แม่สอด 22 ธ.ค.- สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงหรือเคเอ็นยู (KNU) ซึ่งเป็นกลุ่มกบฏเก่าแก่ที่สุดในเมียนมาขอให้ประชาคมโลกช่วยตั้งเขตห้ามบินใกล้ชายแดนไทย เพื่อปกป้องชาวเมียนมาที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบระหว่างเคเอ็นยูกับกองทัพเมียนมา เคเอ็นยูออกแถลงการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อนว่า จากประสบการณ์การสู้รบที่ผ่านมาทำให้เชื่อว่า มีความเป็นไปได้สูงมากว่ากองทัพเมียนมาจะใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศกับเป้าหมายทางพลเรือน เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล บ้านเรือน ขอให้ประชาคมโลกช่วยกำหนดเขตห้ามบิน ด้วยการขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอสซี (UNSC) จัดการประชุมฉุกเฉิน หลังจากยูเอ็นเอสซีได้ออกแถลงการณ์ที่ได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกทั้ง 15 ชาติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน แสดงความวิตกต่อสถานการณ์ความรุนแรงบริเวณชายแดนเมียนมา และขอให้กองทัพเมียนมาใช้ความอดกลั้นอย่างถึงที่สุด เคเอ็นยูและกองทัพเมียนมาสู้รบกันหนักหน่วงมากขึ้น เป็นเหตุให้ชาวเมียนมาจำนวนมากหนีมาลี้ภัยในฝั่งไทย โดยเข้ามาแล้วราว 3,400 คนตามข้อมูลของทางการไทย และยังตกค้างอยู่ในฝั่งเมียนมาอีกหลายพันคน เคเอ็นยูลงนามหยุดยิงกับรัฐบาลเมียนมาในปี 2555 ยุติการก่อเหตุไม่สงบเพื่อขออำนาจปกครองตนเอง ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เมียนมาได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 2491 แต่หลังจากกองทัพเมียนมารัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เคเอ็นยูและกองทัพกลับมาปะทะกันอีกครั้ง การสู้รบล่าสุดเกิดขึ้นเพราะกองทัพพยายามเข้าไปจับกุมคนในพื้นที่ปกครองของเคเอ็นยู.-สำนักข่าวไทย