ผบ.สส.ตรวจเยี่ยมกองทัพเรือ

_6717652กองทัพเรือ 8 พ.ย.- “ผบ.สส.” ตรวจเยี่ยมกองทัพเรือ กำชับสนับสนุนพระราชพิธี-เชื่อมั่น ผบ.ทร. นำทร.ไปสู่ความเป็นกองทัพเรือชั้นนำในอาเซียน


พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และคณะเดินทางมาตรวจเยี่ยมกองทัพเรือ และรับฟังการบรรยายสรุปในโอกาสเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด โดยมี พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ และคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ร่วมให้การต้อนรับ ณ กองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ถวายสักการะ พระอนุสาวรีย์ พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จากนั้นได้ขึ้นแท่นรับความเคารพจากกองทหารเกียรติยศและตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ณ บริเวณลานหน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน ก่อนจะเข้าด้านในอาคารเพื่อลงนามในสมุดตรวจเยี่ยม และรับฟังการบรรยายสรุปและมอบนโยบาย ณ ห้องประชุม ชั้น 6


โดยเน้นย้ำกองทัพเรือให้ความสำคัญเร่งด่วนในการสนับสนุนรัฐบาลในงานพระราชพิธีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และ ให้ยึดถือนโยบายของรัฐบาล นโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนโยบายเร่งด่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นแนวทางและปฏิบัติอย่างเต็มขีดความสามารถ รวมทั้งได้กล่าวชื่นชมผลการปฏิบัติงานของกองทัพเรือ ทั้งด้านการรักษาผลประโยชน์แห่งชาติทั้งทางบกและทางทะเล การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ การบรรเทาภัยพิบัติและช่วยเหลือประชาชน และการสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่างๆ อาทิ การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายให้เป็นไปตามมาตรฐานของ IUU (Illegal Unreported and Unregulated), การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) และ ศูนย์อำนวยการลาดตระเวณและช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้โยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย (ศอ.ยฐ.)

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยังได้ชื่นชมนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือ ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างกำลังรบ และความเป็นเลิศในการบริหารจัดการ เพื่อรองรับความท้าทายที่พัฒนาไปตามสภาวะแวดล้อมในภูมิภาคที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนการพัฒนาระบบเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลระหว่างเรือหลวงจักรีนฤเบศร์ และชุดเรือหลวงนเรศวร – ตากสิน กับเครื่องบินกริฟเพนของกองทัพอากาศ ให้สามารถทำการฝึกร่วมกันได้เป็นผลสำเร็จ นับว่าเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาระบบการปฏิบัติร่วมโดยใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง NCO (Network Centric Operations) อันจะส่งผลให้กองทัพไทยมีความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งแสดงความเชื่อมั่นว่ากองทัพเรือภายใต้การบังคับบัญชาพล.ร.อ.ณะ จะสามารถปฏิบัติภารกิจและแก้ไขปัญหาของชาติให้ลุล่วงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำกองทัพเรือไปสู่ความเป็นกองทัพเรือชั้นนำของภูมิภาค และเป็นที่เชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนตลอดไป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง