มาเลเซีย

ชาวมาเลเซียพากันเข้มงวดการใช้จ่าย เนื่องจากสินค้าต่างๆ พากันขึ้นราคาอย่างรวดเร็ว จากผลกระทบสงครามยูเครน

มาเลเซียจะผ่อนคลายมาตรการป้องกันการระบาดชองเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 เพิ่มเติมตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป ซึ่งครอบคลุมถึงการยกเลิกข้อจำกัดสำหรับผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนและยกเลิกข้อบังคับการสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ภายนอกอาคาร

กัวลาลัมเปอร์ 22 เม.ย. – มาเลเซียใช้เรือเก็บขยะอัตโนมัติที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ชื่อว่า ‘อินเตอร์เซปเตอร์ 005’ (Interceptor 005) ล่องเก็บขยะมูลฝอยในแม่น้ำกลาง (Klang River) ซึ่งไหลผ่านกรุงกัวลาลัมเปอร์และรัฐสลังงอร์ของมาเลเซีย เพื่อป้องกันไม่ให้ขยะพลาสติกไหลลงสู่ช่องแคบมะละกาที่เชื่อมกับมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันออกและมหาสมุทรอินเดียทางตะวันตก สำนักข่าวซีเอ็นเอของสิงคโปร์รายงานว่า เรืออินเตอร์เซปเตอร์ 005 ได้รับการออกแบบให้มีลักษณะคล้ายเรือใบและได้รับเงินสนับสนุนจากโคลด์เพลย์ วงดนตรีร็อกชื่อดังของอังกฤษ โดยที่เรือลำนี้ได้ปฏิบัติการเก็บขยะในแม่น้ำใกล้ท่าเรือกลางของมาเลเซียมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีก่อนและสามารถเก็บขยะมูลฝอยในแม่น้ำได้เป็นจำนวนมาก เช่น ขวดพลาสติก กล่องโฟมเก็บความเย็น แก้วพลาสติก กระป๋อง เศษไม้ และไม้กวาด ยิ่งไปกว่านั้น เรืออินเตอร์เซปเตอร์ 005 ยังเป็นเรือที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการขับเคลื่อนแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นผลงานการพัฒนาของโอเชียน คลีนอัป (Ocean Cleanup) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรสัญชาติเนเธอร์แลนด์ที่ตั้งเป้าลดขยะพลาสติกในมหาสมุทร ทั้งนี้ เรืออินเตอร์เซปเตอร์ 005 เป็นหนึ่งในเรือเก็บขยะ 2 ลำที่ปฏิบัติการอยู่ในแม่น้ำกลาง ซึ่งมีรายชื่อติด 50 อันดับแม่น้ำที่มีมลพิษมากที่สุดของโลก นายโบยัน สลัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโอเชียน คลีนอัป เผยกับสำนักข่าวซีเอ็นเอว่า ถ้าทุกคนต้องการประสบความสำเร็จในการทำให้มหาสมุทรปลอดขยะ ต้องช่วยกันลงมือทำ 2 […]

เกดะห์ 21 เม.ย. – ตำรวจมาเลเซียเผยว่า สภาพแออัดของศูนย์กักกันคนเข้าเมืองในรัฐปีนัง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมาเลเซีย น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดจลาจลขึ้นจนมีชาวโรฮิงญาหลายร้อยคนหลบหนีออกจากศูนย์ดังกล่าวเมื่อวันพุธ รวมถึงชาวโรฮิงญา 6 รายที่ถูกรถชนเสียชีวิตบนทางหลวงมาเลเซีย ตำรวจของรัฐเกดะห์ ที่ตั้งอยู่ทางเหนือของรัฐปีนังและมีพรมแดนติดกัน ระบุว่า เจ้าหน้าที่กำลังเร่งสืบสวนเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดการจลาจลในค่ายกักกันคนเข้าเมืองชั่วคราวในรัฐปีนัง โดยใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตราว่าด้วยการขัดขวางการจับกุมและมาตราว่าด้วยการก่อจลาจล ทั้ง 2 มาตรามีโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี เหตุดังกล่าวทำให้มีชาวโรฮิงญาราว 528 คนหลบหนีออกจากศูนย์กักกันเมื่อช่วงเช้ามืดของวันพุธ ในจำนวนนี้ มีชาวโรฮิงญา 6 รายถูกรถชนเสียชีวิตในขณะที่กำลังข้ามถนนบนทางหลวงมาเลเซีย ขณะนี้ ตำรวจมาเลเซียสามารถจับกุมชาวโรฮิงญากลับมาได้ 357 คนนับถึงช่วงบ่ายวานนี้ ตำรวจของรัฐเกดะห์ยังระบุว่า มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์กักกันคนเข้าเมืองประจำการอยู่ 23 คนขณะเกิดเหตุจลาจล อย่างไรก็ดี ตำรวจไม่ได้รับรายงานผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มีรายงานความเสียหายเล็กน้อยที่ประตูทางเข้าหลักและรั้วตาข่ายของศูนย์กักกัน สภาพแออัดของศูนย์ดังกล่าวที่ไม่เพียงพอต่อการรองรับชาวโรฮิงญาจำนวนมากเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และทำให้ชาวโรฮิงญาสบโอกาสหลบหนีไปได้ ขณะนี้ ตำรวจรัฐเกดะห์ได้ประสานงานกับตำรวจรัฐปีนังเพื่อตามจับชาวโรฮิงญาอีกกว่าร้อยคนที่ยังคงหลบหนีอยู่ ขณะที่นายฮัมซาห์ ไซนุดดิน รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของมาเลเซีย เผยว่า ชาวโรฮิงญากลุ่มนี้ถูกจับกุมในข้อหาเดินทางเข้ามาเลเซียโดยผิดกฎหมายเมื่อปี 2563. -สำนักข่าวไทย

กัวลาลัมเปอร์ 20 เม.ย. – เกิดเหตุชาวโรฮิงญา 6 รายถูกรถชนเสียชีวิตบนทางหลวงมาเลเซีย ในจำนวนนี้ มีเด็กรวมอยู่ 2 ราย หลังจากที่ชาวโรฮิงญาหลายร้อยคนได้หลบหนีออกจากศูนย์กักกันคนเข้าเมืองในรัฐปีนัง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมาเลเซียที่เกิดเหตุจลาจลเมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของมาเลเซียระบุในแถลงการณ์ว่า มีชาวโรฮิงญาทั้งหมด 582 คนที่หลบหนีออกจากค่ายกักกันคนเข้าเมืองชั่วคราวในรัฐปีนังด้วยการพังประตูและทำลายรั้วตาข่าย ขณะนี้ทางการมาเลเซียสามารถจับกุมผู้หลบหนีกลับมาได้ 362 คนแล้ว ขณะที่ตำรวจมาเลเซียเผยว่า เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนหาสาเหตุของการก่อจลาจลเมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ และกำลังเร่งตามจับกุมชาวโรฮิงญาที่ยังคงหลบหนีอยู่ ด้านตำรวจของรัฐเกดะห์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมาเลเซีย รายงานว่า มีชาวโรฮิงญา 6 รายถูกรถชนเสียชีวิตในขณะที่ทั้งหมดกำลังข้ามถนนบนทางหลวงที่อยู่ห่างจากค่ายกักกันคนเข้าเมืองชั่วคราว 8 กิโลเมตร ในจำนวนนี้ มีชาวโรฮิงญาที่เป็นผู้ชาย 2 ราย ผู้หญิง 2 ราย เด็กชาย 1 ราย และเด็กหญิง 1 ราย ทั้งนี้ ค่ายกักกันดังกล่าวมีชาวโรฮิงญาอาศัยอยู่ทั้งหมด 664 คน ซึ่งรวมถึงเด็ก 137 คน สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า มาเลเซีย ซึ่งไม่ยอมรับสถานะผู้ลี้ภัยของชาวโรฮิงญา เป็นจุดหมายปลายทางสำคัญที่ชาวโรฮิงญานิยมเดินทางไปเพื่อหลบหนีการถูกกดขี่ข่มเหงในเมียนมาหรือค่ายผู้ลี้ภัยในบังกลาเทศ […]

กัวลาลัมเปอร์ 8 มี.ค. – นายไซฟุดดิน อับดุลเลาะห์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของมาเลเซีย ระบุว่า มาเลเซียไม่มีนโยบายที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อลงโทษรัสเซีย หลังจากที่สิงคโปร์ได้ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเพื่อตอบโต้ที่รัสเซียนำกำลังทหารบุกโจมตียูเครน นายไซฟุดดินแจ้งต่อบรรดา ส.ส. ในที่ประชุมรัฐสภามาเลเซียวันนี้ว่า มาเลเซียไม่เชื่อมั่นในการใช้มาตรการคว่ำบาตรในลักษณะฝ่ายเดียว (unilateral sanctions) การใช้บทลงโทษต่าง ๆ ควรได้รับการลงมติผ่านองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ในฐานะที่มาเลเซียเป็นสมาชิกของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ มาเลเซียได้เรียกร้องให้มีการประกาศหยุดยิงและใช้การเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนแล้ว ทั้งยังระบุว่า มาเลเซียต้องระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้มาตรการคว่ำบาตรที่ถือเป็นหนึ่งในอาวุธที่ทรงพลัง เนื่องจากประชาชนผู้บริสุทธิ์จะตกเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุดหากการใช้มาตรการเหล่านี้ไม่ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย ก่อนหน้านี้ สิงคโปร์ได้ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียเมื่อวันเสาร์ และทำให้สิงคโปร์กลายเป็นประเทศแรกในสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ที่ตัดสินใจใช้มาตรการดังกล่าวโดยไม่ผ่านยูเอ็น ทั้งนี้ มาตรการคว่ำบาตรที่สิงคโปร์ประกาศใช้ต่อรัสเซีย เช่น การควบคุมการส่งออกสิ่งของที่สามารถนำไปใช้เป็นอาวุธ การใช้มาตรการทางการเงินแบบกำหนดเป้าหมายต่อธนาคารของรัสเซีย และการจำกัดการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรทางการเงิน.-สำนักข่าวไทย

กัวลาลัมเปอร์ 2 มี.ค. – มาเลเซียจะไม่อนุญาตให้เรือบรรทุกน้ำมันของรัสเซียที่ถูกสหรัฐคว่ำบาตรเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือกัวลาสุไหงลิงกีของมาเลเซีย ท่ามกลางกระแสกดดันให้ประเทศต่าง ๆ ใช้มาตรการคว่ำบาตรทางธุรกิจที่เชื่อมโยงกับรัสเซีย เพื่อตอบโต้ที่รัสเซียนำกำลังทหารบุกยูเครน กระทรวงคมนาคมของมาเลเซียระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า เจ้าหน้าที่ของท่าเรือกัวลาสุไหงลิงกีได้ตัดสินใจปฏิเสธคำขอจอดเทียบท่าของเรือบรรทุกน้ำมัน ‘ลินดา’ (Linda) ของรัสเซียที่ถูกสหรัฐขึ้นบัญชีดำ เนื่องจากมาเลเซียไม่ต้องการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ ทั้งยังระบุว่า กระทรวงฯ จะประเมินสถานการณ์ต่อไปเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายปัจจุบันของรัฐบาลมาเลเซีย แต่ไม่ได้เปิดเผยจุดยืนของรัฐบาลต่อการคว่ำบาตรของสหรัฐ ก่อนหน้านี้ มาเลเซียได้ออกแถลงการณ์แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ขัดแย้งในยูเครน แต่ไม่ได้ประณามการกระทำของรัสเซีย รวมถึงไม่ได้แสดงความเห็นต่อการใช้มาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติหลังรัสเซียนำกำลังทหารบุกโจมตียูเครน ทั้งนี้ กลุ่มผู้สนับสนุนสหรัฐเชื่อว่าเรือลำดังกล่าวบรรทุกน้ำมันดิบของอิหร่าน ซึ่งถูกสหรัฐขึ้นบัญชีดำ ดร. ยวน แกรห์ม นักวิจัยระดับสูงของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ (IISS) ของอังกฤษ เผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวของกระทรวงคมนาคมมาเลเซียที่ระบุถึงการตัดสินใจปฏิเสธคำขอจอดเทียบท่าโดยเจ้าหน้าที่ท่าเรือแทนที่จะเป็นรัฐบาลมาเลเซีย แสดงให้เห็นว่ามาเลเซียสงวนท่าทีโดยยืนอยู่ตรงกลางระหว่างรัสเซียกับสหรัฐ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่จะต้องพยายามสร้างความสมดุลระหว่างสองประเทศใหญ่ แต่สงสัยว่า สหรัฐกำลังพยายามกดดันมาเลเซียอย่างหนักให้ยอมรับในมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย.-สำนักข่าวไทย