สมาคมผู้ค้าปลีกไทยเรียกร้องรัฐฯ ออกมาตรการ “ช้อปดีมีคืน”

สมาคมผู้ค้าปลีกไทยเรียกร้องรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เช่น ช้อปดีมีคืน และ Easy E-Receipt จับตามองหนุนตลาดคาดหวังมาตรการของขวัญปีใหม่ที่นายกฯ จะแถลง 12 ธ.ค. มองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นค้าปลีกที่มียอดขายต่อบิลสูง อาทิ CRC, COM7, HMPRO

นักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไร บจ.-SET Index หลัง กนง.ลดดอกเบี้ยรอบ 4 ปี

นักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไร บจ.- SET Index หลัง กนง.ลดดอกเบี้ยในรอบ 4 ปี การเมืองมีเสถียรภาพ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชัดเจน ชี้รอบ 10 ปีหุ้นไทยยังโตต่ำ 2.6% ต่อปี

นักวิเคราะห์ ประเมิน Digital Wallet หนุนหุ้นไทยต่อเนื่อง

นักวิเคราะห์ประเมิน Digital Wallet หนุนหุ้นไทยต่อเนื่อง กลุ่มค้าปลีก- สินค้าอุปโภคบริโภค จับตาเปิดจองซื้อกองทุนวายุภักษ์ 1 สัปดาห์หน้า ขณะที่เงินบาทยังผันผวน แข็งค่าสุดในรอบ 19 เดือน

นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นชี้แนวโน้มหุ้นไทยไตรมาส 2-4 หลายปัจจัยหนุนดี

เลขาธิการและกรรมการผู้อำนวยการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนระบุแนวโน้มการลงทุน ไตรมาส 2-4 ปี 2567 โดยมีหลากหลายปัจจัยกลายเป็นบวกคาด SET Index สิ้นปี 1,535 จุด พร้อมแนะตัวหุ้นที่เสริมท่องเที่ยวยังมีโอกาสโตได้อีกและหุ้นโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานของเก่าที่ยังค้าง เช่น EEC, Airport Link และท่าเรือน้ำลึกรัฐบาลควรเดินหน้าทำต่อ

นักวิเคราะห์คาด Digital Wallet หนุนจีดีพีปี 67 โต 4.1%

นักวิเคราะห์ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์คาด Digital Wallet หนุนจีดีพีปี 67 โต 4.1% จับตา เงื่อนไขและระยะเวลา พร้อมคาดแบงก์ชาติคงดอกเบี้ยตลอดปี 67

นักวิเคราะห์ชี้ความไม่แน่นอนการเมืองฉุดการลงทุน

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์เห็นตรงกันว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองฉุดการลงทุน ชี้พรรคเพื่อไทยมีโอกาสเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลมากกว่าพรรคก้าวไกล

นักวิเคราะห์ เชื่อเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล หุ้นไทยดีด 1,720 จุด

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เชื่อหากฉากทัศน์การเมืองเปลี่ยน “พิธา” ไม่ได้รับเสียงโหวตรอบ 2 เพื่อไทยเป็นแกนนำ จะดีต่อตลาดทุนมากที่สุด เพราะนโยบายเอื้อต่อตลาดหุ้น อาจหนุน SET พุ่งถึง 1,720 จุด

นักลงทุนอยากเห็นการเมืองสงบ เลือกนายกฯ ผ่านฉลุย

กรุงเทพฯ 7 ก.ค. – นายกสมาคมนักวิเคราะห์ฯ แนะเร่งสรุปเลือกนายกฯ และตั้งรัฐบาล ไม่ยืดเยื้อ ปัญหาปากท้อง สร้างรายได้ มีงานทำ จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจ ไม่อยากเห็นความวุ่นวาย นายไพบูลย์ นรินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวระหว่างร่วมงานสัมมนา “วิกฤติมา ทุกทิศ โอกาส มาทุกทาง” ว่า การลงทุนตลาดหุ้น ในระยะสั้นไม่ห่วง เพราะตลาดหุ้นไทยมีศักยภาพ สภาพคล่องสูง แต่นักลงทุน คาดหวังอยากให้การจัดตั้งรัฐบาล เป็นไปอย่างราบรื่น รวดเร็ด ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ เพื่อประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น จากนั้นในอนาคต เมื่อนักลงทุนเชื่อมั่น จะมีเงินทุนไหลเข้าในระยะยาวได้เอง เพื่อให้ประเทศไทยกลับมา เติบโตได้ร้อยละ 4-5 เหมือนเดิม “นักวิเคราะห์ นักลงทุน เป็นห่วงอย่างเดียว คือ ปัญหาการเมืองต้องชัดเจน มีเอกภาพ และยิ่งได้รัฐบาลหน้าตาดี จัดทำนโยบายดี การเมืองต้องเน้นให้ความสำคัญด้านเศรษฐกิจ เป็นหลัก เพราะหากเศรษฐกิจดี จะมีงานทำ แรงงานมีรายได้ มีกิน […]

นักวิเคราะห์คาดเศรษฐกิจฟื้น หนุนดัชนีหุ้นสิ้นปีแตะ 1,630 จุด

นักวิเคราะห์ คาดเศรษฐกิจฟื้นตัว หนุนดัชนีหุ้นฟื้นสิ้นปีแตะ 1,630 จุด ลดคาดการณ์ GDP ปี66 เหลือ 3.38% จับตาจัดตั้งรัฐบาล-การเมืองในประเทศ-ดอกเบี้ยเฟด-เศรษฐกิจโลก

หุ้นไทยปิดบวกวันแรกหลังเลือกตั้ง

หุ้นไทยปิดบวกเป็นวันแรกหลังเลือกตั้ง นายกสมาคมนักวิเคราะห์ เชื่อไม่พรรคก้าวไกลก็พรรคเพื่อไทย น่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จก่อนการเปิดสภาฯ ในเดือนกรกฎาคม

นักวิเคราะห์ชี้ปัจจัยในประเทศหนุนดัชนีสิ้นปีทะลุ 1,707

นักวิเคราะห์ชี้ปัจจัยในประเทศหนุนดัชนี สิ้นปีทะลุ 1,707

กรุงเทพฯ 3 เม.ย.-นักวิเคราะห์มั่นใจ ปัจจัยภายในประเทศ การเมือง เลือกตั้ง ดันเศรษฐกิจฟื้น 3.5% หนุน set index สิ้นปีทะลุ 1,707

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยผลสำรวจความเห็นสมาชิกนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน รวม 26 สำนัก เกี่ยวกับมุมมองของการลงทุนในไตรมาส 2-4 ของปี 2566
สรุปได้ดังนี้

โดยสมมติฐานหลัก มีการปรับลดราคาน้ำมันดิบของปีนี้จาก 87.22 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาเป็น 83.04 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลและลดการคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ไทยปี 2566 จากเดิมที่ 3.60 % ลงมาเหลือ 3.50%

อย่างไรก็ตามทิศทางการลงทุนในปี 2566 ยังได้ผลบวกชัดเจนจาก 3 ปัจจัยหลักคือ เศรษฐกิจภายในประเทศ มีผู้โหวตถึง 92% ,ปัจจัยด้านการเมืองภายในประเทศ มีผู้โหวต 85% รวมถึงผลประกอบการของบจ.ปี 2566 มีผู้โหวต 73%

ส่วนปัจจัยด้านลบมาจากผลกระทบจากธนาคารในสหรัฐอเมริกาล้ม ผู้ตอบทั้งหมดเทคะแนนให้ชัดเจนถึง 96% รองลงมาคือเศรษฐกิจต่างประเทศและการลดหรือยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ของประเทศสำคัญทั่วโลก มีผู้ตอบเท่ากันที่ 85%

ส่วนปัจจัยที่ควรจับตามองที่มีผลต่อการขับเคลื่อนตลาดในไตรมาส 2 ผู้ตอบส่วนใหญ่มองว่าการเลือกตั้งภายในประเทศและการจัดการของเสร็จตอบปัญหาสถาบันการเงินและนโยบายดอกเบี้ย

ด้านการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกนงในช่วงเมษายนถึง สิ้นปี 2566 มีนักวิเคราะห์ถึง 61.50% ที่คาดว่าจะคงที่ส่วนที่เหลือมองว่าจะมีการปรับขึ้นอีก 0.25%

ส่วนด้านการคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 2566 ของตลาดเฉลี่ยที่ 95.77 บาท ปรับลดลงจากผลสำรวจครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 105.34 บาทต่อหุ้นและคาดการณ์ EPS Groth ของปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 13.02

ด้านการคาดการณ์ Set Index ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 มีผู้โหวต 50% มองว่าเป็นทิศทางบวก
ส่วนคาดว่าจะเป็น side way มีผู้โหวต 30.77% และมองว่าจะเป็นทิศทางลบเพียง 19.23%
ส่วนคาดการณ์ set index ตั้งแต่ไตรมาส 2 จนถึงสิ้นปีจะแกว่งตัวในกรอบ 1,508 ถึง 1,721 จุดและคาดว่าสิ้นปีจะปิดที่ 1707 จุด

ทั้งนี้นักวิเคราะห์ยังได้แนะนำให้กระจายพอร์ตการลงทุนแบ่งเป็น เงินสดและเงินฝากระยะสั้น 18.6 3% ,กองทุนตราสารหนี้ 14.06%,หุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย 27.39%,หุ้นหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ 22.92%,กองทุนอสังหาฯหรือ REIT 7.31%,ทองคำหรือกองทุนทองคำ 8.63% และอื่นๆเช่นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานน้ำมัน 1.06%

สำหรับการลงทุนหุ้นไทยนั้นแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจค้าปลีกท่องเที่ยวเทคโนโลยีสารสนเทศการสื่อสาร พร้อมให้ลดน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจไฟแนนซ์,ปิโตรเคมี,พลังงานและสาธารณูปโภค

ส่วนรายชื่อหุ้นที่มีนักวิเคราะห์แนะนำโดยมีจำนวนสำนักวิเคราะห์แนะนำตรงกันตั้งแต่ 5 สำนักขึ้นไปมีดังนี้

1.ADVANCE คาดผลประกอบการปีนี้กลับมาเติบโต หลังจากภาพรวมการแข่งขันลดลง รวมถึงการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว
2.AMATA มองว่าผลประกอบการจะเติบโตได้ดีในปีนี้ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาและอุปสงค์แข็งแกร่งจากการย้ายฐานการผลิตจากจีน
3.AOT มองว่าได้ประโยชน์จากจากนักท่องเที่ยวเข้ามาต่อเนื่องโดยเฉพาะจีนเปิดประเทศและยังมีแผนการขยายสนามบินในอนาคต
4.BBL รับผลประโยชน์สูงสุดจากดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับขึ้น สินเชื่อโตต่อเนื่องตามภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
5.CPALL ปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภายในประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวการขยายสาขาหนุนกำไรปีนี้โตต่อเนื่อง

ท้ายที่สุดนักวิเคราะห์ยังได้เพิ่มการแนะนำไปยังพรรคการเมืองเกี่ยวกับนโยบายที่จะมีผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจคุ้มค่ากับผลกระทบทางงบประมาณโดยส่วนใหญ่ระบุถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาวแยกเป็นการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนภาครัฐที่หนุน ศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจรวมทั้งลดการใช้จ่ายภาครัฐและการกู้เพิ่มและ พร้อมแนะนำให้มีนโยบายช่วยเหลือภาคประชาชนได้แก่ ชะลอการเก็บภาษีหุ้น,สนับสนุนการออมเงินและนำกองทุน LTF กลับมา อีกทั้งยังต้องกระตุ้นการจ้างงานในประเทศตามมาด้วยนโยบายกระตุ้นการลงทุน สนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย หามุมมองใหม่ช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและขยายตลาดสินค้าไทย.-สำนักข่าวไทย

1 2 3
...