กฟผ.ปรับกลยุทธ์ หลังเทรนด์โลกลดใช้ฟอสซิล

กรุงเทพฯ 26 เม.ย. – กฟผ.เตรียมปรับกลยุทธ์ใหม่ หลังเทรนด์โลกลดใช้ฟอสซิล ด้าน ก.พลังงานเตรียมเกลี่ยโควตาโซลาร์ฟาร์มราชการ 300 เมกะวัตต์ มารับซื้อโซลาร์รูฟท็อปรอบ กทม. ด้านบีซีพีจีฮุบ 3 โรงไฟฟ้าใต้พิภพอินโดนีเซีย 182 เมกะวัตต์ลงทุนกว่าหมื่นล้านบาท 


นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า วันที่ 29 เมษายนนี้ คณะผู้บริหาร กฟผ.จะประชุมเพื่อปรับยุทธศาสตร์องค์กร ให้เป็นไปตามเทรนด์ หรือของโลกมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันการใช้พลังงานของโลกเปลี่ยนแปลงมาก โดยเน้นไปสู่พลังงานทดแทนมากขึ้น ขณะที่การใช้พลังงานฟอสซิลเริ่มลดลง  โดยบริษัทพลังงานทั่วโลกปรับตัวมาสู่พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พัฒนาแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน (ENERGY STORAGE ) การพัฒนารถไฟฟ้า (อีวี )  ดังนั้น กฟผ.ต้องปรับตัวรับภาวะเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน 

ส่วนกรณีที่ให้นโยบาย กฟผ.ให้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนอยู่ 2,000 เมกะวัตต์ เช่น โรงฟ้าชีวมวล โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) บนอ่างเก็บน้ำในเขื่อนต่าง ๆ  รวมถึงใช้ ENERGY STORAGE โดยให้เน้นย้ำผลิตไฟฟ้าแบบเสถียรรูปแบบสัญญาที่สามารถกำหนดการผลิตได้แน่นอน (Firm Contract) นับเป็นการนำร่องการวิจัยและสามารถใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้ยาวนานมากขึ้น จากปัจจุบันนี้พลังงานทดแทนมีปัญหาว่าใช้ได้ในช่วงที่มีแหล่งเชื้อเพลิง เช่น ช่วงมีแสงแดด ช่วงมีลม เท่านั้น


นายอารีพงศ์ ยังกล่าวด้วยว่า ส่วนโควตาของการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) สำหรับหน่วยงานราชการที่พบว่ามีเพียงองค์การทหารผ่านศึกเป็นหน่วยงานของส่วนราชการที่สามารถดำเนินโครงการได้โดยไม่ผิดกฎหมาย จึงทำให้รับซื้อได้จำกัดเพียง 100 เมกะวัตต์จากที่ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ประกาศว่าจะรับซื้อส่วนนี้ 400 เมกะวัตต์ ในส่วนโควตาที่เหลือ 300 เมกะวัตต์ กระทรวงฯ จะนำไปรวมเป็นโควตาพลังงานทดแทนที่จะเปิดรับซื้อใหม่ แต่จะเป็นของส่วนใดนั้น จะพิจารณารายละเอียดต่อไป โดยส่วนหนึ่งจะเป็นโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป)  ซึ่งจะเน้นในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก เพราะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงจะช่วยลดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก) ที่แต่ละวันเกิดขึ้นเพียง 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้ลดภาระการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ขึ้นมาได้  

นายอารีพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการปรับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าระยะยาวของประเทศ (พีดีพี2015) แม้ว่ายังไม่ชัดเจนว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่จะก่อสร้างได้หรือไม่ โดยเรื่องโรงไฟฟ้ากระบี่รอทาง คสช.สรุปหลังจัดชี้แจงรับฟังความเห็นในพื้นที่ภาคใต้และจะเสนอต่อนายกรัฐมนตรีวันที่ 28 เมษายนนี้ โดยต้องรอว่านายกรัฐมนตรีจะให้ก่อสร้างหรือไม่ ขณะเดียวกันได้ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ( สนพ.) หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าทิศทางการใช้เชื้อเพลิง การใช้ไฟฟ้าในอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งจะพิจารณารวมจากทุกแผนงาน เช่น แผนอนุรักษ์พลังงาน แผนพลังงานทดแทน ว่าจะเป็นไปตามเป้าหรือไม่

วันนี้ (26 เม.ย.) กระทรวงพลังงานได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการซ้อมแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงานประจำปี 2560 โดยมีผู้บริหารและทุกหน่วยงานของกระทรวงพลังงานเข้าร่วม เพื่อเตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์พลังงานของประเทศ ชูศักยภาพการบริหารวิกฤตพลังงาน โดยจำลองสถานการณ์สมมติเพื่อเตรียมความพร้อมและสร้างความมั่นใจให้กับทุกภาคส่วน   


นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่องด้วยการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศอินโดนีเซียรวม 3 โครงการ กำลังการผลิต 182 เมกะวัตต์ ผ่านการซื้อหุ้นบริษัท สตาร์ เอ็นเนอร์ยี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ผู้ลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้ากำลังการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ คาดว่าจะซื้อขายเสร็จไตรมาส 2 ปีนี้และเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้ทันที 

ทั้ง 3 โครงการ ประกอบด้วย 1.โรงไฟฟ้า Wayang Windu  กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 347 เมกะวัตต์ (เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 227 เมกะวัตต์ ด้วยสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 20  2.โรงไฟฟ้า Salak กำลังการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำรวมเทียบเท่า 377 เมกะวัตต์ ร้อยละ 17.3 และ 3.โรงไฟฟ้า Darajat กำลังการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำรวมเทียบเท่า 271 เมกะวัตต์ ร้อยละ 17.3  ทั้งนี้ โรงไฟฟ้า Salak และ โรงไฟฟ้า Darajat ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วทั้งหมด ซึ่งบีซีพีจีจะใช้เงินลงทุนครั้งนี้รวมทั้งสิ้น 357.5 ล้านเหรียญหรือประมาณ 12,341 ล้านบาท โดยคาดว่าจะใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดภายในบริษัทร่วมกับเงินกู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงิน.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]