พล.อ.ประวิตรสั่งรวบรวมความเห็นปรองดอง

กลาโหม 20 เม.ย.- พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง  ว่า การประชุมในวันนี้(20เม.ย.)มีผู้เข้าร่วมจากหลายหน่วยงาน รวมทั้งคณะอนุกรรมการทั้ง 4 คณะ ซึ่งในที่ประชุมได้หารือถึงบทสรุปของข้อเสนอแนะต่างๆ ที่คณะอนุกรรมการชุดที่ 1 ได้รวบรวมไว้ในช่วงที่ผ่านมา หลังจากนั้นผู้ร่วมประชุม ทั้งคณะที่ปรึกษา รัฐมนตรี ได้ร่วมให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ก่อนส่งกลับไปยังคณะอนุกรรมการชุดที่ 1 เพื่อรวบรวมและส่งให้คณะอนุกรรมการชุดที่ 2 ต่อไป ทั้งนี้จากการหารือในที่ประชุมพบว่า คณะกรรมการส่วนใหญ่เห็นด้วยกับข้อเสนอต่างๆ ที่กลุ่มการเมืองนำเสนอเข้ามา อย่างไรก็ตามข้อมูลทั้งหมดต้องบูรณาการ เพื่อตอบโจทย์ที่ประชาชน พรรคการเมือง และกลุ่มการเมืองต่างๆ ให้ข้อคิดเห็นมา และคณะอนุกรรมการชุดที่ 2 จะต้องไปบูรณาการ เพื่อตอบสังคมให้รับทราบทั้งหมด จากนั้นจะส่งต่อให้คณะอนุกรรมการชุดที่ 3 ดำเนินการ


พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ได้กำหนดกรอบเวลา ว่า อนุกรรมการฯ ชุด 3 จะต้องจัดทำร่างสัญญาประชาคม ให้แล้วเสร็จในช่วงไหน เนื่องจากต้องการให้เวลากับผู้ปฏิบัติงาน ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ 

ด้าน พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร  ได้สั่งการให้ คณะอนุกรรมการชุดที่ 1 ไปศึกษาเพิ่มเติมเรื่องที่มีการแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม โดยให้รวบรวมและสรุปข้อมูลทั้งหมดภายในสิ้นเดือนนี้ ทั้งนี้ในวันที่ 26 เม.ย.นี้ จะมีการประชุมกลุ่มย่อยตรวจทานข้อเสนอทั้งหมด ในพื้นที่ส่วนกลาง ส่วนในต่างจังหวัดให้กอ.รมน.ภาค รับผิดชอบ ซึ่งจะดำเนินการทั้งหมด 3 ครั้ง แบ่งเป็น 4 ภาค โดยพื้นที่ภาคเหนือ จะจัดประชุมที่ เชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก ภาคกลาง จัดที่ กทม. สระบุรี เพชรบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดที่อุบลราชธานี อุดรธานี นครราชสีมา ส่วนภาคใต้ จัดที่กระบี่ สุราษฎ์ธานี และสงขลา โดยความเห็นร่วมทั้ง 10 หัวข้อ ที่กลุ่มต่างๆเข้าให้ความเห็นกับคณะอนุกรรมการชุดที่ 1 นั้น สรุปคร่าวๆ ดังนี้ ข้อการเมือง ส่วนใหญ่ต้องการให้มีการส่งเสริมการเมืองภาคประชาชน สร้างบรรยากาศการเมือง ไปสู่การเลือกตั้ง โดยให้มีการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจ นักการเมืองต้องมีคุณธรรม จริยธรรม ในหัวข้อความเหลื่อมล้ำ ส่วนใหญ่ผู้ให้ข้อมูลมองว่า ควรให้ความเป็นธรรม เพิ่มโอกาสในการถือครองที่ดินและน้ำอย่างเท่าเทียม เสนอให้มีการเก็บภาษีที่ดินแบบก้าวหน้า และสร้างเขื่อนเก็บน้ำให้เพียงพอ ส่วนในหัวข้อสื่อมวลชน มองว่า สื่อต้องมีการปฏิรูปและพัฒนา ไม่บิดเบือน เป็นอิสระ รับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น ส่วนในหัวข้อการทุจริตคอรัปชั่น มองว่า ควรเพิ่มกลไกในการตรวจสอบการทุจริต ภาคประชาชนต้องมีส่วนร่วม คดีความที่เกี่ยวกับการทุจริตต้องไม่มีอายุความ ซึ่งความเห็นและข้อเสนอใน 10 หัวข้อดังกล่าว ได้จัดทำเป็นข้อมูล 5 กลุ่ม คือ 1.เป็นเรื่องที่รัฐบาลและคสช. ได้ดำเนินการไปแล้ว 2.เป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการได้ทันที 3.เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ 4.เป็นเรื่องที่ต้องสร้างการรับรู้ ป้องกันการขยายความขัดแย้ง และ 5.เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อนำไปสู่การแก้ไข


ทั้งนี้พล.ต.คงชีพ ระบุว่า พล.อ.ประวิตร เน้นย้ำให้คณะกรรมการ ทั้ง 4 ชุด ให้เกียรติและรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียม ใส่ใจในรายละเอียด แต่ทุกข้อเสนอต้องสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความปรองดอง และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขต่อไป ซึ่ง พล.อ.ประวิตร มีความพอใจการทำงานของอนุกรรมการทั้งหมด เพราะทุกคนมีความรู้ความสามารถ ตั้งใจทำเพื่อส่วนรวม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]