อังกฤษ 7 ก.ค. – เปิดสถิติเทียบพลังก่อนดวลตัดเชือกยูโร 2020 อังกฤษ พบ เดนมาร์ก คืนนี้ ลุ้นสิงโตคำรามเข้ารอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ฟุตบอลยูโร 2020 คืนนี้ เวลา 02.00 น. รอบรองชนะเลิศ คู่ที่ 2 อังกฤษ พบ เดนมาร์ก ที่สนามเวมบลีย์ ประเทศอังกฤษ เจ้าถิ่น “สิงโตคำราม” เข้าถึงรอบ 4 ทีมเป็นครั้งแรกในรอบ 55 ปี
ย้อนไปดูเส้นทางของอังกฤษที่ถูกยกให้เป็นเต็ง 2 ในการคว้าแชมป์ครั้งนี้ รอบแรกอังกฤษอยู่กลุ่มดี นัดแรกเฉือนชนะโครเอเชีย 1-0 นัดที่ 2 ทำได้เพียงเสมอสกอตแลนด์ 0-0 นัดสุดท้ายของรอบแรก เฉือนชนะสาธารณรัฐเช็ก 1-0 รอบ 16 ทีมสุดท้าย อังกฤษโชว์ฟอร์มได้สมราคาเต็ง เมื่อปราบคู่ปรับอย่างเยอรมนี 2-0 ปิดท้ายที่รอบก่อนรองชนะเลิศ ถล่มยูเครน ถึง 4-0
เกมนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซืออังกฤษ จะได้บูคาโย ซากา แนวรุกดาวรุ่งจากอาร์เซนอล ฟิตกลับมาเสริม หลังพลาดเกมล่าสุด ซึ่งมีลุ้นเบียด เจดอน ซานโช ลงเป็นตัวจริงเช่นกัน
ขณะที่ จอห์น สโตนส์, แฮร์รี แม็กไกวร์, เดแคลน ไรซ์, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และแฮร์รี เคน กัปตันทีม ต่างพร้อมช่วยทีมเหมือนเดิม
ส่วนทีมชาติเดนมาร์ก ผลงานลุ่มๆ ดอนๆ แต่ยังผ่านเข้ามาถึงรอบนี้เช่นกัน โดยรอบแรกเดนมาร์กอยู่ในกลุ่มบี นัดแรก ต้องพบกับเรื่องเศร้า เมื่อ คริสเตียน อีริกเซน ล้มฟุบกลางสนาม ในเกมที่แพ้ฟินแลนด์ 0-1 นัดที่ 2 แพ้เบลเยียม ทีมเต็ง 1-2 แต่มาโชว์เด็ดในนัดที่ 3 เมื่อเชนะรัสเซีย 4-1 ทยานผ่านเข้ารอบ 2 ในฐานะทีมอันดับ 2 ของกลุ่ม ก่อนจะเอาชนะเวลส์ 4-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่วนรอบรองชนะเลิศ เดนมาร์กเอาชนะสาธารณรัฐเช็ก 2-1
ส่วนความพร้อมของเดนมาร์ก กุนซือคาสเปอร์ ฮูลมันด์ น่าจะยึดทีมมชุดเดิมที่เอาชนะเช็ก แนวรุก คาสเปอร์ โดลเบิร์ก ที่ทำผลงานดี แม้นัดที่แล้วยิงไม่ได้ก็ตาม ส่วน ยุสซุฟ โพลเซน คงนั่งเป็นสำรองไปก่อน ด้าน ซิมง เคียร์ กัปตันทีม, ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก, โธมัส เดอลานีย์, มาร์ติน เบรธเวท และมิคเคล ดัมส์การ์ด พร้อมลงสนาม
สถิติการพบกันของคู่นี้ 5 นัดหลังสุด ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 14 ต.ค.20 อังกฤษ 0-1 เดนมาร์ก, ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 8 ก.ย. 20 เดนมาร์ก 0-0 อังกฤษ, ฟุตบอลกระชับมิตร 5 มี.ค. 14 อังกฤษ 1-0 เดนมาร์ก, ฟุตบอลกระชับมิตร 9 ก.พ. 11 เดนมาร์ก 1-2 อังกฤษ, ฟุตบอลกระชับมิตร 17 ส.ค. 05 เดนมาร์ก 4-1 อังกฤษ
ทัศนะของ 3 กูรูที่มองเกมในคู่นี้ “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ มองว่าคู่นี้จะเสมอกันในเวลา แต่อังกฤษชนะในช่วงต่อเวลาพิเศษ ส่วน “ป๋อง” กพล ทองพลับ กับ “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย มองไปในทิศทางเดียวกันว่าอังกฤษจะเป็นฝ่ายชนะ
ส่วนไฮไลน์คู่ระหว่างอิตาลี กับ สเปน ประตูเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลัง นาทีที่ 60 อิตาลีได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะโต้กลับเร็ว และกองหลังสเปนเคลียร์บอลไม่ขาดมาเข้าทาง เฟเดริโก เคียซา ปั่นเข้าประตูเข้าไปอย่างสวยงาม
หลังเสียประตู สเปนเปิดเกมบุกหนัก ก่อนตามตีเสมอ 1-1 นาทีที่ 80 จากจังหวะที่ อัลบาโร โมราตา ที่ลงสนามมาเป็นตัวสำรอง ทำชิ่งกับ ดานี โอลโม ก่อนที่โมราตาแปบอลเข้าไปตุงตาข่ายให้สเปน ครบ 90 นาที ยังเสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที แต่ทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ และเป็นอิตาลีที่ยิงได้แม่นกว่า เอาชนะไปได้ 4-2 ทำสถิติไม่แพ้ 33 นัด ไปรอชิงชนะเลิศกับผู้ชนะระหว่างอังกฤษ กับ เดนมาร์ก.-สำนักข่าวไทย