เงินเฟ้ออังกฤษลดลงจากที่สูงสุดในรอบ 41 ปีแล้ว
ดัชนีราคาผู้บริโภคของอังกฤษลดลงเกินคาดในเดือนพฤศจิกายน โดยอยู่ที่ร้อยละ 10.7 จากที่เคยสูงสุดในรอบ 41 ปีที่ร้อยละ 11.1 ในเดือนตุลาคม
ดัชนีราคาผู้บริโภคของอังกฤษลดลงเกินคาดในเดือนพฤศจิกายน โดยอยู่ที่ร้อยละ 10.7 จากที่เคยสูงสุดในรอบ 41 ปีที่ร้อยละ 11.1 ในเดือนตุลาคม
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าเผยอัตราเงินเฟ้อของไทยในเดือน พ.ย.65 ยังชะลอตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 แม้ขยายตัวร้อยละ 5.55 เป็นไปตามทิศทางเศรษฐกิจโลกจากแนวโน้มพลังงานและอาหารไม่ผันผวนมากนัก คาดการณ์เงินเฟ้อตลอดปีนี้อยู่ที่ร้อยละ 5.5 – 6.5
โตเกียว 18 พ.ย.- อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นในเดือนตุลาคมปีนี้แตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี เป็นผลจากราคาเชื้อเพลิงปรับตัวสูงขึ้นและเงินเยนอ่อนค่าลง เพิ่มแรงกดดันให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นหรือบีโอเจ (BOJ) ต้องทบทวนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายสุดขีด ข้อมูลของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานซึ่งไม่รวมอาหารสดที่มีความผันผวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 ต่อปีในเดือนตุลาคม สูงที่สุดนับจากปี 2525 แต่ยังคงต่ำกว่าหลายประเทศรวมทั้งสหรัฐ นายฮิโรกาซุ มัตสึโนะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นตอบข้อถามเรื่องตัวเลขเงินเฟ้อว่า ราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นเชื่อมโยงกับสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันอย่างอาหารและสาธารณูปโภค เนื่องจากวัตถุดิบมีราคาสูงขึ้นและเงินเยนอ่อนค่าลง รัฐบาลจะปกป้องความเป็นอยู่ของประชาชน ด้วยการบรรจุนโยบายที่มุ่งแก้ปัญหาราคาพลังงานและอาหารสูงขึ้นไว้ในมาตรการบรรเทาทุกข์ และจะผลักดันงบประมาณพิเศษดังกล่าวออกมาโดยเร็วที่สุด รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศเมื่อเดือนตุลาคมว่า จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 260,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.32 ล้านล้านบาท) ซึ่งมีมาตรการอุดหนุนค่าไฟฟ้ารวมอยู่ด้วย ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมา 14 เดือนติดต่อกันแล้ว เพิ่มแรงกดดันให้บีโอเจต้องทบทวนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายสุดขีดที่ใช้มานาน บีโอเจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำมากหวังกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหวี่ยงไปมาระหว่างภาวะเงินเฟ้อต่ำและภาวะเงินฝืดมาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1990 และแม้ว่าเงินเฟ้อในขณะนี้สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 2 ที่บีโอเจกำหนดไว้ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา บีโอเจยังคงมองว่า ราคาสินค้าแพงขึ้นในขณะนี้เป็นเรื่องชั่วคราว จึงไม่จำเป็นต้องทบทวนนโยบาย.-สำนักข่าวไทย
ลอนดอน 16 พ.ย.- อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษเดือนตุลาคมปีนี้ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 41 ปี อันเป็นผลจากราคาเชื้อเพลิงและอาหารปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้วิกฤตค่าครองชีพเลวร้ายมากยิ่งขึ้นไปอีก สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษแถลงวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.1 สูงที่สุดนับจากปี 2524 และต่อเนื่องจากเดือนกันยายนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 ซึ่งเท่ากับเดือนกรกฎาคมที่ครั้งนั้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี นักเศรษฐศาสตร์ของสำนักงานฯ ระบุว่า ค่าก๊าซและค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น แม้ว่ามีมาตรการจำกัดค่าพลังงานไว้ที่ปีละ 2,500 ปอนด์ (ราว 106,000 บาท) โดยเฉลี่ยก็ตาม ค่าก๊าซเพิ่มขึ้นร้อยละ 130 จากปีก่อน ส่วนค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 66 จากปีก่อน สำนักงานฯ เปิดเผยตัวเลขดังกล่าว ก่อนที่นายเจเรมี ฮันต์ รัฐมนตรีคลังจะประกาศงบประมาณขนาดเล็กในวันพรุ่งนี้ที่คาดกันว่าจะมีการขึ้นภาษีและลดงบประมาณรายจ่าย เนื่องจากรัฐบาลนายกรัฐมนตรีริชี ซูนัคต้องการแก้ไขความวุ่นวายทางเศรษฐกิจที่เกิดจากรัฐบาลลิซ ทรัสส์ ก่อนหน้าเขา นายฮันต์กล่าววันนี้ว่า จะต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 2 ตามเป้าหมายของธนาคารกลางอังกฤษ.-สำนักข่าวไทย
“อนุสรณ์” เผยแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อคลายตัว ต้นปี 66 คาดเงินบาทเฉลี่ย 34.50 – 36.50 บาทต่อดอลลาร์
ตลาดคาดการณ์อย่างเป็นเอกฉันท์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษหรือบีโออี (BoE) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 ในการประชุมวันนี้ เป็นการขึ้นมากที่สุดนับจากปี 2532 เพื่อชะลออัตราเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบ 40 ปี
ข้อมูลทางการตุรกีหรือทูร์เคียระบุว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนตุลาคมปีนี้เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมปีก่อนถึงร้อยละ 85.51 สูงที่สุดนับจากปี 2540 ขณะที่ผู้นำตุรกีปกป้องนโยบายเศรษฐกิจว่ากำลังเห็นผลในการรับมือกับค่าครองชีพสูง
นายจิม ชาลเมอร์ รัฐมนตรีคลังออสเตรเลียกล่าววันนี้ว่า การเกิดอุทกภัยเป็นบริเวณกว้างในออสเตรเลีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จะทำให้การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพีลดลง แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น
ปารีส 18 ต.ค.- สหภาพแรงงานในฝรั่งเศสเริ่มการผละงานทั่วประเทศแล้วในวันนี้ เรียกร้องขอขึ้นค่าจ้างเพื่อให้สามารถรับมือกับเงินเฟ้อสูงในรอบหลายทศวรรษ การผละงานจะกระทบภาครัฐเป็นส่วนใหญ่ ขยายมาจากมาตรการเรียกร้องของแรงงานที่ดำเนินมาหลายสัปดาห์ ซึ่งกระทบต่อการทำงานของโรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่ จนสถานีบริการน้ำมันขาดแคลนน้ำมัน สหภาพแรงงานซีจีที (CGT) ที่มีสมาชิกประมาณ 710,000 คน มากเป็นอันดับ 2 ของประเทศขอให้สมาชิกเดินหน้าผละงานเข้าสู่สัปดาห์ที่ 4 ต่อไป หลังจากโททาลเอนเนอร์ยีส์ บริษัทกลั่นน้ำมันรายใหญ่สัญชาติฝรั่งเศสตกลงกับสหภาพอื่น ๆ ได้เมื่อวันศุกร์เรื่องขึ้นค่าจ้างร้อยละ 7 และจ่ายเงินโบนัส แต่ซีจีทีเรียกร้องขอขึ้นร้อยละ 10 โดยอ้างว่าเงินเฟ้อสูงและบริษัทมีกำไรมหาศาล ด้านเอฟเอ็นเอ็มอี (FNME) ที่เป็นสหภาพแรงงานด้านเหมืองแร่และพลังงานประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า การผละงานจะกระทบการทำงานที่โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ 10 แห่ง และทำให้การบำรุงรักษาเตาปฏิกรณ์ 13 เครื่องล่าช้าออกไปอีก ส่งผลให้การผลิตไฟฟ้าของฝรั่งเศสลดลงทั้งหมด 2.2 กิกะวัตต์ ส่วนการขนส่งสาธารณะที่จะได้รับผลกระทบได้แก่ รถไฟความเร็วสูงยูโรสตาร์ รถไฟธรรมดา และรถไฟใต้ดินกรุงปารีส ขณะที่สหภาพแรงงานข้าราชการก็จะร่วมผละงานในวันนี้เช่นเดียวกัน คาดว่าจะกระทบการเรียนการสอนและบริการภาครัฐ.-สำนักข่าวไทย
ที่ประชุมรัฐมนตรีคลัง ผู้ว่าการธนาคารกลาง G20 ประจำปี 65 “อาคม” แจงปัญหาเงินเฟ้อ หนทางสู่เศรษฐกิจถดถอย แนะใช้นโยบายการคลังช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ผู้มีรายได้น้อย หนุนร่วมสมาชิกฟื้นเศรษฐกิจโลก
ปารีส 9 ต.ค.- สมาชิกสหภาพแรงงานฝ่ายซ้ายในฝรั่งเศสยังคงเดินหน้าผละงานที่โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ 2 บริษัท เรียกร้องขอขึ้นค่าจ้างเพื่อให้สามารถรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น ตัวแทนสหภาพซีจีที (CGT) ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานใหญ่อันดับ 2 ของฝรั่งเศส มีสมาชิกทั้งหมดประมาณ 710,000 คนเผยในวันนี้ว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อใด ๆ จากโททาลเอนเนอร์ยีส์นับตั้งแต่สหภาพเรียกร้องเมื่อวันเสาร์ให้ฝ่ายบริหารเปิดการเจรจาเรื่องค่าจ้าง กระทรวงพลังงานของฝรั่งเศสเผยเมื่อวันเสาร์ว่า สถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศมากกว่า 1 ใน 5 ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมัน จากการผละงานของคนงานเอ็กซอนโมบิล ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานอเมริกัน และโททาลเอนเนอร์ยีส์ ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานฝรั่งเศส ฝ่ายบริหารกับคนงานจะต้องหาทางออกให้แก่เรื่องนี้โดยเร็วที่สุด คนงานของโททาลเอนเนอร์ยีส์ผละงานที่โรงกลั่น 2 แห่ง และคลังน้ำมัน 2 แห่ง ส่วนคนงานของเอ็กซอนโมบิลผละงานที่โรงกลั่น 2 แห่งมาตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน รอยเตอร์คำนวณว่า การผละงานทำให้กำลังการกลั่นน้ำมันของฝรั่งเศสลดลงมากกว่าร้อยละ 60.-สำนักข่าวไทย
ลอนดอน 6 ต.ค.- สมาชิกกว่า 300,000 คน ของสหภาพพยาบาลใหญ่ที่สุดในอังกฤษจะเริ่มลงคะแนนเสียงในวันนี้เรื่องการผละงานเพื่อเรียกร้องขอขึ้นค่าจ้าง เป็นการลงคะแนนครั้งใหญ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สหภาพที่ก่อตั้งมาเมื่อ 106 ปีก่อน ราชวิทยาลัยพยาบาลซึ่งเป็นสหภาพพยาบาลใหญ่ที่สุดของอังกฤษแถลงว่า จำเป็นต้องเคลื่อนไหว เพราะการลดค่าจ้างที่แท้จริงที่เกิดขึ้นมาตลอดหลายปีทำให้พยาบาลไม่อยากทำงานกับสำนักงานสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนพยาบาลครั้งใหญ่ สหภาพฯ ต้องการให้ขึ้นค่าจ้างสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อร้อยละ 5 เพื่อชดเชยกับการลดค่าจ้างที่แท้จริง เพราะสมาชิกมีความยากลำบากในการรับมือกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ค่าจ้างที่ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อทำให้พยาบาลไม่สามารถประกอบวิชาชีพนี้ต่อไปได้ และทำให้คนไข้ตกอยู่ในความเสี่ยง เพราะการขาดแคลนพยาบาลทั่วประเทศ โฆษกกระทรวงสุขภาพและสวัสดิการสังคมแถลงว่า หวังว่าพยาบาลจะพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับคนไข้หากมีการผละงาน รัฐบาลยกย่องพยาบาลที่ทำงานหนักและพยายามอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนพยาบาล ซึ่งหมายถึงการขึ้นค่าจ้างให้ก่อนหน้านี้ รอยเตอร์ระบุว่า เอ็นเอชเอสซึ่งได้รับทุนจากรัฐให้บริการสุขภาพฟรีแก่ประชาชนในอังกฤษมาตั้งแต่ปี 2491 และได้รับผลกระทบหนักจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เอ็นเอชเอสกำลังเผชิญวิกฤตขาดแคลนเจ้าหน้าที่ครั้งเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา จำนวนคนไข้ที่รอรับการรักษาเพิ่มมากขึ้นเป็นประวัติการณ์ แม้แต่คนไข้อุบัติเหตุและห้องฉุกเฉินก็ต้องรอนานขึ้นเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย