กฟผ.ปรับกลยุทธ์ หลังเทรนด์โลกลดใช้ฟอสซิล

กรุงเทพฯ 26 เม.ย. – กฟผ.เตรียมปรับกลยุทธ์ใหม่ หลังเทรนด์โลกลดใช้ฟอสซิล ด้าน ก.พลังงานเตรียมเกลี่ยโควตาโซลาร์ฟาร์มราชการ 300 เมกะวัตต์ มารับซื้อโซลาร์รูฟท็อปรอบ กทม. ด้านบีซีพีจีฮุบ 3 โรงไฟฟ้าใต้พิภพอินโดนีเซีย 182 เมกะวัตต์ลงทุนกว่าหมื่นล้านบาท 


นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า วันที่ 29 เมษายนนี้ คณะผู้บริหาร กฟผ.จะประชุมเพื่อปรับยุทธศาสตร์องค์กร ให้เป็นไปตามเทรนด์ หรือของโลกมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันการใช้พลังงานของโลกเปลี่ยนแปลงมาก โดยเน้นไปสู่พลังงานทดแทนมากขึ้น ขณะที่การใช้พลังงานฟอสซิลเริ่มลดลง  โดยบริษัทพลังงานทั่วโลกปรับตัวมาสู่พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พัฒนาแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน (ENERGY STORAGE ) การพัฒนารถไฟฟ้า (อีวี )  ดังนั้น กฟผ.ต้องปรับตัวรับภาวะเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน 

ส่วนกรณีที่ให้นโยบาย กฟผ.ให้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนอยู่ 2,000 เมกะวัตต์ เช่น โรงฟ้าชีวมวล โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) บนอ่างเก็บน้ำในเขื่อนต่าง ๆ  รวมถึงใช้ ENERGY STORAGE โดยให้เน้นย้ำผลิตไฟฟ้าแบบเสถียรรูปแบบสัญญาที่สามารถกำหนดการผลิตได้แน่นอน (Firm Contract) นับเป็นการนำร่องการวิจัยและสามารถใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้ยาวนานมากขึ้น จากปัจจุบันนี้พลังงานทดแทนมีปัญหาว่าใช้ได้ในช่วงที่มีแหล่งเชื้อเพลิง เช่น ช่วงมีแสงแดด ช่วงมีลม เท่านั้น


นายอารีพงศ์ ยังกล่าวด้วยว่า ส่วนโควตาของการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) สำหรับหน่วยงานราชการที่พบว่ามีเพียงองค์การทหารผ่านศึกเป็นหน่วยงานของส่วนราชการที่สามารถดำเนินโครงการได้โดยไม่ผิดกฎหมาย จึงทำให้รับซื้อได้จำกัดเพียง 100 เมกะวัตต์จากที่ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ประกาศว่าจะรับซื้อส่วนนี้ 400 เมกะวัตต์ ในส่วนโควตาที่เหลือ 300 เมกะวัตต์ กระทรวงฯ จะนำไปรวมเป็นโควตาพลังงานทดแทนที่จะเปิดรับซื้อใหม่ แต่จะเป็นของส่วนใดนั้น จะพิจารณารายละเอียดต่อไป โดยส่วนหนึ่งจะเป็นโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป)  ซึ่งจะเน้นในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก เพราะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงจะช่วยลดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก) ที่แต่ละวันเกิดขึ้นเพียง 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้ลดภาระการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ขึ้นมาได้  

นายอารีพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการปรับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าระยะยาวของประเทศ (พีดีพี2015) แม้ว่ายังไม่ชัดเจนว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่จะก่อสร้างได้หรือไม่ โดยเรื่องโรงไฟฟ้ากระบี่รอทาง คสช.สรุปหลังจัดชี้แจงรับฟังความเห็นในพื้นที่ภาคใต้และจะเสนอต่อนายกรัฐมนตรีวันที่ 28 เมษายนนี้ โดยต้องรอว่านายกรัฐมนตรีจะให้ก่อสร้างหรือไม่ ขณะเดียวกันได้ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ( สนพ.) หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าทิศทางการใช้เชื้อเพลิง การใช้ไฟฟ้าในอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งจะพิจารณารวมจากทุกแผนงาน เช่น แผนอนุรักษ์พลังงาน แผนพลังงานทดแทน ว่าจะเป็นไปตามเป้าหรือไม่

วันนี้ (26 เม.ย.) กระทรวงพลังงานได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการซ้อมแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงานประจำปี 2560 โดยมีผู้บริหารและทุกหน่วยงานของกระทรวงพลังงานเข้าร่วม เพื่อเตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์พลังงานของประเทศ ชูศักยภาพการบริหารวิกฤตพลังงาน โดยจำลองสถานการณ์สมมติเพื่อเตรียมความพร้อมและสร้างความมั่นใจให้กับทุกภาคส่วน   


นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่องด้วยการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศอินโดนีเซียรวม 3 โครงการ กำลังการผลิต 182 เมกะวัตต์ ผ่านการซื้อหุ้นบริษัท สตาร์ เอ็นเนอร์ยี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ผู้ลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้ากำลังการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ คาดว่าจะซื้อขายเสร็จไตรมาส 2 ปีนี้และเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้ทันที 

ทั้ง 3 โครงการ ประกอบด้วย 1.โรงไฟฟ้า Wayang Windu  กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 347 เมกะวัตต์ (เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 227 เมกะวัตต์ ด้วยสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 20  2.โรงไฟฟ้า Salak กำลังการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำรวมเทียบเท่า 377 เมกะวัตต์ ร้อยละ 17.3 และ 3.โรงไฟฟ้า Darajat กำลังการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำรวมเทียบเท่า 271 เมกะวัตต์ ร้อยละ 17.3  ทั้งนี้ โรงไฟฟ้า Salak และ โรงไฟฟ้า Darajat ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วทั้งหมด ซึ่งบีซีพีจีจะใช้เงินลงทุนครั้งนี้รวมทั้งสิ้น 357.5 ล้านเหรียญหรือประมาณ 12,341 ล้านบาท โดยคาดว่าจะใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดภายในบริษัทร่วมกับเงินกู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงิน.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“บิ๊กเล็ก” ชี้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นถือว่าดีมากแล้ว เรื่องกับระเบิด จะคุยจนกว่ายอมรับ

ทำเนียบ 8 ส.ค.-“บิ๊กเล็ก” มอบความสำเร็จให้ทีมเจรจา GBC พร้อมขอบคุณประชาชน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาที่อดทน ให้ผู้ว่าฯ ประสานหน่วยงานด้านความมั่นคงอนุญาตประชาชนกลับบ้าน ชี้กัมพูชาเมินข้อตกลงเก็บกู้ระเบิด เพื่อใช้เป็นเครื่องป้องกันกำลังตนเอง ย้ำจะนำไปคุยใน GBC และจนกว่าจะยอมรับ จ่อตั้งทีมที่ปรึกษาส่วนตัวดูข้อกฎหมายรอบด้าน พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำผลสำเร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา หรือ GBC ว่า ขอบคุณทีมคณะเลขานุการ GBC ดำเนินการพูดคุยจนบรรลุข้อตกลง 13 ประเด็น โดยผลสำเร็จที่สำคัญ คือ เป็นการตกลงแบบทวิภาคี ระหว่างไทย – กัมพูชา ซึ่งอาเซียนได้ปล่อยให้ทั้งสองประเทศพูดคุยกัน โดยไม่เข้ามาแทรกแซง ทำหน้าที่เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์ ขณะที่ในการพูดคุยมีผู้สังเกตการณ์จากสหรัฐสหรัฐอเมริกา และจีน ก็ได้ปล่อยให้อาเซียนบริหารจัดการกันเอง โดยไม่เข้ามาแทรกแซงเช่นกัน ถือว่าได้รับคำมั่นจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และมาเลเซียก็ตอบรับคำขอไทย ที่พยายามจะรักษาการพูดคุยระหว่างสองประเทศ เพื่อให้กลไกทวิภาคีดำเนินการต่อไปได้ และสิ่งที่ไทยประสบผลสำเร็จอีกหนึ่งประการ คือ เป็นอีกครั้งที่กัมพูชายอมพูดคุยทวิภาคี หลังจากที่ปฏิเสธมาตลอด ส่วนการจะเชื่อใจกัมพูชาได้อย่างไรนั้น พลเอกณัฐพล ย้ำว่า จะใช้แนวทางเดิม […]

ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา

ทำเนียบ 8 ส.ค.-ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา ปะทะ “พลโทหญิงมาลี” มั่นใจสวยกว่าการันตีตำแหน่งนางสาวไทย เจ้าตัวลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์ พร้อมยืนยันเคียงข้างประชาชน ให้ข้อเท็จจริง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตัวโฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาคนใหม่ คือ นางสาวปนัดดา วงษ์ผู้ดี เพื่อทำหน้าที่ปะทะกับพลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ซึ่งอย่างน้อยสิ่งที่เราได้เปรียบ ที่ตนเองมั่นใจ คือ ความสวย ที่สวยกว่าแน่นอน เพราะโฆษก ศบ.ทก.เป็นนางสาวไทย แต่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาไม่ใช่นางสาวกัมพูชา ซึ่งการทำงานของนางสาวปนัดดา เนื่องจากมีงานมากมาย ปัจจุบันทำงานอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ให้นางสาวปนัดดาช่วยตอบโต้ผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งตนเองและทีมงานจะสนับสนุนข้อมูลในการแถลงข่าว ด้าน นางสาวปนัดดา ระบุว่า ที่ตกลงมาทำหน้าที่โฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาในครั้งนี้ เป็นเพราะตนเองอยู่ในพื้นที่มานานและเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เห็นความอดทนของทหาร ในฐานะที่เป็นจิตอาสา จึงอยากเป็นสื่อกลางที่ชัดเจน ที่สามารถคุยกับสื่อมวลชนและประชาชน รวมถึงฝ่ายทหารให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง และบอกกับต่างชาติว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยของเราบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ทางทหารได้มีการประชุมกัน […]

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]