รมว.กลาโหมจีน-สหรัฐฯ ร่วมหารือความสัมพันธ์ในกัมพูชา

เสียมราฐ, กัมพูชา, 23 พ.ย. (ซินหัว) — เมื่อวันอังคาร (22 พ.ย.) เว่ยเฟิ่งเหอ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจีน ซึ่งเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียนและประเทศคู่เจรจา (ASEAN Defense Ministers’ Meeting-Plus) ครั้งที่ 9 ในจังหวัดเสียมราฐของกัมพูชา ได้ร่วมหารือกับลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ตามคำเชิญของออสติน

เว่ยกล่าวถึงการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ครั้งที่ 20 โดยกล่าวว่าสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บรรลุฉันทามติที่สำคัญหลายประการระหว่างการเจรจาหารือที่การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม จี20 (G20) ครั้งที่ 17 ซึ่งเป็นการวางแนวทางสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ

เว่ยระบุว่าสหรัฐฯ มีหน้าที่รับผิดชอบต่อสถานการณ์ปัจจุบันในความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ มิใช่จีน พร้อมชี้ว่าจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศและสองกองทัพ ทว่าฝ่ายสหรัฐฯ ต้องเคารพผลประโยชน์หลักของจีนด้วย

เว่ยแสดงความหวังว่าสหรัฐฯ จะสามารถรักษาคำพูดและคำมั่นสัญญา ปฏิบัติตามฉันทามติที่บรรลุโดยประธานาธิบดีสองฝ่ายอย่างแท้จริง รวมถึงดำเนินนโยบายที่มีเหตุผลและปฏิบัติได้จริงกับจีน เพื่อผลักดันความสัมพันธ์ทวิภาคีให้กลับคืนสู่เส้นทางการพัฒนาอันแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ

เว่ยเน้นย้ำว่าปัญหาไต้หวันถือเป็นแกนกลางของผลประโยชน์หลักของจีน และเส้นแดงแรกที่ต้องไม่ก้าวข้ามในความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ โดยไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน การแก้ไขปัญหาไต้หวันเป็นเรื่องของประชาชนชาวจีน และจีนจะไม่ยินยอมให้มีการแทรกแซงจากต่างประเทศ

นอกจากนั้นเว่ยกล่าวว่ากองทัพจีนมีความเข้มแข็ง ความมั่นใจ และความสามารถในการปกป้องการรวมชาติอย่างเด็ดขาด

ระหว่างการเจรจาครั้งนี้ เว่ยและออสตินได้แสดงความเห็นว่าทั้งสองกองทัพควรปฏิบัติตามฉันทามติที่บรรลุโดยประธานาธิบดีสองฝ่ายอย่างจริงจัง รักษาการติดต่อสื่อสาร เสริมสร้างการจัดการและควบคุมวิกฤต รวมถึงพยายามรักษาความมั่นคงและเสถียรภาพระดับภูมิภาค

ขณะเดียวกันทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค ตลอดจนประเด็นต่างๆ อาทิ วิกฤตยูเครน ทะเลจีนใต้ และคาบสมุทรเกาหลี

อ่านข่าวภาษาอังกฤษ https://english.news.cn/20221122/cb81400516cd46f390f2c9e61796e90e/c.html
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง https://www.xinhuathai.com/china/321943_20221123
ขอบคุณภาพจาก Xinhua