ภาษี

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐยืนยันไม่ระงับมาตรการเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก แม้จะกำลังทำให้ตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกปั่นป่วนอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา

นิวเดลี 7 เม.ย.- นักวิเคราะห์ชี้ว่า มาตรการภาษีใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอาจบีบบังคับให้ธนาคารกลางของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ต้องตัดสินใจเลือกอย่างลำบากใจ ระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจกับการปกป้องค่าเงินที่เปราะบาง นายเดวิด เชา นักยุทธศาสตร์ตลาดโลกสำหรับเอเชียแปซิฟิกของอินเวสโก (Invesco) ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนของสหรัฐให้ความเห็นว่า การปรับเปลี่ยนการให้ความสำคัญทางเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับมาตรการภาษีของสหรัฐ อาจทำให้สกุลเงินท้องถิ่นเผชิญแรงกดดันมากขึ้นในปีนี้ เนื่องจากธนาคารกลางจะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตผ่านนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน จึงอาจเป็นไปได้ว่า ธนาคารกลางในเอเชียอาจลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดเป็นครั้งแรก ขณะที่ออเรลี มาร์ติน ผู้จัดการสินทรัพย์ของไนน์ตีวัน (Ninety One) ซึ่งเป็นธุรกิจจัดการสินทรัพย์อังกฤษ-แอฟริกาใต้กล่าวว่า หากเศรษฐกิจชะลอการเติบโต ธนาคารกลางก็ควรลดอัตราดอกเบี้ย แต่ก็จะกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนซึ่งเป็นสิ่งที่ธนาคารกลางไม่ต้องการให้เกิด เธอคาดหมายว่า เอเชียและเม็กซิโกน่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด รอยเตอร์ระบุว่า ที่ผ่านมาประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่จะระมัดระวังอย่างมากในการรักษาอัตราดอกเบี้ยไม่ให้แตกต่างจากสหรัฐมากนัก เพื่อไม่ให้เงินทุนไหลออก เพราะมักทำให้เกิดความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและผลทางเศรษฐกิจติดตามมา.-814.-สำนักข่าวไทย

โตเกียว 7 เม.ย.- ตลาดทุนตลาดเงินทั่วโลกยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐประกาศเมื่อเย็นวันที่ 2 เมษายนตามเวลาสหรัฐเรื่องมาตรการภาษีใหม่ ตลาดหุ้นโลกวันนี้ถูกเทขายอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ดัชนีนิกเกอิของญี่ปุ่นร่วงลงเกือบร้อยละ 8 ดัชนีหุ้นในยุโรปลดลงเกือบร้อยละ 6 แตะระดับต่ำที่สุดในรอบ 16 เดือน ราคาหุ้นในไต้หวันดิ่งลงเกือบร้อยละ 10 เป็นการดิ่งลงในวันเดียวมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา เช่นเดียวกับดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงที่ร่วงลงถึงร้อยละ 13.2 มากที่สุดในวันเดียวนับตั้งแต่ปี 2540 ขณะที่ราคาน้ำมันก็ร่วงลงเช่นกัน นักลงทุนกังวลว่า มาตรการภาษีใหม่ของผู้นำสหรัฐจะทำให้สินค้าและบริการปรับราคาสูงขึ้น เป็นเหตุให้ความต้องการบริโภคอ่อนแอลง และอาจนำมาซึ่งภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย นายบิล แอคแมน มหาเศรษฐีผู้จัดการกองทุนบริหารความเสี่ยงหรือเฮดจ์ฟันด์ วัย 58 ปี ที่เคยสนับสนุนให้ทรัมป์ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ เรียกร้องให้ทรัมป์ระงับการใช้ภาษีใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิด “ฤดูหนาวนิวเคลียร์ทางเศรษฐกิจ” (economic nuclear winter) เป็นการอ้างอิงถึงสภาวะอากาศโลกที่หนาวเย็นอย่างรุนแรงหลังสงครามนิวเคลียร์ (nuclear winter) เขาเผยด้วยว่า นายทรัมป์กำลังสูญเสียความไว้วางใจจากผู้นำภาคธุรกิจทั่วโลก.-814.-สำนักข่าวไทย

โซล 6 เม.ย.- รัฐบาลเกาหลีใต้จะอัดฉีดเงินช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศเพื่อบรรเทาผลกระทบจากมาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐ ขณะที่ฮุนไดจะตรึงราคาขายรถใหม่ในสหรัฐ ส่วนซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์อาจยกเครื่องยุทธศาสตร์การผลิตระดับโลก เว็บไซต์สำนักข่าวยอนฮับของทางการเกาหลีใต้รายงานอ้างเจ้าหน้าที่กระทรวงเศรษฐกิจและการเงินว่า ในการประชุมระดับรัฐมนตรีที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ รัฐบาลจะอนุมัติแผนการให้เงินทุนฉุกเฉินผ่านสถาบันของรัฐ เช่น ธนาคารพัฒนาเกาหลี คาดว่าตัวเลขจะอยู่ที่ราว 3 ล้านล้านวอน (ราว 70,730 ล้านบาท) นอกจากนี้รัฐบาลยังมีแผนจะตั้งกองทุนยุทธศาสตร์มูลค่า 50 ล้านล้านวอน (ราว 1.18 ล้านล้านบาท) ครอบคลุมช่วง 5 ปีข้างหน้า สำหรับส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์อนาคต เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สมัยที่ 2 ยานยนต์เป็นสินค้าที่เกาหลีใต้ส่งออกไปสหรัฐมากที่สุด โดยส่งออกไป 34,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.2 ล้านล้านบาท) ในปี 2567 คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของยานยนต์ที่เกาหลีใต้ส่งออกทั้งหมด จึงได้รับผลกระทบหนักจากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 ว่าจะเก็บภาษีร้อยละ 25 กับยานยนต์นำเข้าทั้งหมด มีผลตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนตามเวลาสหรัฐ ด้านฮุนได มอเตอร์ อเมริกา ในเครือฮุนได […]

ฮานอย 6 เม.ย.- เศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาสแรกของปีนี้ขยายตัวลดลง และเสี่ยงจะถูกกดดันเพิ่มขึ้นจากการที่สหรัฐประกาศใช้มาตรการภาษีใหม่ ขณะที่ผู้นำเวียดนามยืนยันว่า เป้าหมายการเติบโตในปีนี้ไม่เปลี่ยนแปลง สำนักงานสถิติแห่งชาติของเวียดนามออกรายงานวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี (GDP) ของเวียดนามขยายตัวร้อยละ 6.93 ในไตรมาสเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 ลดลงจากร้อยละ 7.55 ในไตรมาสเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2567 สำนักงานฯ ประเมินว่า เพื่อให้จีดีพีขยายตัวตามเป้าหมายของรัฐบาลอย่างน้อยร้อยละ 8 ในปีนี้ จีดีพีใน 3 ไตรมาสที่เหลือของปีจะต้องขยายตัวร้อยละ 8.2-8.4 แต่อัตราภาษีศุลกากรร้อยละ 46 ที่สหรัฐจะเก็บเพิ่มกับสินค้านำเข้าจากเวียดนามตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนตามเวลาสหรัฐอาจทำให้สินค้าส่งออกไปสหรัฐลดลงราวร้อยละ 10 ซึ่งอาจทำให้จีดีพีขยายตัวลดลงร้อยละ 0.84 สินค้าที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุดได้แก่ สิ่งทอ รองเท้า เครื่องใช้ไฟฟ้า และสมาร์ทโฟน เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ เปิดเผยว่า สินค้าส่งออกไปสหรัฐเป็นหนึ่งในเครื่องจักรขับเคลื่อนหลักของเวียดนาม ภาษีใหม่ของสหรัฐอาจทำให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในเวียดนามลดลง โดยเฉพาะนักลงทุนชาวอเมริกัน เกาหลีใต้ และจีน ซึ่งจะทำให้การจ้างงานและรายได้ของประชาชนลดลง ด้านนายกรัฐมนตรีฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ของเวียดนามยืนยันว่า ภาษีใหม่ของสหรัฐไม่ทำให้รัฐบาลปรับเปลี่ยนเป้าหมายที่ต้องการให้จีดีพีปี 2568 เติบโตอย่างน้อยร้อยละ 8 […]

ลอนดอน 6 เม.ย.- จากัวร์ แลนด์ โรเวอร์  บริษัทผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติอังกฤษประกาศระงับการส่งออกยานยนต์ไปสหรัฐเป็นเวลา 1 เดือน หลังจากสหรัฐเริ่มเก็บภาษีนำเข้าร้อยละ 25 กับรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็กตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน จากัวร์ แลนด์ โรเวอร์ ที่ปัจจุบันเป็นของบริษัททาทา มอเตอร์ส ของอินเดีย แถลงยืนยันว่า จะระงับการส่งออกรถที่ผลิตในอังกฤษไปยังสหรัฐเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อพิจารณาหาแนวทางลดทอนผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ ตามที่หนังสือพิมพ์ไทมส์ของอังกฤษรายงานข่าวก่อนหน้านี้ แถลงการณ์ระบุว่า สหรัฐเป็นตลาดส่งออกใหญ่ของจากัวร์ แลนด์ โรเวอร์ ครองสัดส่วนเกือบ 1 ใน 4 ของยอดจำหน่ายรวม  400,000  คันต่อปี  อุตสาหกรรมยานยนต์ของอังกฤษจ้างงานโดยตรง 200,000 ตำแหน่ง จึงได้รับผลกระทบสูงมากจากมาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐ ข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตและผู้ค้ายานยนต์ (SMMT) ของสหราชอาณาจักรชี้ว่า สหรัฐนำเข้ายานยนต์ผลิตในอังกฤษมากเป็นอันดับ 2 รองจากสหภาพยุโรปหรืออียู โดยครองสัดส่วนเกือบร้อยละ 20 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐประกาศเมื่อวันที่ 26 มีนาคมว่า จะเก็บภาษีนำเข้าร้อยละ 25 […]

ปักกิ่ง 5 เม.ย.- จีนประกาศใช้หลายมาตรการตอบโต้ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากทั่วโลก รวมทั้งจีน เมื่อวานนี้ กระทรวงการคลังจีนได้ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าทุกชนิดจากสหรัฐเพิ่มอีกร้อยละ 34 มีผลตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน เท่ากับอัตราภาษีที่สหรัฐจะเรียกเก็บเพิ่มจากจีนตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนตามเวลาสหรัฐ เป็นการเก็บภาษีเพิ่มจากเดิมที่จีนเก็บอยู่ร้อยละ 10-15 สำหรับสินค้าเกษตรบางรายการจากสหรัฐตั้งแต่เดือนมีนาคม และเก็บภาษีในอัตราเดียวกันสำหรับสินค้าพลังงานและเครื่องจักรกลการเกษตรบางชนิดซึ่งมีผลตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ นอกจากนี้จีนยังประกาศควบคุมการส่งออกธาตุหายากหรือแรร์เอิร์ธหลายชนิดไปยังสหรัฐ โดยมีผลทันทีตั้งแต่เมื่อวานนี้ด้วยเหตุผลว่า เป็นการปกป้องผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติ ขณะที่สำนักงานศุลกากรจีนได้ขึ้นบัญชีบริษัทในสหรัฐ 16 แห่งไว้ในรายชื่อที่ต้องควบคุมการส่งออก และระงับการให้บริษัทในสหรัฐ 6 แห่งส่งออกอาหารและสินค้าเกษตรมายังจีน เพื่อคุ้มครองสุขภาพของประชาชนและความปลอดภัยของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ของจีน จีนระบุว่า เมื่อไม่นานมานี้ศุลกากรจีนได้ตรวจพบสารซีราลีโนนและเชื้อราในปริมาณเกินค่ามาตรฐานในข้าวฟ่างที่นำเข้าจากสหรัฐ  รวมถึงเชื้อซัลโมเนลลาในเนื้อสัตว์ปีกและกระดูกสัตว์ที่นำเข้าจากสหรัฐ  ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์จีนได้ขึ้นบัญชีบริษัทในสหรัฐอีก 11 แห่งไว้ในรายชื่อนิติบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ เนื่องจากให้ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีทางทหารกับไต้หวัน โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของจีน ถือเป็นการทำลายอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ด้านการพัฒนาของจีนอย่างร้ายแรง.-816(814).-สำนักข่าวไทย

พนมเปญ 5 เม.ย. – หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากกัมพูชาร้อยละ 49 ตั้งแต่ 9 เมษายนเป็นต้นไป นายกรัฐมนตรีกัมพูชาส่งสารด่วนถึงทรัมป์ ขอประนีประนอมชะลอมาตรการภาษีกับกัมพูชา เมื่อวานนี้ (4 เมษายน) นายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต ของกัมพูชา ได้ส่งหนังสือด่วนถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เสนอขอเจรจาประนีประนอม และวิงวอนให้พิจารณาเลื่อนกำหนดการบังคับใช้มาตรการภาษีกับกัมพูชาออกไปก่อน จากที่กำหนดจะมีผลบังคับใช้วันที่ 9 เมษายนนี้ นายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต ระบุว่า เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงเจตนารมณ์ที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน กัมพูชา จะสนับสนุนส่งเสริมการนำเข้าผลิตภัณฑ์และสินค้าของสหรัฐ ด้วยการลดภาษีสินค้านำเข้า 19 ประเภทจากสหรัฐ ที่เคยเรียกเก็บอัตราสูงสุดร้อยละ 35เหลือร้อยละ 5 โดยทันที อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีท่าทีใด ๆ จากสหรัฐ.-811.-สำนักข่าวไทย

เซาเปาลู 5 เม.ย. – มาตรการภาษีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศใช้กับสินค้านำเข้าจากทุกประเทศทั่วโลก อาจทำให้บราซิล ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในลาตินอเมริกา ได้รับประโยชน์อย่างไม่คาดคิด ด้วยการเป็นตลาดทางเลือกแทนสหรัฐอีกครั้ง ทั้งนี้หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเรื่องภาษีนำเข้าใหม่เมื่อวันที่ 2 เมษายนตามเวลาสหรัฐ ตลาดทุนตลาดเงินหลายประเทศพากันดิ่งลง แต่ค่าเงินเรียลบราซิลสวนทางด้วยการแข็งค่าขึ้นทะลุค่าเงินเรียลบราซิลแข็งค่าขึ้นทะลุ 5.60 เรียลต่อดอลลาร์สหรัฐ ไปแตะระดับสูงสุดนับจากเดือนตุลาคม 2567 ขณะที่ดัชนีหุ้นบราซิลปรับขึ้นร้อยละ 0.23 นายจิลแบร์โต บรากา นักเศรษฐศาสตร์ชาวบราซิลกล่าวว่า ศักยภาพของบราซิลในฐานะประเทศผู้ผลิตและผู้ส่งออกรายใหญ่ อาจทำให้บราซิลกลายเป็นเศรษฐกิจทางเลือกแทนสหรัฐที่ปิดประตูการค้ากับหลายประเทศจากการขึ้นภาษีนำเข้า หลายฝ่ายระบุว่า การที่สหรัฐประกาศเก็บภาษีนำเข้ากับบราซิลในอัตราพื้นฐานที่ร้อยละ 10 ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับที่สหรัฐระบุว่าถูกบราซิลเรียกเก็บ ช่วยให้บราซิลมีเกราะป้องกันความเสี่ยงทางการค้าครั้งใหญ่ และดึงดูดกระแสเงินจากสหรัฐ ที่ผ่านมาบราซิลขาดดุลการค้าให้สหรัฐมาตั้งแต่ปี 2551 โดยเมื่อปี 2567 ขาดดุลให้ 253 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8,740 ล้านบาท) จากการค้าทวิภาคีมูลค่ามากกว่า 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.76 ล้านล้านบาท) ขณะเดียวกันการที่จีนประกาศเมื่อวันศุกร์ว่า จะขึ้นภาษีศุลกากรกับสินค้านำเข้าทั้งหมดจากสหรัฐอีกร้อยละ 34 ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับที่ถูกสหรัฐประกาศขึ้นภาษี จะทำให้ผู้นำเข้าหันไปนำเข้าสินค้าเกษตรมากบราซิลมากยิ่งขึ้น […]

ตลาดหุ้นในทวีปเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ปรับตัวลดลงท่ามกลางความกังวลว่า มาตรการภาษีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐประกาศในวันพุธจะฉุดเศรษฐกิจโลกให้เกิดภาวะถดถอย