ผู้นำเกาหลีเหนือขอบคุณประชาชน
นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ เขียนจดหมายด้วยลายมือเนื่องจากวาระขึ้นปีใหม่ ซึ่งไม่ปรากฎบ่อยนัก กล่าวขอบคุณประชาชนที่ยังคงให้การสนับสนุนเขาในช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก
นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ เขียนจดหมายด้วยลายมือเนื่องจากวาระขึ้นปีใหม่ ซึ่งไม่ปรากฎบ่อยนัก กล่าวขอบคุณประชาชนที่ยังคงให้การสนับสนุนเขาในช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก
คิม โย จอง น้องสาวของผู้นำเกาหลีเหนือกล่าว ตำหนิรัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีใต้ว่าไม่สุภาพ ที่ตั้งข้อสงสัยเรื่องที่เกาหลีเหนือไม่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19
เกาหลีเหนือเพิ่มมาตรการเข้มงวดในการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาในกรุงเปียงยาง หลังจากยกระดับเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในกรุงเปียงยางเป็นระดับสูงสุดเมื่อวันก่อน
หน่วยข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ขัดขวางความพยายามของเกาหลีเหนือในการเจาะระบบบริษัทเกาหลีใต้ที่กำลังพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้และจีน ประกาศจะทำงานร่วมกันเรื่องเกาหลีเหนือ และโควิด-19
เปียงยาง 22 พ.ย.- เกาหลีเหนือสั่งเข้มงวดพรมแดนยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และขอให้เจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมระดับสูงตลอดวลาในช่วงที่โรคนี้กลับมาระบาดเพิ่มขึ้นทั่วโลกอีกครั้ง หนังสือพิมพ์โรดองชินมุนของพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลเกาหลีเหนือรายงานวันนี้ว่า การสร้างสิ่งป้องกันอย่างไร้ที่ติเพื่อเตรียมพร้อมรับมือการแพร่ระบาดทางสาธารณสุขที่เลวร้ายลงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มความเข้มงวดสกัดเชื้อไวรัสโคโรนา เกาหลีเหนือต้องปกป้องสิ่งป้องกันอันแข็งแกร่งนี้ต่อไปเพื่อดูแลความปลอดภัยของประเทศและประชาชน ขอให้เจ้าหน้าที่ค้นหาและอุดช่องโหว่การแพร่เชื้อที่แม้จะมีความเป็นไปได้น้อยที่สุด อย่าได้ละเลยและไม่รับผิดชอบ ทุกคนต้องตระหนักอยู่เสมอว่ารอยร้าวทางความสามารถจะนำมาซึ่งรอยร้าวบนสิ่งป้องกัน ขอให้คงสถานะความเตรียมพร้อมระดับสูงตลอดเวลา ด้านสถานีออกอากาศกระจายเสียงกลางเกาหลีหรือเคซีบีเอส (KCBS) ขอให้เจ้าหน้าที่เดินหน้ามาตรการฉุกเฉินในการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาในทุกพื้นที่ให้ถี่ถ้วนยิ่งขึ้น เพราะสิ่งป้องกันทั้งหมดอาจพังทลายลงได้และเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของประเทสและประชาชน หากเจ้าหน้าที่ทุกคนเลินเล่อแม้ชั่วขณะเดียว เกาหลีเหนืออ้างว่าปลอดจากโรคโควิด-19 แต่ยังคงปิดพรมแดนมาตั้งแต่ต้นปี และยืนกรานไม่รับความช่วยเหลือจากภายนอก เพราะเสี่ยงนำเชื้อเข้ามาระบาดในประเทศ สื่อทางการเรียกร้องให้ดำเนินมาตรการเข้มงวดยิ่งขึ้นไปอีก หลังจากนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือประชุมคณะกรมการเมืองพรรคแรงงานและย้ำให้เฝ้าระวังระดับสูง สร้างกำแพงปิดล้อมแน่นหนา และเพิ่มความเข้มงวดในการต่อต้านการแพร่ระบาด.-สำนักข่าวไทย
มอนทรีออล 19 พ.ย.- ศูนย์เพื่อความปลอดภัยไซเบอร์แคนาดาระบุว่า โครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากทางการในจีน รัสเซีย อิหร่านและเกาหลีเหนือเป็นภัยไซเบอร์ร้ายแรงที่สุดต่อแคนาดา มีจำนวนเพิ่มขึ้นและซับซ้อนยิ่งขึ้น ศูนย์เพื่อความปลอดภัยไซเบอร์แคนาดาออกรายงานเตือนว่า ทั้งสี่ประเทศนี้พยายามสร้างเสริมศักยภาพในการก่อกวนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของแคนาดา เช่น ระบบ ไฟฟ้า เพื่อเดินหน้าเป้าหมายที่วางไว้ นอกจากนี้ยังมุ่งเจาะจงทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 หวังเพิ่มความสามารถของตนเองในการรับมือกับโรคนี้ ส่วนภัยไซเบอร์ต่อชาวแคนาดาและธุรกิจแคนาดามีทั้งการสอดแนมและการหาทางมีอิทธิพลทางความคิด ภัยไซเบอร์ที่ซับซ้อนที่สุดเป็นกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากทางการ โดยมีแรงจูงใจจากเป้าหมายทางเศรษฐกิจ อุดมการณ์ และภูมิรัฐศาสตร์ ทางศูนย์ประเมินว่า ภัยไซเบอร์ร้ายแรงที่สุดต่อชาวแคนาดาและองค์กรในแคนาดาคือโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากทางการในจีน รัสเซีย อิหร่านและเกาหลีเหนือ ขณะที่อีกหลายประเทศก็กำลังเร่งพัฒนาภัยไซเบอร์อยู่เช่นกัน คาดว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะเดินหน้าจารกรรมทางพาณิชย์กับธุรกิจ แวดวงวิชาการ และหน่วยงานรัฐบาลของแคนาดาต่อไป รายงานเตือนว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้คนทำงานทางไกลและมีกิจกรรมออนไลน์เพิ่มขึ้น เปิดช่องให้ตกเป็นเหยื่อไซเบอร์มากยิ่งขึ้น สถิติของศูนย์ต่อต้านการโกงแคนาดาเผยว่า ปีที่แล้วอาชญากรรมไซเบอร์สร้างความเสียหายให้ชาวแคนาดามากกว่า 43 ล้านดอลลาร์แคนาดา (กว่า 997 ล้านบาท).-สำนักข่าวไทย
รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ได้หยิบยกถึงความจำเป็นที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตจะต้องให้ความสนใจในระดับสูงสุดต่อการรื้อฟื้นการเจรจาเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือ
วอชิงตัน 30 ต.ค.- นายโจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงประธานาธิบดีสหรัฐรับปากว่า จะกระชับความเป็นพันธมิตรกับเกาหลีใต้ ไม่ใช้เรื่องถอนทหารอเมริกันข่มขู่เกาหลีใต้ และจะใช้การทูตแบบมีหลักการกดดันเกาหลีเหนือให้ปลดนิวเคลียร์ เว็บไซต์สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้ลงบทความพิเศษของไบเดนที่ใช้ชื่อเรื่องว่า “Hope for Our Better Future” ไบเดนย้ำประโยค Katchi Kapshida หรือ เราไปด้วยกัน ซึ่งเป็นแก่นของความเป็นพันธมิตรกันว่า หากได้เป็นประธานาธิบดี เขาจะอยู่เคียงข้างเกาหลีใต้ จะเสริมสร้างความเป็นพันธมิตรเพื่อปกป้องสันติภาพในเอเชียตะวันออกและภูมิภาคไกลออกไป จะไม่กรรโชกเกาหลีใต้ด้วยการข่มขู่อย่างไร้ความยั้งคิดว่าจะถอนทหารอเมริกันออกจากเกาหลีใต้ ขณะเดียวกันจะใช้การทูตแบบมีหลักการและเดินหน้ากดดันเพื่อให้เกาหลีเหนือปลดนิวเคลียร์และคาบสมุทรเกาหลีมีความเป็นหนึ่งเดียว ควบคู่ไปกับการช่วยให้ชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีได้พบหน้าครอบครัวในเกาหลีเหนือที่พลัดพรากกันมาหลายทศวรรษ เขาไม่เคยลืมความรู้สึกขณะที่ยืนห่างจากพรมแดนเกาหลีเหนือไม่ถึง 100 เมตรที่เขตปลอดทหารในปี 2556 พร้อมกับหลานสาว รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดของการแบ่งแยกคาบสมุทรเกาหลีและพรากครอบครัวตั้งแต่สงครามเกาหลี ไบเดนยังได้ยกย่องเกาหลีใต้ที่ผงาดขึ้นมาอย่างปาฏิหาริย์จากความยับเยินของสงครามกลายเป็นตัวอย่างมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและประชาธิปไตยที่รุ่งเรือง เป็นผู้นำโลกในการต่อสู้กับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีราว 2 ล้านคนในสหรัฐอุทิศตนเหลือคณานับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลายากลำบากเมื่อสหรัฐมาถึงทางแยกที่ต้องตัดสินใจ เผชิญการแพร่ระบาด เศรษฐกิจถดถอย และการเลือกตั้งที่จะตัดสินอนาคตไปอีกนาน ไบเดนรับปากด้วยว่า จะช่วยหลือผู้เข้าเมืองทุกคน รวมทั้งชาวเกาหลีที่ลอบเข้าเมืองด้วย ยอนฮับระบุว่า เกาหลีใต้ติดตามอย่างใกล้ชิดการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายนตามเวลาสหรัฐ เพราะผลการเลือกตั้งจะมีผลอย่างใหญ่หลวงต่อนโยบายของสหรัฐที่มีต่อประเด็นสำคัญของสองประเทศ รวมทั้งเรื่องปลดนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ.-สำนักข่าวไทย
เกาหลีเหนือระบุว่า การยิงชายชาวเกาหลีใต้เสียชีวิตในน่านน้ำเกาหลีเหนือเมื่อเดือนที่แล้ว เป็นมาตรการป้องกันตนเองในช่วงที่กำลังมีความกังวลเรื่องการระบาดของโรคโควิด-19
สื่อทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนย้ำเรื่องจะกระชับความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือจากรุ่นสู่รุ่น ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 100 ปี
สื่อทางการเกาหลีเหนือแนะว่า เกาหลีเหนือควรมุ่งเน้นพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อผลิตสิ่งที่จำเป็นได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าในช่วงเวลาที่ประเทศปิดพรมแดน