คาดไซโคลน “โมคา” จะขึ้นฝั่งบังกลาเทศ-เมียนมา 13:30 น.วันนี้

ค็อกซ์บาซาร์ 14 พ.ค.- เจ้าหน้าที่พยากรณ์ว่า ไซโคลนโมคา (Mocha) จะขึ้นฝั่งพื้นที่ที่อยู่ระหว่างเมืองค็อกซ์บาซาร์ของบังกลาเทศกับเมืองซิตตเว รัฐยะไข่ของเมียนมาราวเวลา 13:30 น.วันนี้ตามเวลาไทย เว็บไซต์ซูมเอิร์ธ (Zoom Earth) รายงานว่า ไซโคลนโมคามีความเร็วลมสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จัดเป็นซูเปอร์ไซโคลน ทางการบังกลาเทศอพยพคน 190,000 คนในเมืองค็อกซ์บาซาร์และอีก 100,000 คนในเมืองจิตตะกองไปยังพื้นที่ปลอดภัย เมืองค็อกซ์บาซาร์เป็นที่ตั้งของค่ายผู้ลี้ภัยจำนวนมากที่มีชาวโรฮีนจาลี้ภัยอยู่ร่วมล้านคน ค่ายเหล่านี้ตั้งอยู่ตามเชิงเขาที่เสี่ยงเกิดดินถล่ม และสร้างขึ้นอย่างลวก ๆ ด้วยผ้าใบกันน้ำและไม้ไผ่ เพราะทางการเกรงว่าหากสร้างถาวรผู้ลี้ภัยจะไม่เดินทางกลับเมียนมา หลังจากหนีมาตั้งแต่ 5 ปีก่อน ด้านชาวโรฮีนจาที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้พลัดถิ่นในเมืองซิตตเว รัฐยะไข่ ทางตะวันตกสุดของเมียนมาก็เสี่ยงภัยจากไซโคลนโมคาเช่นกัน แกนนำในค่ายเผยว่า ทางการไม่ได้อพยพพวกเขาไปยังสถานที่ปลอดภัย โดยจัดหาให้เพียงอาหารและสิ่งจำเป็นเท่านั้น พวกเขากังวลว่าจะตกอยู่ในอันตรายหากระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ชาวเมืองซิตตเวพากันอพยพขึ้นสู่ที่สูงตั้งแต่วันเสาร์ เพราะมีคำพยากรณ์เตือนว่า อาจเกิดคลื่นพายุซัดฝั่งหรือสตอร์มเซิร์จสูงถึง 3.5 เมตร ด้านนครย่างกุ้งที่อยู่ห่างออกไป 500 กิโลเมตรมีฝนตกและลมแรงแล้วในวันนี้ ไซโคลนเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรอินเดียด้านทะเลอันดามันและอ่าวเบงกอล เทียบเท่ากับไต้ฝุ่นที่เกิดขึ้นทางตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก และเฮอริเคนที่เกิดขึ้นทางเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก.-สำนักข่าวไทย

ยูเอ็นเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติจากไซโคลน “โมคา”

นิวยอร์ก 13 พ.ค.- หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) กำลังเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นจากการที่ไซโคลนโมคา (Mocha) จะพัดถล่มบังกลาเทศและเมียนมาราวเที่ยงวันอาทิตย์นี้ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานหรือไอโอเอ็ม (IOM) แจ้งว่า ไซโคลนโมคากำลังมุ่งหน้าตรงไปยังค่ายผู้ลี้ภัยในบังกลาเทศ เจ้าหน้าที่ไอโอเอ็มเผยจากเมืองค็อกบาซาร์ที่มีผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาเกือบล้านคนอาศัยตามค่ายต่าง ๆ เผยว่า บังกลาเทศมีแผนความเตรียมพร้อมขนานใหญ่ไว้แล้ว โดยมีไอโอเอ็มเข้าร่วมด้วย ค่ายผู้ลี้ภัยแต่ละค่ายจะมีอาสาสมัครที่ผ่านการฝึกอบรมแล้วคอยดูแล 100 คน และมีการใช้ระบบเตือนภัยด้วยธงในค่ายผู้ลี้ภัย 17 แห่งที่ไอโอเอ็มดูแลอยู่ อาสาสมัครทุกคนมีชุดอุปกรณ์ป้องกันตัวส่วนบุคคล และมีการจัดเตรียมชุดสุขอนามัยและอุปกรณ์ที่พักฉุกเฉินไว้พร้อม ด้านองค์การอนามัยโลกแจ้งว่า ได้เตรียมพร้อมรถฉุกเฉิน 40 คัน และทีมแพทย์เคลื่อนที่ 33 ทีมไว้ที่ค็อกซ์บาซาร์แล้ว เช่นเดียวกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งยูเอ็นหรือยูเอ็นเอชซีอาร์ (UNHCR) ที่ได้จัดเตรียมอาหารแห้ง 230 ตัน และบิสกิตเสริมสารอาหาร 24.5 ตัน รวมทั้งเตรียมพร้อมจัดส่งอาหารร้อนวันละ 50,000 ชุดในกรณีที่จำเป็น ด้านสำนักงานมนุษยธรรมยูเอ็นแจ้งว่า ชุมชนในเมียนมาได้รับแจ้งให้เตรียมตัวรับมือไซโคลนโมคา และมีการประกาศใช้แผนเตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินด้านมนุษยธรรมทั่วทั้งเมียนมาแล้วตั้งแต่ต้นสัปดาห์ องค์กรมนุษยธรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐยะไข่ได้ตระเตรียมบุคลากรและสิ่งจำเป็นเท่าที่สามารถหาได้ ปัจจุบันมีคนในรัฐยะไข่และภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเมียนมาต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมากถึง 6 ล้านคน และมีคนพลัดถิ่นประมาณ 1 ล้าน […]

บังกลาเทศอพยพหนี “โมคา” ไซโคลนรุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี

บังกลาเทศเตรียมอพยพผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย เนื่องจากไซโคลนโมคา (Mocha) ที่มีความรุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 2 ทศวรรษกำลังมุ่งหน้ามายังบังกลาเทศและเมียนมา

ยูเอ็นชี้ญี่ปุ่นควรคว่ำบาตรเมียนมา

โตเกียว 28 เม.ย.- ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) ชี้ว่า ญี่ปุ่นควรคว่ำบาตรเมียนมาเช่นเดียวกับที่คว่ำบาตรรัสเซียเรื่องรุกรานยูเครน และได้ประณามเมียนมาว่าป่าเถื่อนและกดขี่ประชาชน นายโทมัส แอนดรูว์ส ผู้รายงานพิเศษยูเอ็นเรื่องสิทธิมนุษยชนในเมียนมากล่าวกับผู้สื่อข่าว หลังจากเสร็จสิ้นการตระเวนพบกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐและเอกชนของญี่ปุ่นว่า สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเมียนมาน่ากลัวและเลวร้ายลง ขอเรียกร้องให้ญี่ปุ่นพิจารณาเรื่องร่วมกับประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศหรือจี 7 (G7) ใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอย่างเจาะจงกับกองทัพเมียนมาและแหล่งรายได้หลักของเมียนมา ดังที่ญี่ปุ่นกำลังใช้กับรัสเซียในวิกฤตยูเครน เพราะการคว่ำบาตรจะทำให้รัฐบาลทหารเมียนมาถูกลดทอดศักยภาพในการทำร้ายประชาชน ญี่ปุ่นได้ระงับโครงการความช่วยเหลือโครงการใหม่ ๆ หลังจากกองทัพเมียนมารัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลนางออง ซาน ซู จี ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 แต่ไม่มีผลต่อโครงการที่ยังดำเนินอยู่ กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นแถลงเมื่อเดือนกันยายน 2565 ว่า ได้ยุติการรับสมัครคนเข้าโครงการฝึกฝนทหารเมียนมาแล้ว แต่นายแอนดรูว์สได้ขอให้ญี่ปุ่นยุติโครงการโดยทันที ไม่เช่นนั้นกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นจะถูกโยงกับระบอบทหารที่โหดร้าย เพราะทหารเมียนมาที่รับการฝึกสู้รบและเรียนรู้การเป็นทหารและผู้บังคับบัญชาที่มีประสิทธิภาพจะกลับไปรับใช้กองทัพที่ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติและอาชญากรรมสงคราม ผู้รายงานพิเศษยูเอ็นฯ ขอให้ญี่ปุ่นนำงบประมาณสำหรับโครงการช่วยเหลือโครงการใหม่ ๆ ที่ถูกระงับไปแล้ว ไปใช้สนับสนุนโครงการปันส่วนอาหารให้แก่ผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาที่อาศัยอยู่ในบังกลาเทศราว 1 ล้านคน ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ส่วนใหญ่อพยพมาหลังจากกองทัพเมียนมายกกำลังไปปราบปรามในปี 2560 โครงการปันส่วนอาหารถูกตัดลดงบประมาณไปแล้วร้อยละ 17 ในเดือนมีนาคม และกำลังจะถูกลดลงอีกร้อยละ 20 ซึ่งจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเด็ก ๆ […]

เมียนมาจำคุกโรฮีนจากว่าร้อยคน

ย่างกุ้ง 10 ม.ค.- สื่อทางการเมียนมารายงานว่า ทางการได้ตัดสินจำคุกชาวโรฮีนจา 112 คน เป็นเวลา 2-5 ปี โดยมีเด็กรวมอยู่ด้วย โทษฐานพยายามเดินทางไปมาเลเซียโดยไม่มีเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมาย หนังสือพิมพ์โกลบอลนิวไลท์ออฟเมียนมารายงานอ้างตำรวจท้องถิ่นว่า คนกลุ่มนี้ถูกจับกุมเมื่อเดือนธันวาคมที่เขตอิรวดี ทางตอนใต้ของประเทศ และถูกตัดสินจำคุกเมื่อวันที่ 6 มกราคม ส่วนเด็กสิบกว่าคนถูกย้ายไปยังโรงเรียนอบรมเยาวชนใกล้นครย่างกุ้งเมื่อวันที่ 8 มกราคม รายงานเรียกชาวโรฮีนจากลุ่มนี้ว่า เบงกาลี เป็นคำเหยียดที่ใช้เรียกชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมที่ทางการเมียนมาไม่ให้สัญชาติและมักจำกัดการเดินทาง กองทัพเมียนมาใช้กำลังกวาดล้างในปี 2560 ทำให้ชาวโรฮีนจาหลายแสนคนหนีข้ามพรมแดนเข้าไปยังบังกลาเทศ และมีการฟ้องร้องเมียนมาต่อศาลโลกในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แต่ละปีมีชาวโรฮีนจาจำนวนมากเสี่ยงชีวิตล่องเรือออกจากเมียนมาและค่ายผู้ลี้ภัยในบังกลาเทศหวังเดินทางไปยังมาเลเซียและอินโดนีเซียที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมามีเรือไม้ลำหนึ่งที่มีชาวโรฮีนจาเกือบ 200 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กและสตรีไปขึ้นฝั่งตะวันตกของอินโดนีเซีย นับเป็นลำที่ 5 แล้วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีก่อน.-605

บังกลาเทศเผยพยายามหยุดยั้งชาวโรฮีนจาแล้ว

ธากา 27 ธ.ค.- เจ้าหน้าที่รัฐบาลบังกลาเทศเผยว่า บังกลาเทศพยายามหยุดยั้งชาวโรฮีนจาไม่ให้เสี่ยงชีวิตล่องเรือไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากมีความกังวลว่าปีนี้อาจมีชาวโรฮีนจาเสียชีวิตกลางทะเลมากที่สุดปีหนึ่ง นายโมฮัมหมัด มิซานูร์ ราห์มาน กรรมาธิการบรรเทาทุกข์และส่งกลับผู้ลี้ภัยของบังกลาเทศเผยว่า บังกลาเทศพยายามทำทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งชาวโรฮีนจาไม่ให้เดินทางเสี่ยงอันตราย และจะตระเวนคุยกับแกนนำกลุ่มในค่ายผู้ลี้ภัยเพื่อให้เข้าใจถึงอันตรายของการเสี่ยงล่องเรือ ขณะที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย กองทัพเรือและหน่วยยามฝั่งได้เฝ้าระวังและจับกุมผู้ที่พัวพันกับการค้ามนุษย์ อย่างไรก็ดี เขาคิดว่าชาวโรฮีนจาที่ออกไปเสี่ยงชีวิตกลางทะเลไม่ได้เดินทางออกจากบังกลาเทศทุกคน เพราะสถานการณ์ในเมียนมาเลวร้ายกว่าในค่ายผู้ลี้ภัยมากนัก ชาวโรฮีนจาคนหนึ่งที่เคยเป็นแกนนำกลุ่มในค่ายผู้ลี้ภัยและเดินทางไปถึงมาเลเซียแล้ว แต่ได้กลับมาบังกลาเทศเพื่อมาอยู่กับน้องสาว 2 คน เผยว่า ชีวิตในค่ายผู้ลี้ภัยไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้คนล้วนแต่สิ้นหวัง ขณะที่แกนนำชาวโรฮีนจาในบังกลาเทศ เผยว่า ชาวโรฮีนจาจำนวนมากพร้อมเสี่ยงชีวิตบนเรือของแก๊งค้ามนุษย์ เพราะท้อแท้กับชีวิตในค่ายผู้ลี้ภัย และไม่มีหวังจะได้กลับบ้าน ชาวโรฮีนจาถูกทอดทิ้งจากประชาคมโลกที่ไม่สามารถกดดันบรรดานายพลในเมียนมา ปัจจุบันมีชาวโรฮีนจาเกือบ 1 ล้านคนอาศัยอยู่ในบังกลาเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย หลายคนหลบหนีออกจากเมียนมาในปี 2560 เมื่อกองทัพยกกำลังขึ้นไปปราบปราม สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอชซีอาร์ (UNHCR) ประเมินว่า ปีนี้มีชาวโรฮิงญาประมาณ 2,400 คนล่องเรือหรือพยายามล่องเรือไปยังประเทศอื่น เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย เพิ่มขึ้น 5 เท่าจากปี 2564 ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าเหตุใดตัวเลขดังกล่าวจึงเพิ่มขึ้นมาก บางคนเชื่อว่า อาจเป็นเพราะประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด.-สำนักข่าวไทย

เรือโรฮีนจาเกือบ 200 ชีวิตเกยหาดอินโดนีเซีย

จาการ์ตา 27 ธ.ค.- อินโดนีเซียแจ้งว่า ได้ให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉินแก่ชาวโรฮีนจา หลังจากเรือที่มีชาวโรฮีนจาเกือบ 200 คนมาเกยหาดเมื่อวันจันทร์ และเป็นการขึ้นฝั่งอินโดนีเซียครั้งที่ 4 ในช่วง 2 เดือน ตำรวจท้องถิ่นจังหวัดอาเจะห์ ทางตะวันตกสุดของอินโดนีเซียเผยว่า เรือไม้ลำหนึ่งมาเกยชายหาดเมื่อเวลา 17:30 น.วันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลาเดียวกันในไทย บนเรือมีชาวโรฮีนจา 185 คน เป็นผู้ชาย 83 คน ผู้หญิง 70 คน และเด็ก 32 คน เจ้าหน้าที่ได้นำไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว และให้บุคลากรทางการแพทย์ดูแลผู้ที่เจ็บป่วย ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ชาวโรฮีนจาหลายคนดูเหนื่อยล้ามาก ผอมโซ และต้องได้รับน้ำเกลือ บางคนมีอาการขาดน้ำ และมีเด็กอาเจียน ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดเรื่องการล่องเรือของพวกเขา วัยรุ่นชาวโรฮีนจาวัย 14 ปี เผยว่า ล่องเรือมาจากค่ายผู้ลี้ภัยในบังกลาเทศ และหวังว่าอินโดนีเซียจะให้โอกาสให้พวกเขาได้เล่าเรียน ผู้นำชุมชนประมงในที่เกิดเหตุเผยว่า ช่วงหลายปีมานี้ชาวประมงอาเจะห์ได้ช่วยนำเรือชาวโรฮีนจามาขึ้นฝั่งหลายลำ แต่เรือลำล่าสุดมาเกยหาดเองเพราะกระแสลม เนื่องจากชาวประมงเริ่มลังเลที่จะให้ความช่วยเหลือ เรือลำนี้มาเกยหาดจังหวัดอาเจะห์ หลังจากเรืออีกลำที่มีชาวโรฮีนจา 57 คนเพิ่งมาขึ้นฝั่งได้ 1 […]

โรฮีนจา 180 ชีวิตหายพร้อมเรือล่องออกจากบังกลาเทศ

ธากา 26 ธ.ค.- หน่วยงานของสหประชาชาติสันนิษฐานว่า เรือลำหนึ่งที่มีชาวโรฮีนจาอยู่บนเรือประมาณ 180 คนน่าจะอับปางลงแล้ว ตั้งแต่ล่องออกจากบังกลาเทศเมื่อสิ้นเดือนพฤศจิกายน โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอชซีอาร์ (UNHCR) แจ้งช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เกรงว่าเรือลำดังกล่าวซึ่งไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมออกทะเลได้สูญหายกลางทะเลไปแล้ว และคนบนเรือเสียชีวิตหมดทั้ง 180 คน  เพราะเรือน่าจะเริ่มแตกตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม ก่อนขาดการติดต่อไป โฆษกระบุด้วยว่า ปีนี้มีชาวโรฮีนจาเสียชีวิตหรือสูญหายกลางทะเลแล้วเกือบ 200 คน ถือเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดปีหนึ่ง หลังจากที่มีชาวโรฮีนจาเสียชีวิตหรือสูญหายกลางทะเลอันดามันและอ่าวเบงกอลเกือบ 900 คนในปี 2556 และมากกว่า 700 คนในปี 2557 นอกจากนี้ยังพบว่าจำนวนชาวโรฮีนจาที่พยายามเสี่ยงตายหนีออกจากค่ายอพยพได้กลับมาใกล้ระดับก่อนโควิดระบาด เฉพาะที่ล่องเรือออกจากบังกลาเทศในปีนี้เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ถึง 5 เท่า ยูเอ็นเอชซีอาร์ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า การที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นจุดหมายหลักของชาวโรฮีนจาผ่อนคลายมาตรการจำกัดโควิด มีส่วนทำให้ชาวโรฮีนจาพากันล่องเรือเสี่ยงตายมากขึ้นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

จับนายหน้าเครือข่ายค้ามนุษย์โรฮีนจา

ตำรวจ ปคม.จับนายหน้าค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนาทวี หลังหนีมากลบดานในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธ

ทัพเรือภาคที่ 3 ช่วยชาวโรฮีนจาถูกปล่อยทิ้งเกาะลอ-กลอย

โฆษก ทร. เผย ทัพเรือภาคที่ 3 ให้การช่วยเหลือทางมนุษยธรรมต่อผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวโรฮีนจาที่ถูกปล่อยทิ้งบนเกาะลอ-กลอย จ.สตูล

1 2 3 4
...