาจเอี่ยวกับการทุจริต แต่ก็จะต้องมีการตรวจสอบให้ละเอียด เพราะทุกอย่างต้องชัดเจน เนื่องจากคำให้การอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีหลักฐานอื่นประกอบด้วย จากคำให้การของสีกา ก. ว่า มีการเล่นพนันออนไลน์ แล้วเงินที่ใช้เล่นเป็นเงินส่วนไหน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ แต่เขามีการเล่นพนันจริง” ตอนนี้มีการตั้งคณะทำงานตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว โดยมี ปปป. เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบ เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวพันหลายพื้นที่ ส่วนเรื่องบัญชีวัด ทางบก.ปปป. ก็มีอำนาจสามารถตรวจสอบได้เลย ประมาณวันจันทร์-อังคารที่จะถึงนี้ จะมีการประชุมถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ผู้สื่อข่าวถามว่า สีกา ก. เคยทำให้พระสึกมาแล้วถึง 2 รูป จริงหรือไม่ […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย