กรุงเทพฯ 27 เม.ย. – ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชวนนักลงทุนมองหาโอกาสลงทุนหุ้นนอก ผ่าน DR นักวิเคราะห์เตือนสงครามการค้าอาจยืดเยื้อ แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นนอก “ดร.นิเวศน์” แนะเลือกประเทศ เวลา หุ้น/DR ให้เหมาะสม

ดร.รินใจ ชาครพิพัฒน์ รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประะเทศไทย กล่าวในงานสัมมนา “เจาะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นนอก” ว่าปัจจุบัน DR จดทะเบียนใน SET 89 ตลาดหลักทรัพย์ฯ จากนั้นในเดือน พ.ค.นี้ เตรียมเพิ่มอีก 30 หลักทรัพย์ เพื่อเป็นหลักทรัพย์ใหม่ นำมาให้นักลงทุนเพิ่มทางเลือก นับว่ามูลค่าตลาดของ DR เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนความนิยมและความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงการเติบโตของตลาด DR สูงถึง 35,000 ล้านบาท ในช่วง 3 เดือนแรกปี 68 หรือเพิ่มร้อยละ 19 จากปี 67
ในช่วงเดือน พ.ค.นี้ ยังเตรียมแปลงสภาพจาก DRx เป็น DR ในวันที่ 6 พ.ค.นี้ โดย DR จะซื้อขายใน Main board ส่วน DRx ซื้อขายเป็นหน่วยย่อยไม่เต็มจำนวน ดังนั้น สิ่งที่นักลงทุนควรรู้คือ 1.ในวันที่ 3 พ.ค. หากไม่ประสงค์จะถือ DRx สามารถขาย DRx หุ้น us วันสุดท้ายก่อนปิดตลาด จากนั้นคำสั่งซื้อขาย DRx ที่คงค้าง จะถูกยกเลิกหลังปิดตลาด 2.DR หุ้น EU ที่คงค้าง จะถูกยกเลิก หลังปิดในตลาดวันที่ 2 พ.ค. 68 3.เริ่มซื้อขาย DR หุ้น US และ EU เทรดได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ตั้งแต่เช้า 6 พ.ค. ผู้ถือ DRx จะถูกเปลี่ยนเป็น DR โดยอัตโนมัติ นักลงทุนต้องติดต่อสอบถามกับ บล.ผู้ดูแลบัญชีการซื้อขาย
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ต้นแบบนักลงทุนแบบเน้นคุณภาพ กล่าวว่า สงครามทางการค้ารอบนี้เหนื่อยมาก และเป็นห่วงว่าจะยืดเยื้อ ส่งผลกระทบรุนแรง จึงแนะนำนักลงทุนบางส่วนอาจต้องถือเงินสดสำรองไว้ เพราะสถานการณ์แบบนี้เสี่ยงมาก และประเมินความเสี่ยงทุกด้านให้รอบครอบ และอยากให้ ตลท. ตรวจสอบความมั่นคง ความน่าเชื่อถือ บล.ผู้ขาย DR เพื่อสร้างความชัดเจน เพราะการส่งเสริมให้ลงทุน DR เพื่อลงทุนในหุ้นนอก ต้องชัดเจน
“พอร์ตการลงทุนของผมเดี่ยวนี้เปลี่ยนไปแล้ว นอกจากลงทุนหุ้นในประเทศแล้ว ต้องแบ่งพอร์ตไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศ โดยยึด 3 ปัจจัยหลักคือ 1.เลือกประเทศ ตลาดหุ้นใหญ่ มีมาตรการฐานให้ผลตอบแทนสูง 2.เลือกเวลาการลงทุนที่เหมาะสม 3.เลือกหุ้นในประเทศเป้าหมายเป็นหุ้นใหญ่ มีมาตรฐาน ผลตอบแทนสูง เช่น แบ่งพอร์ตลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามสัดส่วน 1/3 ลงทุนหุ้นไทย 1/3 ส่วนที่เหลือตลาดหุ้นทั่วโลกอื่น ยอมรับว่ายุคนี้การลงทุนในประเทศอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องเปลี่ยนไปลงทุนต่างประเทศด้วย” ดร.นิเวศน์ กล่าว
การเลือกประเทศเข้าลงทุน DR ต้องดูหลายมิติ เช่น ตัวเลขประชากร สำหรับประเทศมหาอำนาจเศรษฐกิจใหญ่ หากประชากรเริ่มลดลงจะเริ่มอิ่มตัว เช่น จีน ประชาชนกรเริ่มลดลง จึงสะท้อนไปยัง GDP จากเดิมร้อยละ 7-8 เหลือร้อยละ 4-5 ช่วงหลังใช้การเติบโตจากศักยภาพเดิม ในด้านเทคโนโลยี จึงต้องระวังให้มากขึ้น ในส่วนของสหรัฐ ต้องระจังหวะให้ปรับลดลงถึง -40% ถึงค่อยเข้าลงทุนได้ เพราะมีโอกาสกลับมาเติบโต เพราะยังมีหุ้นคุณภาพหลายตัว ช่วงนี้จึงต้องรอเวลาให้เหมาะสม ที่สำคัญให้ลอกเลียนแบบการลงทุนจากนักลงทุนรายใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญที่เก่งๆ ได้ เพราะการลอกการบ้านเพื่อลงทุนไม่ผิดอะไร และต้องกระจายความเสี่ยงไปในหลายด้าน
ดร.มานะ นิมิตรวานิช จากธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า นโยบายของทรัมป์ เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา นับว่าสงครามทางการค้าไม่มีประเทศใดได้ประโยชน์ มีแต่จะทำให้การค้าโลกลดลง จึงมองว่ามีโอกาสเฟดจะลดดอกเบี้ยได้อีก เพื่อดูแลปัญหาเศรษฐกิจถดถอย มองว่า DR มีหลายประเทศน่าสนใจ สำหรับกลุ่ม EU เมื่อธนาคารกลางยุโรป หลังจากลดดอกเบี้ย 7 ครั้งไปแล้ว ยังมีโอกาสลดดอกเบี้ยได้อีก DR ในยุโรป จึงยังน่าสนใจ ในส่วนของญี่ปุ่น ยังเป็นพันธมิตที่ดีกับสหรัฐ สงครามการค้าจึงไม่รุนแรง หลังจากดอกเบี้ยไม่ติดลบ เศรษฐกิจจึงดูดีขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นับว่าตลาดญี่ปุ่น ยุโรป ยังเป็นหลุมหลบภัยที่ดีในช่วงหนี้
ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ จาก บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า กองทุน IMF มองว่าเศรษฐกิจโลกเริ่มไม่แน่นอน เศรษฐกิจสหรัฐไตรมาส 2 ยังเป็นของเดิมที่ซื้อขาย การลงทุนในช่วงที่ผ่านมา จากนั้นไตรมาส 3 หากยังเก็บภาษีกับหลายประเทศ อาจทำให้เศรษฐกิจเพิ่มถดถอย และอาจติดลบติดต่อกัน 2 ไตรมาส มองว่า “ทรัมป์” ประกาศเก็บภาษีนำเข้าออกไป เพื่อต้องการให้ทุกประเทศเข้ามาเจรจาต่อรองมากกว่า และต้องการจัดการกับจีนมากที่สุด มองว่ามีความเป็นไปได้ร้อยละ 50 สหรัฐเน้นการเจรจาต่อกับหลายประเทศ เพื่อลดภาษีให้อีกหรือชะลอเก็บภาษีออกไป ดังนั้น อย่าเพิ่งขายทิ้งหุ้นใหญ่ ตลาด DR น่าสนใจคือ เวียดนาม และยุโรป
ในเวทีสัมมนายังแนะนำให้ระวังปัญหา Stag Flation คือภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน รวมกับภาระเงินเฟ้อ นับเป็นภาวะเศรษฐกิจชะงักหรือชะลอตัว อัตราการว่างงานอยู่ในระดับสูง แต่เงินเฟ้อกลับอยู่ในระดับสูงด้วย เพราะหากลงดอกเบี้ยยังอาจมีปัญหาทำให้เกิดเงินเฟ้อ ทำให้บริการจัดการปัญหายากลำบากในช่วงสงครามทางการค้า หลายประเทศอาจร่วมกลุ่มต่อต้านสหรัฐ ทำให้ปัญหาบานปลาย กระทบเศรษฐกิจโลก.-515-สำนักข่าวไทย