เดนมาร์ก

โคเปนเฮเกน 7 ธ.ค.- หน่วยงานด้านสาธารณสุขเดนมาร์กแจ้งว่า พบผู้มีผลตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอไมครอนเป็นบวกจำนวน 64 คน หลังจากเข้าร่วมงานเลี้ยงมื้อเที่ยงคริสต์มาสเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่มีคนเข้าร่วมราว 150 คน เจ้าหน้าที่เผยว่า งานจัดขึ้นที่ศูนย์ชุมชนในเขตวีบอร์ก ทางตอนกลางของประเทศ มีนักเรียนจากโรงเรียน 2 แห่งร่วมงาน  ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าผู้ติดเชื้อมีอาการรุนแรงเพียงใด หรือผู้ร่วมงานได้ฉีดวัคซีนแล้วมากน้อยเพียงไร อย่างไรก็ดี คาดว่ามีผู้ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ หรือใกล้ชิดกับผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อไม่ต่ำกว่า 1,000 คน ข้อมูลจากเว็บไซต์ Our World in Data ระบุว่า เดนมาร์กมีคนฉีดวัคซีนครบโดสแล้วร้อยละ 77 นับจนถึงวันที่ 1 ธันวาคม โดยเป็นกลุ่มคนอายุ 12 ปีขึ้นไป และพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนแล้ว 261 คน นับจนถึงวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น การพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นบ่งชี้ว่า ไวรัสสายพันธุ์นี้กำลังแพร่ในประเทศ มากกว่าการแพร่เฉพาะผู้เดินทางมาจากต่างประเทศเท่านั้น เดนมาร์กมียอดติดเชื้อโรคโควิดสะสมมากกว่า 516,200 คน และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,900 คน.-สำนักข่าวไทย

วอชิงตัน 23 พ.ย. – ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี ประกาศเพิ่มเยอรมนีและเดนมาร์กไว้ในรายชื่อจุดหมายการเดินทางระดับสี่ ซึ่งเป็นระดับเสี่ยงติดเชื้อโควิดสูงมาก ทั้งยังเตือนให้ชาวอเมริกันเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศดังกล่าว ขณะที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐก็ประกาศเตือนไม่ให้พลเมืองเดินทางไปยังเยอรมนีและเดนมาร์กเช่นกัน ซีดีซีได้ประกาศรายชื่อ 75 ประเทศทั่วโลกที่เป็นจุดหมายการเดินทางในระดับเสี่ยงติดเชื้อโควิดสูงมากเมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ในจำนวนนี้ มีหลายประเทศในทวีปยุโรปที่ยังคงอยู่ในระดับดังกล่าว เช่น ออสเตรีย อังกฤษ เบลเยียม กรีซ นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ โรมาเนีย ไอร์แลนด์ และสาธารณรัฐเช็ก ส่วนประเทศไทยยังคงอยู่ในระดับสาม ซึ่งเป็นระดับเสี่ยงติดเชื้อโควิดสูง ในขณะเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานเมื่อวันจันทร์ตามเวลาในเยอรมนีว่า นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี ได้กล่าวกับแกนนำพรรครัฐบาลว่า มาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ที่เยอรมนีใช้อยู่ในตอนนี้ยังไม่เพียงพอ และจำเป็นต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ขณะนี้ เยอรมนีกำลังพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงวัยที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้และในกลุ่มเด็กเล็กที่ยังไม่มีสิทธิเข้ารับการฉีดวัคซีน ทั้งนี้ เยอรมนีมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 5.4 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 99,000 คน.-สำนักข่าวไทย

สตอล์กโฮม 7 ต.ค. – สวีเดนและเดนมาร์กประกาศระงับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของโมเดอร์นาในกลุ่มคนอายุน้อย หลังได้รับรายงานผู้มีอาการเกี่ยวกับโรคหัวใจและหลอดเลือดที่เป็นผลข้างเคียงชนิดหายากหลังฉีดวัคซีนดังกล่าว หน่วยงานด้านสุขภาพของสวีเดนระบุเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า จะระงับการฉีดวัคซีนของโมเดอร์นาในกลุ่มผู้ที่เกิดตั้งแต่ปี 2534 หรือมีอายุไม่เกิน 30 ปี เนื่องจากได้รับข้อมูลที่บ่งชี้ว่า กลุ่มคนอายุน้อยและเยาวชนมีภาวะหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเพิ่มสูงขึ้นหลังฉีดวัคซีนดังกล่าว ทั้งยังระบุว่า ภาวะดังกล่าวเชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีนของโมเดอร์นาอย่างชัดเจนหลังฉีดวัคซีนโดสที่สอง แต่ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนน้อยมาก ขณะที่หน่วยงานด้านสุขภาพของเดนมาร์กระบุในแถลงการณ์ว่า แม้เดนมาร์กจะใช้วัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทคเป็นวัคซีนหลักในกลุ่มเด็กอายุ 12-17 ปี แต่ก็ตัดสินใจระงับใช้วัคซีนของโมเดอร์นาในกลุ่มผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีตามหลักการป้องกันไว้ก่อน ทั้งยังระบุว่า ข้อมูลเบื้องต้นจากผลการศึกษาของนอร์เวย์ที่ยังไม่ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่พบว่า มีการตั้งข้อสงสัยจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะหัวใจอักเสบหลังฉีดวัคซีนของโมเดอร์นา โดยที่รายงานดังกล่าวจะได้รับการส่งไปให้องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป หรืออีเอ็มเอ ตรวจสอบ และคาดว่าจะได้ข้อสรุปที่แน่ชัดภายในเวลาหนึ่งเดือน ในขณะเดียวกัน โฆษกของโมเดอร์นาระบุในแถลงการณ์ผ่านอีเมลว่า บริษัททราบเรื่องหน่วยงานด้านสุขภาพของเดนมาร์กและสวีเดนตัดสินใจระงับใช้วัคซีนของโมเดอร์นาในกลุ่มผู้ที่มีอายุน้อย เพราะมีความเสี่ยงจากภาวะหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบที่เป็นผลข้างเคียงชนิดหายากหลังฉีดวัคซีนแล้ว ทั้งยังระบุว่า ผลข้างเคียงดังกล่าวเป็นอาการที่ไม่รุนแรง และผู้ที่ได้รับวัคซีนมักจะหายจากอาการเหล่านี้ได้ภายในเวลาอันสั้นหลังได้รับการรักษาหรือพักผ่อนตามที่กำหนด.-สำนักข่าวไทย