ไต้หวันเพิ่มระดับมาตรการเฝ้าระวังโควิด
ไต้หวันเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในกรุงไทเป และเมืองซินเป่ย์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไม่ให้ลุกลาม
ไต้หวันเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในกรุงไทเป และเมืองซินเป่ย์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไม่ให้ลุกลาม
ไต้หวันยกระดับการเตือนภัยจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในวันนี้ ในพื้นที่กรุงไทเปและนิวไทเป ซิตี้ ซึ่งจะมีมาตรการห้ามการรวมตัวกันของประชาชนและปิดสถานที่ต่าง ๆ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ หลังจากในวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 180 ราย
มหาวิทยาลัยใหญ่ ๆ ทางภาคเหนือของไต้หวันต้องปรับเปลื่ยนไปสอนผ่านทางระบบออนไลน์แทนและพิพิธภัณฑ์บางแห่งต้องปิดให้บริการ เพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่กำลังรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในไต้หวัน
ไต้หวันรายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาจำนวน 29 ราย ในขณะที่รัฐบาลขอให้ประชาชนเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัส
นายกรัฐมนตรีซู เจิง-ชาง ของไต้หวัน กล่าววันนี้ว่า ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับการเตือนภัยการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในไต้หวัน
รัฐบาลไต้หวันกล่าวว่า ได้เริ่มการหมุนเวียนดับไฟฟ้าทั่วเกาะในวันนี้ หลังจากเกิดไฟฟ้าดับที่โรงไฟฟ้าพลังงานถ่ายหินและแก๊สที่บริเวณทางใต้ของเกาะไต้หวัน ในขณะที่รัฐบาลกล่าวว่า จะทำให้ไฟฟ้ากลับเข้าสู่ภาวะปกติในวันนี้
ประธานาธิบดีไช่ อิง เหวิน ของไต้หวัน กล่าววันนี้ พยายามสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่า รัฐบาลสามารถรับมือกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่อาจจะเกิดขั้นอย่างรุนแรงได้ หลังจากพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศ 16 ราย
นายเฉิน สือ-จง รัฐมนตรีสาธารณสุขไต้หวัน กล่าววันนี้ว่า ไต้หวันอาจจะเพิ่มระดับการเตือนภัยจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ พร้อมกับเตือนว่า สถานการณ์การระบาดในไต้หวันอาจจะมีความรุนแรงอย่างที่สุด แม้ว่าจนถึงขณะนี้ ไต้หวันจะสามารถควบคุมการระบาดได้เป็นอย่างดีก็ตาม
ไทเป 10 พ.ค.- ไต้หวันจะกักโรคนักบินทุกคนของไชนาแอร์ไลน์ สายการบินใหญ่ที่สุดของไต้หวันเป็นเวลา 14 วัน เพื่อหยุดยั้งโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 กลับมาระบาดใหม่ แม้กระทบเศรษฐกิจก็ตาม นายเฉิน สือจง รัฐมนตรีสาธารณสุขไต้หวันเผยกับสื่อวันนี้ว่า หนทางเดียวที่จะทำลายวงจรการแพร่เชื้อที่พบผู้ติดเชื้อแล้ว 35 คน โยงกับนักบินของไชนาแอร์ไลน์และโรงแรมสนามบินที่นักบินพักอยู่คือ การกักโรคนักบินไชนาแอร์ไลน์ทุกคนเป็นเวลา 14 วัน ทั้งนักบินที่อยู่ในไต้หวันอยู่แล้วและนักบินที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ มาตรการนี้จะมีผลกระทบใหญ่หลวงต่อไชนาแอร์ไลน์ เที่ยวบินโดยสาร เที่ยวบินขนส่งสินค้า และลูกเรือ แต่จำเป็นต้องทำเพื่อความปลอดภัยของทุกคน นักบินจะได้รับอนุญาตให้พ้นจากการกักโรคเมื่อมีผลตรวจเป็นลบเท่านั้น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเชื่อว่า นักบินบางคนติดเชื้อมาจากต่างประเทศ และบางส่วนติดเชื้อจากนักบินสายการบินอื่นที่พักในโรงแรมเดียวกัน ด้านไชนาแอร์ไลน์ชี้แจงว่า จะแบ่งนักบินที่กักโรคออกเป็นกลุ่ม ๆ และจะพยายามคงเที่ยวบินให้ได้มากที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ เพราะจะไม่ถึงขั้นจอดเที่ยวบินโดยสิ้นเชิง โดยจะให้ความสำคัญกับเที่ยวบินขนส่งสินค้าเป็นหลัก แน่นอนว่า การลดศักยภาพการนำเข้าและส่งออกของไต้หวันในระยะสั้นจะกระทบต่อระยะเวลาในการขนส่งสินค้า.-สำนักข่าวไทย
ปักกิ่ง 6 พ.ค. – จีนตำหนิแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ (G7) ว่าให้การสนับสนุนไต้หวัน และทำให้รัฐบาลจีนดูเหมือนผู้ข่มเหง ซึ่งถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างร้ายแรง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวว่า จีนขอประณามแถลงการณ์ร่วมของกลุ่ม G7 ว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไร้เหตุผล ซึ่งถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างร้ายแรง กลุ่ม G7 ควรดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ไม่ใช่ทำให้เกิดความแตกแยก ทั้งนี้ จีนระบุว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนและต่อต้านตัวแทนอย่างเป็นทางการของไต้หวันในเวทีโลก นอกจากนี้ จีนยังได้ยกระดับกิจกรรมทางทหารในพื้นที่ใกล้กับไต้หวันในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเพื่ออ้างสิทธิการปกครองเหนือไต้หวัน ในขณะเดียวกัน รัฐบาลไต้หวันเผยว่า แถลงการณ์ร่วมของกลุ่ม G7 ถือเป็นครั้งแรกที่รัฐมนตรีต่างประเทศกล่าวถึงไต้หวันในแถลงการณ์ร่วม ขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันได้กล่าวขอบคุณการสนับสนุนของกลุ่ม G7 โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันกล่าวว่า ไต้หวันจะกระชับความร่วมมือกับประเทศสมาชิกกลุ่ม G7 อย่างต่อเนื่อง และยังคงมีส่วนร่วมในการสร้างพลังบวกที่ยิ่งใหญ่เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนและสุขภาพโลก รวมถึงสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่งคั่งในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่ม G7 ระบุในแถลงการณ์ร่วมหลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดผู้นำ G7 ที่กรุงลอนดอนของอังกฤษว่า จีนมีความผิดฐานละเมิดสิทธิมนุษยชนและใช้อำนาจทางเศรษฐกิจเพื่อข่มเหงประเทศอื่น ๆ นอกจากนี้ กลุ่ม G7 ยังได้กล่าวสนับสนุนไต้หวันที่เข้าร่วมการประชุมประจำปีขององค์การอนามัยโลกและการประชุมสมัชชาอนามัยโลก และยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการกระทำเพียงฝ่ายเดียวที่อาจทำให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้นในช่องแคบไต้หวัน.-สำนักข่าวไทย
ไทเป 4 พ.ค.- นายกรัฐมนตรีซู เจินชางของไต้หวัน ออกโรงปกป้องรัฐมนตรีสาธารณสุข หลังจากมีผู้ติดเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ครั้งใหม่ นายกรัฐมนตรีซูกล่าวกับสื่อว่า แม้รัฐบาลใช้ระเบียบเคร่งครัด แต่ก็มีบางคนที่ไม่ปฏิบัติตาม ลำพังนายเฉิน ฉือจง รัฐมนตรีสาธารณสุขเพียงคนเดียว ต่อให้เป็นเทพกลับชาติมาเกิดก็ไม่สามารถไปตรวจสอบทุกแห่งได้พร้อมกันว่า ผู้คนปฏิบัติตามระเบียบหรือไม่ รัฐบาลกำลังพิจารณาว่า จะเข้มงวดมาตรการใดบ้าง หลังจากที่ได้ประกาศเมื่อวานนี้ ห้ามคนเดินทางมาจากอินเดียยกเว้นพลเมืองไต้หวันตั้งแต่วันนี้ ด้านนายเฉินขอบคุณนายซู พร้อมกับย้ำว่าสิ่งสำคัญในการรับมือกับโรคโควิด-19 คือ การสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ รักษาระยะห่าง และฉีดวัคซีน รัฐมนตรีสาธารณสุขไต้หวันถูกวิจารณ์ หลังเกิดเหตุหลายกรณีที่อาจทำให้โรคโควิด-19 กลับมาระบาดอีกครั้ง โดยเมื่อเดือนที่แล้วพบผู้ติดเชื้อ 28 รายโยงกับโรงแรมที่ท่าอากาศยานนานาชาติเถาหยวน ชานกรุงไทเป และลูกเรือไชนาแอร์ไลน์ สายการบินใหญ่ที่สุดของไต้หวัน บางรายเป็นการติดเชื้อในชุมชน ไต้หวันมียอดติดเชื้อสะสม 1,154 คน ส่วนใหญ่เดินทางมาจากต่างประเทศ มีผู้เสียชีวิต 12 คน และมีผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวในโรงพยาบาล 75 คน.-สำนักข่าวไทย
ไทเป 3 พ.ค.- ไต้หวันห้ามผู้ที่อยู่ในอินเดียในช่วง 14 วันเดินทางเข้าไต้หวันตั้งแต่วันอังคารนี้เป็นต้นไป ยกเว้นพลเมืองชาวไต้หวัน นับเป็นประเทศและดินแดนล่าสุดที่ห้ามคนเดินทางมาจากอินเดียที่สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 กำลังระบาดหนัก กระทรวงสาธารณสุขไต้หวันแถลงวันนี้ว่า ผู้ที่อยู่ในอินเดียในช่วง 14 วันที่ผ่านมาจะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าไต้หวัน มีผลตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันที่ 3 พ.ค.ตามเวลาไต้หวัน ส่วนชาวไต้หวันที่เดินทางกลับมาจากอินเดียจะต้องกักตัวในสถานที่ของทางการเป็นเวลา 14 วัน ก่อนหน้านี้นายเฉิน เจิ้งฉี รัฐมนตรีช่วยเศรษฐกิจไต้หวันกล่าวว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาว่า จะส่งเครื่องบินไปอพยพนักธุรกิจชาวไต้หวัน 150 คนออกจากอินเดียหรือไม่ ขณะที่กระทรวงต่างประเทศไต้หวันแถลงว่า ประเมินแล้วว่าไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น และไม่มีประเทศหรือดินแดนใดทำเช่นนั้น.-สำนักข่าวไทย