นิด้าโพลชี้เพื่อไทยแรงมากในอีสาน

นิด้า 24 เม.ย.-ผอ.นิด้าโพล ชี้กระแสเพื่อไทยมาแรงมากในอีสาน ประเมิน ภูมิใจไทยต้องออกแรงอย่างหนักศรีสะเกษ แม้ได้บ้านใหญ่ย้ายร่วมงาน


นายสุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” กล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพลพบว่า ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษประชาชนอยากเลือกผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยเป็นส.ส.บ่งเขต ว่า หากดูคะแนนที่พรรคเพื่อไทยได้ 47% จะพบว่าไม่ต่างจากพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและอุดรธานี ที่มีขนาดไล่เลี่ยกันจึงสะท้อนว่ากระแสความนิยมของพรรคเพื่อไทยในภาคอีสานมาแรงมาก ไม่ว่าจะเป็นอีสานเหนือหรืออีสานใต้ ส่วนพรรคการเมืองอื่นจะเจาะพื้นที่นี้ได้หรือไม่คำตอบคือได้ แต่ต้องออกแรงมาก เหมือนต้องขับเรือฝ่ากระแสคลื่นลม ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีคะแนนมาแรงทั้งตัวพรรครวมถึงน.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

นายสุวิชากล่าวว่าพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทยก็มุ่งหวังจากการได้บ้านใหญ่เข้ามาร่วมพรรค แต่พรรคเพื่อไทยก็ไม่ยอม จึงจัดเวทีลงพื้นที่ถึงสองครั้ง เพื่อทวงคืนพื้นที่ให้ได้ โดยเมื่อผลสำรวจความคิดเห็นออกมาปรากฏว่าคะแนนนิยมไม่สูสีกัน และกระแสของพรรคเพื่อไทยไปแรงมาก แต่ถามว่าพรรคภูมิใจไทยจะเบียดได้หรือไม่ ก็ต้องบอกว่ามีสิทธิ์ลุ้นในบางพื้นที่ โดยเฉพาะที่มีฐานเสียงแน่นเป็นคนเก่าแก่ รวมถึงคนที่ย้ายพรรคจากเพื่อไทยมาสังกัดภูมิใจไทยในรอบนี้ พรรคภูมิใจไทยคงต้องออกแรงมาก เนื่องจากบางอำเภอพรรคเพื่อไทยมีคะแนนสูงมากถึง 80% ได้ขณะที่พรรคการเมืองอื่นอย่างก้าวไกลและรวมไทยสร้างชาติ พบว่าคะแนนไม่แตกต่างกันมากกับจังหวัดอื่นในภาคอีสาน คาดว่าที่ศรีสะเกษภูมิใจไทยอาจได้ 3-4 เขต ส่วนเพื่อไทยคาดว่าไม่ต่ำกว่า 5 ที่นั่ง ซึ่งจากผลสำรวจประเมินว่าการแข่งขันในพื้นที่นี้ เกิดขึ้นระหว่าง 2 พรรคคือพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย


เมื่อถามว่าส.ส. เดิมในพื้นที่หลายคนย้ายสังกัดจากพรรคเพื่อไทยไปอยู่พรรคภูมิใจไทยจะส่งผลกับการเลือกตั้งหรือไม่ นายสุวิชา กล่าวว่า ปัจจัยการตัดสินใจมีทั้งเรื่องนโยบายรวมถึงกระแส ตัวบุคคล และทรัพยากรทางการเมือง แต่ในพื้นที่ต่างจังหวัดส่วนใหญ่ ตัวบุคคลและทรัพยากรทางการเมืองมีความสำคัญ ซึ่งตัวผู้สมัครส.ส.จังหวัดศรีสะเกษมีความชัดเจนเรื่องของคนเก่าแก่ นามสกุลดังในพื้นที่ แต่ต้องจับตาว่าการเลือกตั้งรอบนี้คนตระกูลเก่าจะหายไปจากการเลือกตั้งหรือไม่ ส่วนผู้สมัครส.ส. ที่ลงในนามพรรคเพื่อไทยก็ไม่ควรนิ่งนอนใจว่ามีกระแสดี และไม่ทำพื้นที่ เนื่องจากกระแสก็คือกระแส มิเช่นนั้นอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้

นายสุวิชา กล่าวว่า กระแสของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ภาคอีสานตอนนี้แรงมาก เช่นเดียวกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติที่มีกระแสความนิยมดีในภาคใต้ ซึ่งจะเห็นได้จากในพื้นที่ภาคใต้มีผู้สมัครบางคนที่ไม่ใช่ของพรรครวมไทยสร้างชาติทิ้งดิ่งตัวเอง ขอให้ประชาชนเลือกตัวเองที่สมัคร ส.ส.เขต ส่วนคะแนนพรรคการเมือง อยากสนับสนุนลุงตู่ ก็แล้วแต่ประชาชนตัดสินใจ เหมือนเป็นการทิ้งแกนนำพรรคที่ตัวเองสังกัดอยู่ เพื่อหวังให้ตัวเองเข้าสภาฯ ก่อน เนื่องจากมีความกังวลว่าหากขอคะแนนทั้ง 2 ใบ จะเป็นการเสียคะแนนให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติ  ดังนั้นต้องกลับมาดูในพื้นที่ภาคอีสานจะใช้แนวทางเดียวกันหรือไม่ ว่า หากเป็นส.ส.เขตให้เลือกตัวเอง แต่ถ้าเป็น บัญชีรายชื่อจะเลือกพรรคเพื่อไทยก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน

ด้านนายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า จากผลสำรวจความคิดเห็นช่วงแรกพรรคภูมิใจไทยต้องการขยายพื้นที่อีสานใต้ จึงดึงผู้สมัคร จากพรรคอื่นเข้าร่วม แต่พอผลสำรวจความคิดเห็นออกมาพบว่ากับไม่เป็นไปตามที่ประเมินไว้เนื่องจากกระแสของพรรคเพื่อไทยนพื้นที่ภาคอีสานมาแรงมาก ซึ่งอาจจะทำกวาดบ้านใหญ่ให้โดนพายุได้ และปรากฏการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ในพื้นที่อีสานที่ ส.ส.บ้านใหญ่ ลงแข่งขันแล้วพ่ายแพ้พรรคเพื่อไทย ยิ่งเมื่อดูกระแสตอนนี้ประเมินว่าบ้านใหญ่อาจสอบตกในพื้นที่ภาคอีสาน ไม่เว้นแม้แต่จังหวัดบุรีรัมย์ที่ผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพลพบว่าพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยมีคะแนนสูสีกัน


“กระแสต้องการความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ภาคอีสานมาแรงมาก และเมื่อประเมินจากคะแนนความนิยมที่ออกมาล่าสุดพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลรวมกัน ส.ส.เขตจะอยู่ที่ 83% ถ้าเป็นบัญชีรายชื่ออยู่ที่ 81% หากรวม พรรคเสรีรวมไทย พรรคไทยสร้างไทยเข้าไปด้วย จะกลายเป็นได้ ส.ส.เขต 86% และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 85.67% ขณะที่ซี่ฝ่ายรัฐบาลเดิมรวมกันแล้วได้ 11 % ซึ่งถือว่าคะแนนห่างกันมาก จึงมีความเป็นไปได้ว่าคนในพื้นที่ภาคอีสาน เมื่อดูแล้วว่าการแข่งขันอยู่ในฝั่งของฝ่ายค้านก็เอามาเทคะแนนให้กับพรรคเพื่อไทยก็เป็นได้ เพื่อให้สามารถชนะอย่างเด็ดขาดโดยเฉพาะพื้นที่ที่แข่งขันกับพรรคภูมิใจไทย” นายพิชาย กล่าว

เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่คนในพื้นที่ภาคอีสานจะลงโทษผู้สมัครจากตระกูลบ้านใหญ่ที่ย้ายพรรคมาอีกขั้ว นายพิชาย กล่าวว่า จากการประเมินมีความเป็นไปได้เพราะคนในพื้นที่ภาคอีสานก็ชอบคนที่มีความซื่อสัตย์ บางคนที่ถูกประชาชนมองว่ามีการซื้อตัวไป หรือไม่ตรงไปตรงมากับพรรคการเมืองที่เคยสังกัดก็อาจถูกประชาชนลงโทษก็เป็นได้ ซึ่งปรากฏการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคอีสานมา ดังนั้นครั้งนี้ก็มีความเป็นไปได้ที่คนภาคอีสานจะลงโทษ ส.ส. งูเห่า

“จากผลสำรวจความคิดเห็นพบว่าพื้นที่ภาคอีสานพรรคเพื่อไทยมีคะแนนสูงกว่า 60% ซึ่งตรงนี้ก็บ่งบอกได้ถึงสัญญาณเลนส์สไลด์ คือสามารถเลนส์สไลด์ได้ทั้งจังหวัด ซึ่งประเมินได้ว่าพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ภาคอีสานอาจได้ที่นั่ง 100 ถึง 110 เสียง ที่เหลืออีก 20 เสียงอาจกระจายไปอยู่พรรคอื่น แต่ในพื้นที่ภาคอื่นคะแนนความนิยมของพรรคเพื่อไทยไม่เหมือนกับพื้นที่ภาคอีสานที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น เพราะหากไปดูคะแนนความนิยมพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ภาคกลางกลับลดลงเล็กน้อย แม้กระทั่งภาคเหนือความนิยมก็ลดลงเล็กน้อย และการที่คะแนนของพรรคเพื่อไทยเพิ่มขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล10,000 บาท เพราะกระแสเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่กลางปี 2565 จากการสำรวจของนิด้าโพล” นายพิชาย กล่าว.-สำนักข่าวไทย        

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พล.อ.ณัฐพล แจ้งกัมพูชา เร่งมาเก็บศพทหาร หวั่นเกิดโรคระบาด

ทำเนียบ 4 ส.ค.-พล.อ.ณัฐพล ยืนยันดูแลทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัวอย่างดี พร้อมเปิดให้องค์การระหว่างประเทศร่วมตรวจสอบ ขอให้ประชาชนมั่นใจการประชุม GBC เชื่อจะทำอย่างรอบคอบ ยึดผลประโยชน์ประเทศ พร้อมแจ้ง รมต.กลาโหมกัมพูชา เร่งมาเก็บศพทหารกัมพูชา หวั่นทิ้งไว้นานอาจเกิดโรคระบาด พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ว่า ในการประชุม GBC ที่เริ่มขึ้นในวันนี้  เราได้มีการเตรียมแนวทางที่จะไปประชุมตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ได้เสนอให้ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติพิจารณา เพื่อให้เห็นชอบ จากนั้น ก็ได้มาเตรียมการในเช้าวันเสาร์ ประกอบกับในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทางมาเลเซียได้ติดต่อขอประชุม 3 ฝ่าย ซึ่งประกอบไปด้วย รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย ไทย และกัมพูชา แต่ในการประชุม 3 ฝ่าย ไม่ได้มีการลงประเด็น โดยไทยตอบเพียงในเรื่องหลักการ และในวันอาทิตย์ก็ได้คุยกับเหล่าทัพว่า ยืนยันและรับได้หรือไม่ รับได้ไหม พอใจไหม สบายใจไหม เหล่าทัพก็สบายใจ และกองเลขาฯ ก็ไปประชุม GBC ซึ่งจะใช้เวลาประชุมในช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคม และในวันที่ 6 […]

เตรียมเรียก “เป๊ก ผลิตโชค” และคนขับกระบะเข้าให้การ

กทม. 4 ส.ค.-ตำรวจเตรียมเรียก “เป๊ก ผลิตโชค” มาให้การอย่างละเอียด รวมถึงคนขับกระบะ ด้านผู้ก่อเหตุ สอบปากคำเรียบร้อยแล้ว พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.หัวหมาก เปิดเผยว่าคดี “เป๊ก ผลิตโชค” ถูกฟันบริเวณคาง ภายในปั๊มน้ำมัน คดีนี้ไม่มีความซับซ้อนทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ขณะนี้รวบรวมพยานหลักฐานได้มากพอสมควรแล้ว ยังเหลือเรื่องของคำให้การของพยาน โดยหลังจากนี้จะเรียก “เป๊ก ผลิตโชค” ในฐานะผู้ถูกกระทำมาให้การอย่างละเอียด รวมถึงจะเชิญคนขับรถกระบะที่ “เป๊ก” ปีนขึ้นไป ตอนนี้พนักงานสอบสวนพยายามติดต่ออยู่ และพยานต่างๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ต้องเรียกมาให้การเพิ่มเติมด้วย ส่วนนายชุติเทพ ที่เป็นผู้ก่อเหตุได้ทำการสอบปากคำไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องการตรวจร่างกายของ “เป๊ก” นั้น ก็เป็นในส่วนของแพทย์.-419.-สำนักข่าวไทย

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ปกติ

ทำเนียบ 4 ส.ค.-สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ปกติ หน่วยงานความมั่นคงยังเฝ้าระวัง วางแนวกำลังปฏิบัติการตามแผน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยรายงานสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ภาพรวมเหตุการณ์ทั่วไปถึงเช้าวันนี้ ยังคงเป็นปกติ ไม่มีรายงานเหตุการณ์รุนแรงในทุกพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน ทั้งนี้ หน่วยงานความมั่นคงยังคง เฝ้าระวัง โดยยังวางกำลังตามแนวปฏิบัติการตามแผน เพื่อรักษาอธิปไตยไทยและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน.-314.-สำนักข่าวไทย

ปรากฏการณ์ “ดาวตกลูกไฟ” โผล่บนท้องฟ้า

4 ส.ค. – สมาคมดาราศาสตร์ไทยแจงปรากฏการณ์ “ดาวตกลูกไฟ” โผล่บนท้องฟ้าหลายจังหวัดของประเทศไทย เมื่อคืนที่ผ่านมา เวลา 00.00 น. (วันที่ 4 ส.ค.) สมาคมดาราศาสตร์ไทยได้แจ้งว่า เกิดลูกไฟขนาดใหญ่พร้อมกับเสียงระเบิดดังขึ้นปรากฏบนท้องฟ้าเหนือหลายจังหวัดของประเทศไทย เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา จากตรวจสอบน่าจะเป็น ดาวตกชนิดลูกไฟ (meteoroid) โดยลักษณะที่ปรากฏเป็นแสงสีเขียว อาจบ่งบอกถึงองค์ประกอบของธาตุนิกเกิล โดยทั่วไปแล้ว ดาวตก (Meteor) เกิดขึ้นเมื่อวัตถุท้องฟ้าขนาดเล็กเคลื่อนที่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกและเสียดสีกับอากาศที่ระดับความสูงประมาณ 80-120 กิโลเมตร ทำให้เกิดแสงสว่างวาบพาดผ่านท้องฟ้า ยิ่งวัตถุมีขนาดใหญ่เท่าใด ปริมาณความร้อนและแสงสว่างที่เกิดขึ้นก็จะยิ่งมากตามไปด้วย จากภาพและคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ออกมา ดาวตกในครั้งนี้มีขนาดใหญ่และมีความสว่างมากเป็นพิเศษ ความสว่างของมันใกล้เคียงกับดาวศุกร์ ทำให้ถูกจัดเป็นดาวตกชนิด #ลูกไฟ (Fireball) อย่างชัดเจน ส่วนการปรากฏของแสงสีเขียว สามารถตีความได้ว่าดาวตกนี้มีส่วนประกอบของธาตุโลหะอย่างนิกเกิล.-สำนักข่าวไทย