นิด้าโพลชี้เพื่อไทยแรงมากในอีสาน

นิด้า 24 เม.ย.-ผอ.นิด้าโพล ชี้กระแสเพื่อไทยมาแรงมากในอีสาน ประเมิน ภูมิใจไทยต้องออกแรงอย่างหนักศรีสะเกษ แม้ได้บ้านใหญ่ย้ายร่วมงาน


นายสุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” กล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพลพบว่า ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษประชาชนอยากเลือกผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยเป็นส.ส.บ่งเขต ว่า หากดูคะแนนที่พรรคเพื่อไทยได้ 47% จะพบว่าไม่ต่างจากพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและอุดรธานี ที่มีขนาดไล่เลี่ยกันจึงสะท้อนว่ากระแสความนิยมของพรรคเพื่อไทยในภาคอีสานมาแรงมาก ไม่ว่าจะเป็นอีสานเหนือหรืออีสานใต้ ส่วนพรรคการเมืองอื่นจะเจาะพื้นที่นี้ได้หรือไม่คำตอบคือได้ แต่ต้องออกแรงมาก เหมือนต้องขับเรือฝ่ากระแสคลื่นลม ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีคะแนนมาแรงทั้งตัวพรรครวมถึงน.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

นายสุวิชากล่าวว่าพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทยก็มุ่งหวังจากการได้บ้านใหญ่เข้ามาร่วมพรรค แต่พรรคเพื่อไทยก็ไม่ยอม จึงจัดเวทีลงพื้นที่ถึงสองครั้ง เพื่อทวงคืนพื้นที่ให้ได้ โดยเมื่อผลสำรวจความคิดเห็นออกมาปรากฏว่าคะแนนนิยมไม่สูสีกัน และกระแสของพรรคเพื่อไทยไปแรงมาก แต่ถามว่าพรรคภูมิใจไทยจะเบียดได้หรือไม่ ก็ต้องบอกว่ามีสิทธิ์ลุ้นในบางพื้นที่ โดยเฉพาะที่มีฐานเสียงแน่นเป็นคนเก่าแก่ รวมถึงคนที่ย้ายพรรคจากเพื่อไทยมาสังกัดภูมิใจไทยในรอบนี้ พรรคภูมิใจไทยคงต้องออกแรงมาก เนื่องจากบางอำเภอพรรคเพื่อไทยมีคะแนนสูงมากถึง 80% ได้ขณะที่พรรคการเมืองอื่นอย่างก้าวไกลและรวมไทยสร้างชาติ พบว่าคะแนนไม่แตกต่างกันมากกับจังหวัดอื่นในภาคอีสาน คาดว่าที่ศรีสะเกษภูมิใจไทยอาจได้ 3-4 เขต ส่วนเพื่อไทยคาดว่าไม่ต่ำกว่า 5 ที่นั่ง ซึ่งจากผลสำรวจประเมินว่าการแข่งขันในพื้นที่นี้ เกิดขึ้นระหว่าง 2 พรรคคือพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย


เมื่อถามว่าส.ส. เดิมในพื้นที่หลายคนย้ายสังกัดจากพรรคเพื่อไทยไปอยู่พรรคภูมิใจไทยจะส่งผลกับการเลือกตั้งหรือไม่ นายสุวิชา กล่าวว่า ปัจจัยการตัดสินใจมีทั้งเรื่องนโยบายรวมถึงกระแส ตัวบุคคล และทรัพยากรทางการเมือง แต่ในพื้นที่ต่างจังหวัดส่วนใหญ่ ตัวบุคคลและทรัพยากรทางการเมืองมีความสำคัญ ซึ่งตัวผู้สมัครส.ส.จังหวัดศรีสะเกษมีความชัดเจนเรื่องของคนเก่าแก่ นามสกุลดังในพื้นที่ แต่ต้องจับตาว่าการเลือกตั้งรอบนี้คนตระกูลเก่าจะหายไปจากการเลือกตั้งหรือไม่ ส่วนผู้สมัครส.ส. ที่ลงในนามพรรคเพื่อไทยก็ไม่ควรนิ่งนอนใจว่ามีกระแสดี และไม่ทำพื้นที่ เนื่องจากกระแสก็คือกระแส มิเช่นนั้นอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้

นายสุวิชา กล่าวว่า กระแสของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ภาคอีสานตอนนี้แรงมาก เช่นเดียวกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติที่มีกระแสความนิยมดีในภาคใต้ ซึ่งจะเห็นได้จากในพื้นที่ภาคใต้มีผู้สมัครบางคนที่ไม่ใช่ของพรรครวมไทยสร้างชาติทิ้งดิ่งตัวเอง ขอให้ประชาชนเลือกตัวเองที่สมัคร ส.ส.เขต ส่วนคะแนนพรรคการเมือง อยากสนับสนุนลุงตู่ ก็แล้วแต่ประชาชนตัดสินใจ เหมือนเป็นการทิ้งแกนนำพรรคที่ตัวเองสังกัดอยู่ เพื่อหวังให้ตัวเองเข้าสภาฯ ก่อน เนื่องจากมีความกังวลว่าหากขอคะแนนทั้ง 2 ใบ จะเป็นการเสียคะแนนให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติ  ดังนั้นต้องกลับมาดูในพื้นที่ภาคอีสานจะใช้แนวทางเดียวกันหรือไม่ ว่า หากเป็นส.ส.เขตให้เลือกตัวเอง แต่ถ้าเป็น บัญชีรายชื่อจะเลือกพรรคเพื่อไทยก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน

ด้านนายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า จากผลสำรวจความคิดเห็นช่วงแรกพรรคภูมิใจไทยต้องการขยายพื้นที่อีสานใต้ จึงดึงผู้สมัคร จากพรรคอื่นเข้าร่วม แต่พอผลสำรวจความคิดเห็นออกมาพบว่ากับไม่เป็นไปตามที่ประเมินไว้เนื่องจากกระแสของพรรคเพื่อไทยนพื้นที่ภาคอีสานมาแรงมาก ซึ่งอาจจะทำกวาดบ้านใหญ่ให้โดนพายุได้ และปรากฏการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ในพื้นที่อีสานที่ ส.ส.บ้านใหญ่ ลงแข่งขันแล้วพ่ายแพ้พรรคเพื่อไทย ยิ่งเมื่อดูกระแสตอนนี้ประเมินว่าบ้านใหญ่อาจสอบตกในพื้นที่ภาคอีสาน ไม่เว้นแม้แต่จังหวัดบุรีรัมย์ที่ผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพลพบว่าพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยมีคะแนนสูสีกัน


“กระแสต้องการความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ภาคอีสานมาแรงมาก และเมื่อประเมินจากคะแนนความนิยมที่ออกมาล่าสุดพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลรวมกัน ส.ส.เขตจะอยู่ที่ 83% ถ้าเป็นบัญชีรายชื่ออยู่ที่ 81% หากรวม พรรคเสรีรวมไทย พรรคไทยสร้างไทยเข้าไปด้วย จะกลายเป็นได้ ส.ส.เขต 86% และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 85.67% ขณะที่ซี่ฝ่ายรัฐบาลเดิมรวมกันแล้วได้ 11 % ซึ่งถือว่าคะแนนห่างกันมาก จึงมีความเป็นไปได้ว่าคนในพื้นที่ภาคอีสาน เมื่อดูแล้วว่าการแข่งขันอยู่ในฝั่งของฝ่ายค้านก็เอามาเทคะแนนให้กับพรรคเพื่อไทยก็เป็นได้ เพื่อให้สามารถชนะอย่างเด็ดขาดโดยเฉพาะพื้นที่ที่แข่งขันกับพรรคภูมิใจไทย” นายพิชาย กล่าว

เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่คนในพื้นที่ภาคอีสานจะลงโทษผู้สมัครจากตระกูลบ้านใหญ่ที่ย้ายพรรคมาอีกขั้ว นายพิชาย กล่าวว่า จากการประเมินมีความเป็นไปได้เพราะคนในพื้นที่ภาคอีสานก็ชอบคนที่มีความซื่อสัตย์ บางคนที่ถูกประชาชนมองว่ามีการซื้อตัวไป หรือไม่ตรงไปตรงมากับพรรคการเมืองที่เคยสังกัดก็อาจถูกประชาชนลงโทษก็เป็นได้ ซึ่งปรากฏการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคอีสานมา ดังนั้นครั้งนี้ก็มีความเป็นไปได้ที่คนภาคอีสานจะลงโทษ ส.ส. งูเห่า

“จากผลสำรวจความคิดเห็นพบว่าพื้นที่ภาคอีสานพรรคเพื่อไทยมีคะแนนสูงกว่า 60% ซึ่งตรงนี้ก็บ่งบอกได้ถึงสัญญาณเลนส์สไลด์ คือสามารถเลนส์สไลด์ได้ทั้งจังหวัด ซึ่งประเมินได้ว่าพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ภาคอีสานอาจได้ที่นั่ง 100 ถึง 110 เสียง ที่เหลืออีก 20 เสียงอาจกระจายไปอยู่พรรคอื่น แต่ในพื้นที่ภาคอื่นคะแนนความนิยมของพรรคเพื่อไทยไม่เหมือนกับพื้นที่ภาคอีสานที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น เพราะหากไปดูคะแนนความนิยมพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ภาคกลางกลับลดลงเล็กน้อย แม้กระทั่งภาคเหนือความนิยมก็ลดลงเล็กน้อย และการที่คะแนนของพรรคเพื่อไทยเพิ่มขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล10,000 บาท เพราะกระแสเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่กลางปี 2565 จากการสำรวจของนิด้าโพล” นายพิชาย กล่าว.-สำนักข่าวไทย        

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรง “แพทองธาร” คลิปคุย “ฮุนเซน”

กทม. 14 ก.ค. – ป.ป.ช. มติเอกฉันท์ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรงต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปมคลิปเสียงคุยกับ “ฮุน เซน” ที่สำนักงาน ป.ป.ช. วันนี้มีรายงานว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้ประชุม และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้แต่งตั้งองค์คณะไต่สวน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีปรากฏคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งบริเวณแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา โดยนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการ ป.ป.ช. และนายประภาศ คงเอียด กรรมการ ป.ป.ช. ร่วมเป็นองค์คณะไต่สวน การตั้งองค์คณะไต่สวนครั้งนี้ เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา51 ซึ่งเปิดช่องให้ ป.ป.ช. ตั้งกรรมการไม่น้อยกว่า 2 คนไต่สวนได้ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงมีผลกระทบต่อสาธารณะอย่างกว้างขวางหรือเกี่ยวพันกับองค์กรตุลาการ ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาเบื้องต้น และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 10 วัน โดยให้มีการถอดเทปคำสนทนาและจัดทำคำแปลจากภาษาต่างประเทศอย่างถูกต้อง ครอบคลุมการสอบพยาน และการศึกษา คดีเปรียบเทียบ เช่น […]

เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ลาสิกขา ปมโอน 13 ล้าน

พระนครศรีอยุธยา 14 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ สมัครใจลาสิกขา หลังโอนเงินกว่า 13 ล้าน ให้ “สีกากอล์ฟ” ยืนยันไม่มีสัมพันธ์เชิงชู้สาว แต่ยอมรับว่า “อ่อนต่อโลก” พระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำพิธีลาสิกขาด้วยความสมัครใจในวันนี้ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัด พร้อมสอบปากคำพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสฯ นานเกือบ 3 ชั่วโมง พันตำรวจโท สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่า อดีตเจ้าอาวาสฯ เต็มใจลาสิกขา เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เพราะจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสีกากอล์ฟ พบว่า เส้นเงินถูกโอนจากบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาสฯ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการรับกิจนิมนต์และสอนหนังสือ โดยโอนไปให้สีกากอล์ฟ รวม 12.8 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีเงินจากบัญชีวัดอีก 3.8 แสนบาท ซึ่งมีทั้งโอนผ่านโทรศัพพ์และให้เป็นเงินสด เริ่มโอนตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งในเดือนเดียวกันพบว่าโอนให้สีกากอล์ฟ […]

แก๊งจีนดำลวงเพื่อนร่วมชาติเรียกค่าไถ่ สังหารโหด

เชียงราย 14 ก.ค. – ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีแก๊งจีนดำฆ่าจีนเทา หลอกเพื่อนร่วมชาติมาเรียกค่าไถ่ที่เชียงใหม่ สังหารโหด และนำศพทิ้งกลางป่า ตำรวจพบศพนายหยาง อายุ 24 ปี สัญชาติจีน ถูกห่อด้วยถุงดำ และผ้าปูที่นอน แล้วใช้ผ้ายางพลาสติกห่อทับอีกชั้น ถูกนำมาทิ้งไว้ที่ป่าละเมาะข้างทางริมถนน ใกล้กับหมู่บ้านป่าเหว ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยก่อนหน้านี้ ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากพี่สาวของนายหยางให้ช่วยติดตามตัวน้องชาย หลังข้ามชายแดนมาจากเขตเศรษฐกิจพิเศษคิงส์โรมัน ในฝั่งลาว ผ่าน ตม.สบรวก อำเภอเชียงแสน ที่ จ.เชียงราย มาพร้อมกับนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนอีกคนหนึ่ง โดยจ้างแท็กซี่เดินทางมายังเชียงใหม่ เมื่อ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมาและหายตัวไป ก่อนถูกเรียกค่าไถ่ 3 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พลตำรวจโทกฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า พบตัวนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนที่เดินทางมากับนายหยาง และอ้างว่า ถูกนายซาง เบนซิน และนายหวังซวง นัดหมายให้พานายหยาง […]

“รมต.สุชาติ” เข้าพบสมเด็จฯ วัดไตรมิตร รับแนวทางแก้ปัญหาวงการสงฆ์

วัดไตรมิตร 14 ก.ค.- “รมต.สุชาติ” เข้าพบสมเด็จฯ วัดไตรมิตร รับแนวทางแก้ปัญหาวงการสงฆ์ ชี้ต้องร่วมมือกัน ทั้งตำรวจ-มส.-พศ. ย้ำต้องเร่งแก้ให้เร็วที่สุด ก่อนประชาชนหมดศรัทธา สั่งสำนักพุทธฯ ดูกฎหมายอาญา 206 เอาผิดสีกา ก. ได้หรือไม่ ย้อนถาม พศ. ทำไมไม่รู้ จี้ให้ทำงานเชิงรุก บอกหลัง 1 ต.ค.นี้ ทุกวัดต้องส่งรายงานการเงินทุกเดือนและทุกปี ตามกฎกระทรวงใหม่ นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เมื่อมาถึงได้เข้ากราบสักการะสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (สมเด็จธงชัย) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ก่อนเข้ากราบนมัสการสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เพื่อรับแนวทางปฏิบัติ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ภายหลังการเข้าพบสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) นานกว่า 30 นาที นายสุชาติ กล่าวว่า เรื่องสงฆ์ที่เกิดปัญหาอยู่ในขณะนี้ เป็นเรื่องที่มหาเถรสมาคม มีการประชุมตั้งแต่เมื่อวาน ซึ่งเป็นการประชุมเร่งด่วนฉุกเฉิน […]