หนองคาย 20 เม.ย.- ศุลกากรหนองคายรวบหนุ่มกรุงเทพฯ คาด่านพรมแดนมิตรภาพหิ้วถังไนโตรเจนใส่อสุจิ สารภาพรับจ้างจากคลินิกชื่อดังหลายแห่งใน กทม. นำอสุจิเตรียมทำอุ้มบุญในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน
นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย นายแพทย์ชัชวาล ฤทธิ์ฐิติ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย และเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันสอบสวนนายนิธินนทน์ ศรีธานิยานันท์ อายุ 25 ปี ชาว กทม. ซึ่งถูกจับกุมได้ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย– ลาว อ.เมืองหนองคาย แห่งที่ 1 พร้อมของกลางถังไนโตรเจน 1 ถัง ภายในบรรจุหลอดใส่อสุจิ 6 หลอด ของบุคคล 2 ชาวต่างชาติ และยังนำเอกสารมาแสดงอ้างเป็นของสถาบันการแพทย์ แต่เนื่องจากเป็นการกระทำตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 มาตรา 41 ห้ามมิให้ผู้ใดซื้อ เสนอซื้อ ขาย นำเข้า ส่งออก ซึ่งอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน อัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พรบ.ศุลกากร ในการนำของต้องห้ามออกนอกราชอาณาจักร จำคุก 10 ปี ปรับ 4 เท่าราคาของรวมค่าอากร หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายนิมิตร กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้จับตาดูพฤติการณ์ของนายนิธินนทน์ อยู่นาน พบว่ามีการเข้าออกประเทศบ่อยครั้ง ทั้งที่ด่านอรัญประเทศไปกัมพูชา และด่านหนองคายไป สปป.ลาว ทุกครั้งจะสะพายกระเป๋าใบใหญ่ไปด้วย จากการข่าวแจ้งว่าภายในกระเป๋ามีถังไนโตรเจนบรรจุน้ำเชื้ออสุจิ ไข่ และตัวอ่อนแช่แข็ง ส่วนครั้งนี้นายนิธินนทน์ ได้เดินทางจากกรุงเทพฯ มายังสะพานมิตรภาพไทย –ลาว จ.หนองคาย เมื่อจะทำพิธีการผ่านแดน เจ้าหน้าที่จึงได้เรียกตรวจ นายนิธินนทน์ยอมรับว่ากำลังจะนำน้ำเชื้ออสุจิไปยังคลินิกแห่งหนึ่งในนครหลวงเวียงจันทน์ จึงควบคุมตัวไว้และเชิญเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย มาร่วมตรวจสอบด้วย ซึ่งนายนิธินนทน์ ให้การเบื้องต้นว่า ได้รับว่าจ้างจากนายยู ลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ให้มารับถังไนโตนเจนที่มีการบรรจุอสุจิ ไข่ และตัวอ่อนแช่แข็ง สลับสับเปลี่ยนกันไป ที่คลินิก 4 แห่งในกรุงเทพฯ แล้วนำข้ามไปยัง สปป.ลาว ไปยังคลินิกแห่งหนึ่ง ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา รวม 12 ครั้ง และยังได้นำไปที่กัมพูชาผ่านทางด่านอรัญประเทศไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และคลินิกไม่ทราบชื่อในปี 2559 รวม 13 ครั้ง แต่ละครั้งจะได้ค่าจ้าง 5,000 บาท
นายนิมิต กล่าวว่า การซื้อขายอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน นั้นผิดศีลธรรม ไม่อยากให้เกิดกระบวนการค้าขายหรือการทำอุ้มบุญในลักษณะเช่นนี้ และการจับกุมครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ผ่านด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย – ลาว จ.หนองคาย
ด้านนายแพทย์ชัชวาล กล่าวว่า ในส่วนของการแพทย์จะต้องนำไปตรวจแล็บที่โรงพยาบาลหนองคายว่าเป็นอสุจิ หรือตัวอ่อน แต่สังเกตด้วยตาเชื่อว่าน่าจะเป็นอสุจิเพื่อนำไปผสมกับไข่ คาดว่ามีแพทย์ชาวไทยไปดำเนินการที่ต่างประเทศให้ และต้องตรวจสอบสถานบริการทั้งหมดว่ามีใบประกอบที่สามารถดำเนินการเรื่องดังกล่าวได้หรือไม่ ส่วนเรื่องคดีให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเป็นผู้แจ้งความกล่าวโทษเป็นหลัก สาธารณสุขทำได้ในส่วนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย