แผ่นดินไหวรุนแรงในปากีสถาน เสียชีวิตแล้ว 20 ราย

เควตตา 7 ต.ค. – หน่วยงานจัดการภัยพิบัติของปากีสถานแจ้งว่า เหตุแผ่นดินไหวในพื้นที่ทางตอนใต้ของปากีสถานในวันนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 5.7 ในพื้นที่ทางใต้ของปากีสถานเมื่อช่วงเช้ามืดตามเวลาท้องถิ่นในขณะที่ผู้คนกำลังนอนหลับ ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยระบุว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง ส่วนสำนักสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐ หรือยูเอสจีเอส แจ้งว่า เหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวเกิดที่ระดับความลึก 20 กิโลเมตร ซึ่งจัดว่าค่อนข้างตื้น และมีจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ใต้ดินลงไปราว 102 กิโลเมตรในพื้นที่ทางตะวันออกของเมืองเควตตา ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของเมืองฮาร์ไนกล่าวว่า มีบ้านดินกว่า 100 หลังพังทลายและมีอีกหลายหลังที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งรวมถึงสำนักงานของรัฐบาลด้วย ทำให้ประชาชนหลายร้อยคนไม่มีที่อยู่อาศัย ขณะที่คลิปวิดีโอที่เผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นภาพบ้านเรือนสั่นไหวและหลอดไฟแกว่งไปมาตามแรงสั่นสะเทือนจนทำให้ประชาชนต้องหนีออกมารวมตัวกันบนท้องถนนท่ามกลางความมืด ก่อนหน้านี้ เมืองเควตตาเคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.7 ในปี 2478 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 30,000-60,000 ราย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของทวีปเอเชียใต้.-สำนักข่าวไทย

เหตุปะทะค้านกฎหมายปฏิรูปเกษตรในอินเดีย เสียชีวิต 6 ราย

ลัคเนา 4 ต.ค. – มีผู้เสียชีวิต 6 รายจากเหตุรุนแรงที่รัฐอุตตรประเทศของอินเดียเมื่อวันอาทิตย์ หลังรถยนต์คันหนึ่งที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีอินเดียทับร่างเกษตรกรอินเดีย 2 รายที่เข้าร่วมการชุมนุมคัดค้านกฎหมายปฏิรูปการเกษตรของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี  กลุ่มเกษตรกรอินเดียกล่าวหาว่า รถยนต์คันดังกล่าวเป็นของบุตรชายนายอาเจย์ มิชรา รัฐมนตรีช่วยมหาดไทยของรัฐบาลกลาง ขณะที่นายมิชราระบุว่า บุตรชายของเขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่คนขับรถยนต์ของเขาเสียหลักและพุ่งชนเกษตรกรอินเดีย หลังมีผู้ประสงค์ร้ายปาหินใส่รถและทุบตีรถด้วยไม้และดาบ ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า หากบุตรชายของเขาอยู่ในรถคันนั้น ก็คงไม่อาจรอดชีวิตมาได้ ด้านพรรคภารติยะชนตะ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลอินเดีย และตำรวจอินเดียรายงานตรงกันว่า เหตุปะทะดังกล่าวเกิดขึ้นที่อำเภอหนึ่งทางตอนเหนือของนครลัคเนาของรัฐอุตตรประเทศ และทำให้มีสมาชิกพรรคเสียชีวิต 3 ราย คนขับรถยนต์ 1 ราย และเกษตรกร 2 ราย ขณะที่นายโยคี อาทิตยนาถ มุขมนตรีรัฐอุตตรประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เหตุดังกล่าวจุดชนวนให้เกิดการประท้วงและปิดถนนในบางพื้นที่ของรัฐอุตตรประเทศยิ่งขึ้นไปอีก และทำให้แกนนำฝ่ายค้านของอินเดียออกมาโจมตีการกระทำดังกล่าวในสื่อโซเชียลมีเดีย ขณะนี้ เกษตรกรอินเดียหลายหมื่นคนยังคงปักหลักตั้งค่ายชุมนุมประท้วงบนถนนสายหลักหลายแห่งที่มุ่งหน้าสู่กรุงนิวเดลีมายาวนานเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อคัดค้านกฎหมายปฏิรูปการเกษตร 3 ฉบับ โดยที่กลุ่มเกษตรกรระบุว่า กฎหมายดังกล่าวจะทำลายกลไกที่มีมายาวนานเรื่องการประกันราคาขั้นต่ำให้แก่ข้าวและข้าวสาลี ขณะที่รัฐบาลอินเดียกล่าวว่า กฎหมายนี้จะช่วยให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ในราคาสูงขึ้น. -สำนักข่าวไทย

เผยโควิดทำอายุคาดเฉลี่ยในหลายประเทศลดต่ำสุด

ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดระบุว่า โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทำให้อายุคาดเฉลี่ย (life expectancy) ของหลายประเทศในปี 2563 ลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง โดยเฉพาะอายุคาดเฉลี่ยของผู้ชายชาวอเมริกันที่ลดลงมากกว่า 2 ปี

เครื่องบินตกในรัสเซีย เสียชีวิต 6 ราย

มอสโก 23 ก.ย. – สำนักข่าวหลายแห่งของรัสเซียรายงานวันนี้ว่า ลูกเรือ 6 รายบนเครื่องบินขนส่งอันโตนอฟ อัน-26 เสียชีวิตทั้งหมด หลังเครื่องบินลำดังกล่าวประสบเหตุตกในพื้นที่ทางตะวันออกไกลของรัสเซียเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่น สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียรายงานว่า เครื่องบินลำดังกล่าว ซึ่งมีอายุการใช้งานมานาน 42 ปีแล้วและเป็นของบริษัทตรวจสอบทางเทคนิคที่ท่าอากาศยานของรัสเซีย ได้หายไปจากจอเรดาร์เมื่อวันพุธ ขณะที่กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซียเผยวันนี้ว่า กระทรวงฯ พบซากเครื่องบินในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยากและกำลังส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยไปยังพื้นที่ดังกล่าว ทั้งยังระบุว่า ขณะนี้ยังคงไม่ทราบชะตากรรมของลูกเรือทั้ง 6 ราย แต่สำนักข่าวทาสส์และอินเทอร์แฟ็กซ์ของรัสเซียรายงานอ้างเจ้าหน้าที่หน่วยงานฉุกเฉินของรัสเซียว่า การค้นหาเบื้องต้นบ่งชี้ว่าไม่มีผู้รอดชีวิต มาตรฐานความปลอดภัยทางการบินของรัสเซียได้พัฒนาขึ้นมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่อุบัติเหตุเครื่องบินตกไม่ใช่เรื่องแปลก โดยเฉพาะเครื่องบินที่มีอายุมากในพื้นที่ห่างไกล ก่อนหน้านี้ เครื่องบินรุ่นอันโตนอฟ อัน-26 เคยประสบเหตุตกที่ดินแดนคัมชัตตา ทางตะวันออกไกลของรัสเซีย ในเดือนกรกฎาคม และทำให้มีผู้เสียชีวิต 28 ราย.-สำนักข่าวไทย

กราดยิงในมหาวิทยาลัยรัสเซีย

มอสโก 20 ก.ย.- เกิดเหตุคนร้ายกราดยิงที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองเปิร์ม ทางตะวันตกของรัสเซีย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 8 คน บาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนผู้ก่อเหตุถูกควบคุมตัวแล้ว มหาวิทยาลัยเปิร์มแจ้งว่า ผู้ก่อเหตุใช้ “อาวุธปืนที่ทำให้บาดเจ็บ” หมายถึงปืนที่ออกแบบสำหรับยิงกระสุนยางที่ไม่รุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตหรือกระสุนพลาสติก แต่สามารถดัดแปลงให้ยิงกระสุนประเภทอื่นได้ คณะกรรมการสอบสวนของรัสเซียที่ดูแลคดีอาชญากรรมใหญ่ ๆ แจ้งว่า คนร้ายถูกระบุตัวว่าเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนี้ นักศึกษาและเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยพากันล็อกประตูห้องเพื่อความปลอดภัย ส่วนผู้ที่สามารถออกจากมหาวิทยาลัยได้ ทางมหาวิทยาลัยขอให้ทำทันที สำนักข่าวทาสส์รายงานอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายว่า มีนักศึกษาบางคนกระโดดออกจากหน้าต่างอาคาร นอกจากรายงานผู้เสียชีวิต 8 คน แล้ว จำนวนผู้บาดเจ็บยังไม่แน่นอน มีตั้งแต่ 6-14 คน เมืองเปิร์มอยู่ห่างจากกรุงมอสโกไปทางตะวันออก 1,100 กิโลเมตร มีประชากรประมาณ 1 ล้านคน ส่วนมหาวิทยาลัยที่เกิดเหตุมีนักศึกษาลงทะเบียนเรียนราว 12,000 คน รัสเซียมีกฎหมายเข้มงวดเรื่องพลเรือนครอบครองอาวุธปืน แต่สามารถซื้อปืนบางประเภทเพื่อล่าสัตว์ ป้องกันตัว หรือการกีฬา ผู้ซื้อจะต้องผ่านการทดสอบและเกณฑ์มาตรฐานหลายอย่าง.-สำนักข่าวไทย

คาดไข้เลือดออกคร่าชีวิตเด็กอินเดียหลายสิบในรัฐทางเหนือ

นิวเดลี 13 ก.ย. – รัฐอุตตรประเทศทางตอนเหนือของอินเดียสันนิษฐานว่า การระบาดของโรคไข้เลือดออกเป็นสาเหตุให้เด็กหลายสิบรายเสียชีวิตนับตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เริ่มโครงการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงแล้ว หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของเมืองฟิโรซาบัด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงมากที่สุดในรัฐอุตตรประเทศ เผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เมืองฟิโรซาบัดพบผู้เสียชีวิตทั้งหมด 58 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ทำให้เกิดความหวั่นเกรงว่ารัฐอุตตรประเทศกำลังเผชิญกับการระบาดของโรคไข้เลือดออกครั้งใหญ่ในรอบหลายปี ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า ทางการกำลังใช้มาตรการป้องกันและเปิดศูนย์สุขภาพ 95 แห่งทั่วเมืองเพื่อควบคุมการระบาดของโรคไข้เลือดออก ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของเมืองฟิโรซาบัดได้ตั้งทีมงานลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านเรือนเพื่อกำจัดแหล่งน้ำขังและพ่นควันกำจัดยุงในพื้นที่เสี่ยง รวมถึงการปล่อยปลากินยุงจำนวนมากในแหล่งน้ำเพื่อกินลูกน้ำของยุง ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอินเดียระบุว่า เด็กหลายรายที่เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุอาจมีสาเหตุมาจากผู้ปกครองที่มีฐานะยากจนพาลูกไปรักษากับแพทย์เถื่อนจนทำให้อาการย่ำแย่ลง ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของรัฐอุตตรประเทศเผยว่า แม้มีการตั้งข้อสันนิษฐานว่าโรคไข้เลือดออกที่มียุงเป็นพาหะเป็นต้นเหตุของโรคระบาดที่รุนแรงในรัฐอุตตรประเทศ แต่กลับมีผู้เสียชีวิตเพียง 3 รายที่ได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออก ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการตรวจสอบว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ทั้งนี้ อินเดียมีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกทั่วประเทศลดลงต่ำสุดในรอบหลายปีเหลือเพียง 56 รายเมื่อปีก่อน ขณะที่รัฐอุตตรประเทศมีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออก 42 รายในปี 2559 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา. -สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้เรือนจำอินโดนีเซีย เสียชีวิตแล้ว 40 ราย

จาการ์ตา 8 ก.ย. – เกิดเหตุไฟไหม้เรือนจำที่แออัดในจังหวัดบันเตินของอินโดนีเซียเมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 40 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายสิบคน โฆษกหญิงสำนักงานราชทัณฑ์ของกระทรวงสิทธิมนุษยชนอินโดนีเซียเผยว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่แดน C ของเรือนจำตังเกอรังเมื่อเวลาประมาณ 01.00-02.00 น. ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้แล้ว และกำลังอพยพนักโทษออกจากเรือนจำ รวมถึงสืบสวนหาสาเหตุของเพลิงไหม้ ทั้งยังระบุว่า แดน C ของเรือนจำดังกล่าวเป็นพื้นที่คุมขังนักโทษที่กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและรองรับนักโทษได้มากถึง 122 คน แต่ไม่ได้เปิดเผยจำนวนนักโทษที่อยู่ในแดนดังกล่าวขณะเกิดเหตุไฟไหม้ แต่ยอมรับว่าเรือนจำดังกล่าวมีความแออัดจริง สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานอ้างข้อมูลของรัฐบาลอินโดนีเซียในเดือนกันยายนที่ระบุว่า เรือนจำตังเกอรัง ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองตังเกอรังที่เป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมและการผลิตใกล้กรุงจาการ์ตา มีนักโทษที่ถูกคุมขังกว่า 2,000 คน ซึ่งเกินขีดความสามารถสูงสุดของเรือนจำที่รับนักโทษได้เพียง 600 คน ขณะที่สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของอินโดนีเซียเผยแพร่ภาพเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่พยายามดับไฟไหม้รุนแรงบนยอดอาคารของเรือนจำ ส่วนโฆษกสำนักงานตำรวจในกรุงจาการ์ตาระบุว่า ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นของเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นจากไฟฟ้าลัดวงจร.-สำนักข่าวไทย

ญี่ปุ่นพบผู้เสียชีวิตเพิ่มหลังฉีดวัคซีนของโมเดอร์นา

โตเกียว 7 ก.ย. – ญี่ปุ่นพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 รายหลังฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของโมเดอร์นา โดยเป็นหนึ่งในวัคซีนลอตเดียวกันกับที่กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นและบริษัททาเคดะ ฟาร์มาซูติคัล ผู้กระจายวัคซีนดังกล่าว เรียกคืนหลังพบสิ่งแปลกปลอมปนเปื้อนในขวดวัคซีน กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเผยวันนี้ว่า ผู้เสียชีวิตรายดังกล่าวเป็นชายวัย 40 ปีเศษและเป็นโรคภูมิแพ้โซบะ เขาเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของโมเดอร์นาเมื่อวันที่ 11 สิงหาคมและเสียชีวิตในวันต่อมา ทั้งยังระบุว่า กระทรวงฯ จะดำเนินการสืบสวนสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป รวมถึงกำลังสืบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของชาย 2 ราย วัย 30 ปีเศษ ที่เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนของโมเดอร์นาก่อนหน้านี้ โดยที่พวกเขาได้รับวัคซีนที่อยู่ในลอตเดียวกันกับผู้เสียชีวิตรายล่าสุด ขณะที่เจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นระบุว่า ผู้เสียชีวิตรายล่าสุดได้รับวัคซีนของโมเดอร์นาที่มีหมายเลขการผลิตอยู่ในลอตที่ไม่พบสิ่งแปลกปลอม แต่ได้รับการผลิตขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันในโรงงานผลิตวัคซีนที่พบสิ่งแปลกปลอมปนเปื้อนในวัคซีนของโมเดอร์นา ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นพบสิ่งแปลกปลอมในขวดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของโมเดอร์นาที่จุดบริการฉีดวัคซีนทั่วประเทศในช่วงกลางเดือนสิงหาคม ขณะที่โมเดอร์นา อิงค์ บริษัทเวชภัณฑ์ของสหรัฐ ระบุเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า สิ่งแปลกปลอมดังกล่าวคือเหล็กกล้าไร้สนิม หรือสแตนเลส สตีล ที่เกิดจากแรงเสียดทานของโลหะในกระบวนการผลิตที่เป็นผลมาจากการตั้งค่าไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นและทาเคดะ ฟาร์มาซูติคัล ได้เรียกคืนวัคซีนของโมเดอร์นากว่า 1.6 ล้านโดสที่ได้รับการกระจายไปยังจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด 900 แห่งทั่วประเทศแล้ว.-สำนักข่าวไทย

อดีตทหารสหรัฐก่อเหตุกราดยิง เสียชีวิต 4 ราย

ฟลอริดา 6 ก.ย. – อดีตทหารนาวิกโยธินสหรัฐก่อเหตุกราดยิงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ในจำนวนนี้ มีมารดาและทารกชายวัย 3 เดือนที่ถูกยิงเสียชีวิตคาอกรวมอยู่ด้วย ก่อนยอมมอบตัวกับตำรวจของรัฐฟลอริดาเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น ตำรวจของโพล์ก เคาน์ตี ในพื้นที่ตอนกลางของรัฐฟลอริดาในสหรัฐแถลงว่า นายไบรอัน ไรลีย์ อดีตทหารนาวิกโยธินสหรัฐ วัย 33 ปี ได้ก่อเหตุกราดยิงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และทำให้เด็กหญิงวัย 11 ปีได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกกระสุนยิงถึง 7 นัด ในบรรดาผู้เสียชีวิต 4 ราย มีชายวัย 40 ปี มารดาวัย 33 ปีและทารกชาย และหญิงวัย 62 ปีที่เป็นมารดาของหญิงที่เสียชีวิตพร้อมลูกน้อย นอกจากนี้ นายไรลีย์ยังใช้ปืนยิงสุนัขตายอีกหนึ่งตัว ตำรวจของโพล์กเคาน์ตีระบุเพิ่มเติมว่า นายไรลีย์ ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์กับเหยื่อกระสุน ยังได้ยิงปืนใส่ตำรวจก่อนยอมมอบตัว และพยายามคว้าปืนของตำรวจในขณะที่เข้ารับการรักษาแผลบาดเจ็บจากกระสุนปืนที่โรงพยาบาล ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า นายไรลีย์มีอาการป่วยทางจิตย่ำแย่ลงเมื่อสัปดาห์ก่อน และได้บอกกับแฟนสาวว่า เขาเริ่มสื่อสารกับพระเจ้าได้ นอกจากนี้ นายไรลีย์ยังบอกกับตำรวจว่า เขาเสพยาบ้าอีกด้วย […]

น้ำท่วมรุนแรงในสหรัฐ ตายเพิ่มเป็น 44 รายแล้ว

นิวยอร์ก 3 ก.ย. – น้ำท่วมฉับพลันใน 4 รัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 44 ราย ในขณะที่อิทธิพลของเฮอริเคนไอดาที่อ่อนกำลังทำให้มีฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วมพัดรถพังเสียหาย สถานีรถไฟใต้ดินของนครนิวยอร์กต้องจมอยู่ใต้น้ำ และเที่ยวบินโดยสารถูกสั่งระงับการบิน เจ้าหน้าที่ของสหรัฐรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า ประชาชนในหลายพื้นที่ของรัฐนิวยอร์ก นิวเจอร์ซีย์ เพนซิลเวเนีย และคอนเนตทิคัต ต้องใช้เวลาตลอดทั้งวันเพื่อจัดการห้องใต้ดินที่มีน้ำท่วมขัง ไฟฟ้าดับ หลังคาบ้านเรือนเสียหาย รวมถึงการร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนและสมาชิกในครอบครัวที่ประสบภัยน้ำท่วม ขณะที่เหตุน้ำท่วมฉับพลันในนครนิวยอร์กทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 ราย และมีอีก 3 รายในเวสต์เชสเตอร์ เคาน์ตี ซึ่งตั้งอยู่ในย่านชานเมืองของนครนิวยอร์ก ส่วนนายฟิล เมอร์ฟีย์ ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมแล้ว 23 ราย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ของรัฐนิวเจอร์ซีย์ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้ขับขี่รถอีก 4 รายที่โซเมอร์เซต เคาน์ตี ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ และมีอีก 1 รายที่เสียชีวิตจากกระแสน้ำพัด ในขณะเดียวกัน สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของสหรัฐเผยว่า อิทธิพลของเฮอริเคนไอดาที่อ่อนกำลังทำให้มีปริมาณน้ำฝนสูงถึง 150-200 มิลลิเมตรในหลายพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐตั้งแต่เมืองฟิลาเดลเฟียในรัฐเพนซิลวาเนียไปจนถึงรัฐคอนเนตทิคัต และมีปริมาณน้ำฝนต่อชั่วโมงสูงสุดถึง 80 มิลลิเมตรในเขตแมนฮัตตันของนครนิวยอร์ก ทำลายสถิติปริมาณน้ำฝนสูงสุดที่เกิดจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนอองรีเมื่อเกือบ 2 […]

นิวซีแลนด์พบผู้เสียชีวิตรายแรกหลังฉีดวัคซีนของไฟเซอร์

เวลลิงตัน 30 ส.ค. – นิวซีแลนด์พบผู้เสียชีวิตรายแรกที่เชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของไฟเซอร์ คณะกรรมการตรวจสอบความปลอดภัยของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของนิวซีแลนด์ระบุในแถลงการณ์ทางอีเมลวันนี้ว่า พบผู้หญิงคนหนึ่งเสียชีวิตจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลังฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเป็นที่รับรู้กันว่าเป็นผลข้างเคียงชนิดหายากของวัคซีนไฟเซอร์ เจ้าหน้าที่ชันสูตรได้รับศพแล้วและยังไม่ได้ระบุสาเหตุการเสียชีวิต อย่างไรก็ดี คณะกรรมการฯ พิจารณาว่าภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบอาจเกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ และถือเป็นผู้เสียชีวิตรายแรกของนิวซีแลนด์ที่เชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีนดังกล่าว ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการฯ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า มีประเด็นทางการแพทย์อื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในเวลานั้นและอาจมีอิทธิพลต่อสิ่งที่เกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีน แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรกำลังสืบสวนสาเหตุการเสียชีวิต ขณะนี้ นิวซีแลนด์อนุมัติใช้วัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทค จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และแอสตราเซนเนกา ในขณะเดียวกัน ทางการนิวซีแลนด์รายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 53 คน ทั้งหมดเป็นผู้ป่วยติดเชื้อที่เมืองออกแลนด์ ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจากการระบาดครั้งล่าสุดทั้งหมด 562 คน แบ่งเป็นผู้ป่วยติดเชื้อในเมืองออกแลนด์ 547 คน และกรุงเวลลิงตัน 15 คน ขณะนี้ นิวซีแลนด์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 3,500 คน และผู้เสียชีวิตเพียง 26 คน. -สำนักข่าวไทย

1 10 11 12 13 14 35
...