ก.แรงงาน เร่งปฏิรูปแรงงานไปต่างประเทศ

ดินแดง 27 เม.ย.-กระทรวงแรงงาน ปฏิรูปแรงงานไทยไปต่างประเทศเน้นทำงานทักษะสูงแทนใช้แรงงาน พร้อมเตือนนายจ้างเร่งรัดต่างด้าวกว่า 3 หมื่นคนที่กลับบ้านช่วงสงกรานต์ ให้รีบกลับเข้าไทยด่วน


นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้กำชับให้ผู้บริหารทั้ง 5 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน ร่วมกันปฎิบัติงานให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง ใน 3 ประเด็น คือ 1.การปฏิรูปการจัดส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศ เน้นการจัดส่งไปทำงานในกลุ่มทักษะสูงมากกว่าการใช้แรงงาน เพื่อให้มีรายได้ที่สูงขึ้น รวมทั้งทบทวนข้อตกลงกับประเทศต่างๆที่รับแรงงานไทยไปทำงาน เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองและค่าจ้างที่เหมาะสม 


2.วันแรงงานแห่งชาติให้ถือเป็นวันที่สำคัญของกระทรวงแรงงาน และให้ บริการประชาชนผู้ใช้แรงงานอย่างเต็มกำลัง รวมทั้งมีแนวทางที่ชัดเจนในการดำเนินการตามข้อเรียกร้องที่จะเกิดขึ้นในวันแรงงาน 

3.Gig Economy ที่ต้องมีการทำงานให้เท่าทันทิศทางการจ้างงานที่เปลี่ยน ไป เนื่องจากมองว่ารูปแบบการจ้างงานแบบจ้างตรงจะลดลง และมีการจ้างงานแบบเหมาช่วงเพิ่มขึ้น จนคนหางานหันไปประกอบอาชีพอิสระมากขึ้น โดยให้สอดรับกับนโยบายไทยแลนด์4.0 


โฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยด้วยว่า ตามที่รัฐบาลได้ผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติสามารถเดินทางกลับบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์ตั้งแต่วันที่ 5-30 เมษายน 2560 โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม มีแรงงานแจ้งเดินทางออกทั้งหมด119,256 คน เดินทางกลับมาประเทศไทยแล้ว 79,849 คน เหลืออีกกว่า 30,000คน จึงอยากแนะนำนายจ้างให้เร่งรัดติดตามแรงงานกลับมาทำงานให้ทันตามกำหนด โดยเฉพาะกลุ่มที่ถือบัตรสีชมพู หากมาไม่ทันจะไม่สามารถกลับเข้าไทยได้ ส่วนกลุ่มที่ถือหนังสือเดินทางและใบ อนุญาตทำงาน หากกลับมาไม่ทันต้องดำเนินการยื่นเอกสารกลับเข้ามาทำงานแบบ Re-Entry โดยไม่ได้รับการงดเว้นค่าธรรมเนียม

ส่วนประเด็นการจ้างงาน ที่กฎหมายกำหนด สถานประกอบการที่มีลูกจ้างทุกๆ 100 คน ต้องจ้างงานคนพิการ 1 คน ล่าสุดพบมีการจ้างงานคนพิการ 800,000 คน แต่นายกรัฐมนตรีกำชับเร่งจ้างงานคนพิการเพิ่มมากกว่านี้ โดยกระทรวงแรงงานตั้งเป้าจะต้องเพิ่มให้ได้อีก 10,000 คน เพื่อตอบรับนโยบายนายกรัฐมนตรี .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย