พายุ “คมปาซุ” ถล่มฟิลิปปินส์ เสียชีวิตเพิ่มเป็น 19 ราย

มะนิลา 14 ต.ค. – ฟิลิปปินส์ระบุวันนี้ว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 19 รายจากเหตุพายุโซนร้อน “คมปาซุ” กำลังแรง ที่พัดผ่านฟิลิปปินส์ในช่วงสัปดาห์นี้ ซึ่งทำให้เกิดดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลันทั่วประเทศ โดยคาดว่าปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากมีความเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โฆษกสำนักงานภัยพิบัติแห่งชาติของฟิลิปปินส์เผยว่า พายุคมปาซุทำให้ฟิลิปปินส์มีปริมาณน้ำฝนที่ตกในช่วง 2 วันที่ผ่านสูงกว่าปริมาณมาณน้ำฝนรายเดือนในขณะที่พายุดังกล่าวกำลังเคลื่อนตัวผ่านฟิลิปปินส์ในสัปดาห์นี้ และยังทำให้มีฝนตกหนักกว่าในช่วงที่ฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับพายุไต้ฝุ่นเกดสะหนา หรือที่ชาวฟิลิปปินส์รู้จักกันในชื่อ พายุโซนร้อนโอนโดย ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ในปี 2552 และทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยราย ทั้งนี้ หลายจังหวัดบนเกาะลูซอน ซึ่งเป็นเกาะที่มีประชากรมากที่สุดของฟิลิปปินส์ เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุดังกล่าวมากที่สุด มีพื้นที่เกษตรจำนวนมากและบ้านเรือนหลายร้อยหลังได้รับความเสียหายคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านเปโซ (663 ล้านบาท) โฆษกคนนี้ระบุด้วยว่า พายุคมปาซุเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกี่ยวกับอันตรายทางธรรมชาติที่เพิ่มมากขึ้น และทำให้ระบบจัดการภัยพิบัติของฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับความท้าทายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทุกครั้ง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะเพิ่มความเสี่ยงและความรุนแรงของน้ำท่วมที่เกิดจากฝนตกหนัก.-สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมรุนแรงในจังหวัดทางเหนือของจีน เสียชีวิตแล้ว 28 ราย

ปักกิ่ง 12 ต.ค. – ทางการจีนยืนยันวันนี้ว่า มีผู้เสียชีวิต 13 รายหลังเกิดเหตุรถโดยสารประจำทางตกลงไปในแม่น้ำไหลเชี่ยวท่ามกลางสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรง และมีผู้เสียชีวิตอีก 15 รายในเหตุน้ำท่วมที่มณฑลชานซี ทางตอนเหนือของจีน สถานีวิทยุโทรทัศน์ซีซีทีวีของทางการจีนระบุว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ช่วยเหลือผู้โดยสาร 37 รายที่ติดอยู่บนหลังคารถโดยสารคันดังกล่าวซึ่งจมน้ำเกือบมิดคัน นอกเมืองสือเจียจ้วง เมืองเอกของมณฑลเหอเป่ย์ ทางเหนือของจีน ผู้โดยสาร 7 คนถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาล และมีผู้สูญหาย 1 คน ทางการได้ควบคุมตัวคนขับรถโดยสารมาสืบสวนต่อไป ขณะที่เดอะเปเปอร์ เว็บไซต์ข่าวของจีนระบุว่า คนขับรถโดยสารคันดังกล่าวไม่สนคำเตือนที่ห้ามขับรถข้ามสะพานที่มีน้ำท่วมสูงจนทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ส่วนที่มณฑลชานซี ทางตะวันตกของมณฑลเหอเป่ย์มีผู้เสียชีวิต 15 รายจากเหตุน้ำท่วมที่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจโดยตรงกว่า 5 พันล้านหยวน (25,700 ล้านบาท) ทางการท้องถิ่นได้อพยพผู้คนกว่า 120,000 คนไปอยู่ในที่ปลอดภัย โดยมีบ้านเรือนจำนวนมากพังทลายและมีพื้นที่เกษตรเสียหายกว่า 1 ล้านไร่ นอกจากนี้ มณฑลชานซี ซึ่งปกติเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ยังได้สั่งปิดแหล่งท่องเที่ยว 166 แห่ง หลังจากเหตุน้ำท่วมได้ทำลายบางส่วนของกำแพงเมืองโบราณที่เมืองผิงเหยา ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก. -สำนักข่าวไทย

แผ่นดินไหวรุนแรงในปากีสถาน เสียชีวิตแล้ว 20 ราย

เควตตา 7 ต.ค. – หน่วยงานจัดการภัยพิบัติของปากีสถานแจ้งว่า เหตุแผ่นดินไหวในพื้นที่ทางตอนใต้ของปากีสถานในวันนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 5.7 ในพื้นที่ทางใต้ของปากีสถานเมื่อช่วงเช้ามืดตามเวลาท้องถิ่นในขณะที่ผู้คนกำลังนอนหลับ ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยระบุว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง ส่วนสำนักสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐ หรือยูเอสจีเอส แจ้งว่า เหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวเกิดที่ระดับความลึก 20 กิโลเมตร ซึ่งจัดว่าค่อนข้างตื้น และมีจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ใต้ดินลงไปราว 102 กิโลเมตรในพื้นที่ทางตะวันออกของเมืองเควตตา ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของเมืองฮาร์ไนกล่าวว่า มีบ้านดินกว่า 100 หลังพังทลายและมีอีกหลายหลังที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งรวมถึงสำนักงานของรัฐบาลด้วย ทำให้ประชาชนหลายร้อยคนไม่มีที่อยู่อาศัย ขณะที่คลิปวิดีโอที่เผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นภาพบ้านเรือนสั่นไหวและหลอดไฟแกว่งไปมาตามแรงสั่นสะเทือนจนทำให้ประชาชนต้องหนีออกมารวมตัวกันบนท้องถนนท่ามกลางความมืด ก่อนหน้านี้ เมืองเควตตาเคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.7 ในปี 2478 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 30,000-60,000 ราย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของทวีปเอเชียใต้.-สำนักข่าวไทย

เหตุปะทะค้านกฎหมายปฏิรูปเกษตรในอินเดีย เสียชีวิต 6 ราย

ลัคเนา 4 ต.ค. – มีผู้เสียชีวิต 6 รายจากเหตุรุนแรงที่รัฐอุตตรประเทศของอินเดียเมื่อวันอาทิตย์ หลังรถยนต์คันหนึ่งที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีอินเดียทับร่างเกษตรกรอินเดีย 2 รายที่เข้าร่วมการชุมนุมคัดค้านกฎหมายปฏิรูปการเกษตรของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี  กลุ่มเกษตรกรอินเดียกล่าวหาว่า รถยนต์คันดังกล่าวเป็นของบุตรชายนายอาเจย์ มิชรา รัฐมนตรีช่วยมหาดไทยของรัฐบาลกลาง ขณะที่นายมิชราระบุว่า บุตรชายของเขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่คนขับรถยนต์ของเขาเสียหลักและพุ่งชนเกษตรกรอินเดีย หลังมีผู้ประสงค์ร้ายปาหินใส่รถและทุบตีรถด้วยไม้และดาบ ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า หากบุตรชายของเขาอยู่ในรถคันนั้น ก็คงไม่อาจรอดชีวิตมาได้ ด้านพรรคภารติยะชนตะ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลอินเดีย และตำรวจอินเดียรายงานตรงกันว่า เหตุปะทะดังกล่าวเกิดขึ้นที่อำเภอหนึ่งทางตอนเหนือของนครลัคเนาของรัฐอุตตรประเทศ และทำให้มีสมาชิกพรรคเสียชีวิต 3 ราย คนขับรถยนต์ 1 ราย และเกษตรกร 2 ราย ขณะที่นายโยคี อาทิตยนาถ มุขมนตรีรัฐอุตตรประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เหตุดังกล่าวจุดชนวนให้เกิดการประท้วงและปิดถนนในบางพื้นที่ของรัฐอุตตรประเทศยิ่งขึ้นไปอีก และทำให้แกนนำฝ่ายค้านของอินเดียออกมาโจมตีการกระทำดังกล่าวในสื่อโซเชียลมีเดีย ขณะนี้ เกษตรกรอินเดียหลายหมื่นคนยังคงปักหลักตั้งค่ายชุมนุมประท้วงบนถนนสายหลักหลายแห่งที่มุ่งหน้าสู่กรุงนิวเดลีมายาวนานเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อคัดค้านกฎหมายปฏิรูปการเกษตร 3 ฉบับ โดยที่กลุ่มเกษตรกรระบุว่า กฎหมายดังกล่าวจะทำลายกลไกที่มีมายาวนานเรื่องการประกันราคาขั้นต่ำให้แก่ข้าวและข้าวสาลี ขณะที่รัฐบาลอินเดียกล่าวว่า กฎหมายนี้จะช่วยให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ในราคาสูงขึ้น. -สำนักข่าวไทย

เผยโควิดทำอายุคาดเฉลี่ยในหลายประเทศลดต่ำสุด

ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดระบุว่า โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทำให้อายุคาดเฉลี่ย (life expectancy) ของหลายประเทศในปี 2563 ลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง โดยเฉพาะอายุคาดเฉลี่ยของผู้ชายชาวอเมริกันที่ลดลงมากกว่า 2 ปี

เครื่องบินตกในรัสเซีย เสียชีวิต 6 ราย

มอสโก 23 ก.ย. – สำนักข่าวหลายแห่งของรัสเซียรายงานวันนี้ว่า ลูกเรือ 6 รายบนเครื่องบินขนส่งอันโตนอฟ อัน-26 เสียชีวิตทั้งหมด หลังเครื่องบินลำดังกล่าวประสบเหตุตกในพื้นที่ทางตะวันออกไกลของรัสเซียเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่น สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียรายงานว่า เครื่องบินลำดังกล่าว ซึ่งมีอายุการใช้งานมานาน 42 ปีแล้วและเป็นของบริษัทตรวจสอบทางเทคนิคที่ท่าอากาศยานของรัสเซีย ได้หายไปจากจอเรดาร์เมื่อวันพุธ ขณะที่กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซียเผยวันนี้ว่า กระทรวงฯ พบซากเครื่องบินในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยากและกำลังส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยไปยังพื้นที่ดังกล่าว ทั้งยังระบุว่า ขณะนี้ยังคงไม่ทราบชะตากรรมของลูกเรือทั้ง 6 ราย แต่สำนักข่าวทาสส์และอินเทอร์แฟ็กซ์ของรัสเซียรายงานอ้างเจ้าหน้าที่หน่วยงานฉุกเฉินของรัสเซียว่า การค้นหาเบื้องต้นบ่งชี้ว่าไม่มีผู้รอดชีวิต มาตรฐานความปลอดภัยทางการบินของรัสเซียได้พัฒนาขึ้นมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่อุบัติเหตุเครื่องบินตกไม่ใช่เรื่องแปลก โดยเฉพาะเครื่องบินที่มีอายุมากในพื้นที่ห่างไกล ก่อนหน้านี้ เครื่องบินรุ่นอันโตนอฟ อัน-26 เคยประสบเหตุตกที่ดินแดนคัมชัตตา ทางตะวันออกไกลของรัสเซีย ในเดือนกรกฎาคม และทำให้มีผู้เสียชีวิต 28 ราย.-สำนักข่าวไทย

กราดยิงในมหาวิทยาลัยรัสเซีย

มอสโก 20 ก.ย.- เกิดเหตุคนร้ายกราดยิงที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองเปิร์ม ทางตะวันตกของรัสเซีย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 8 คน บาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนผู้ก่อเหตุถูกควบคุมตัวแล้ว มหาวิทยาลัยเปิร์มแจ้งว่า ผู้ก่อเหตุใช้ “อาวุธปืนที่ทำให้บาดเจ็บ” หมายถึงปืนที่ออกแบบสำหรับยิงกระสุนยางที่ไม่รุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตหรือกระสุนพลาสติก แต่สามารถดัดแปลงให้ยิงกระสุนประเภทอื่นได้ คณะกรรมการสอบสวนของรัสเซียที่ดูแลคดีอาชญากรรมใหญ่ ๆ แจ้งว่า คนร้ายถูกระบุตัวว่าเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนี้ นักศึกษาและเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยพากันล็อกประตูห้องเพื่อความปลอดภัย ส่วนผู้ที่สามารถออกจากมหาวิทยาลัยได้ ทางมหาวิทยาลัยขอให้ทำทันที สำนักข่าวทาสส์รายงานอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายว่า มีนักศึกษาบางคนกระโดดออกจากหน้าต่างอาคาร นอกจากรายงานผู้เสียชีวิต 8 คน แล้ว จำนวนผู้บาดเจ็บยังไม่แน่นอน มีตั้งแต่ 6-14 คน เมืองเปิร์มอยู่ห่างจากกรุงมอสโกไปทางตะวันออก 1,100 กิโลเมตร มีประชากรประมาณ 1 ล้านคน ส่วนมหาวิทยาลัยที่เกิดเหตุมีนักศึกษาลงทะเบียนเรียนราว 12,000 คน รัสเซียมีกฎหมายเข้มงวดเรื่องพลเรือนครอบครองอาวุธปืน แต่สามารถซื้อปืนบางประเภทเพื่อล่าสัตว์ ป้องกันตัว หรือการกีฬา ผู้ซื้อจะต้องผ่านการทดสอบและเกณฑ์มาตรฐานหลายอย่าง.-สำนักข่าวไทย

คาดไข้เลือดออกคร่าชีวิตเด็กอินเดียหลายสิบในรัฐทางเหนือ

นิวเดลี 13 ก.ย. – รัฐอุตตรประเทศทางตอนเหนือของอินเดียสันนิษฐานว่า การระบาดของโรคไข้เลือดออกเป็นสาเหตุให้เด็กหลายสิบรายเสียชีวิตนับตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เริ่มโครงการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงแล้ว หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของเมืองฟิโรซาบัด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงมากที่สุดในรัฐอุตตรประเทศ เผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เมืองฟิโรซาบัดพบผู้เสียชีวิตทั้งหมด 58 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ทำให้เกิดความหวั่นเกรงว่ารัฐอุตตรประเทศกำลังเผชิญกับการระบาดของโรคไข้เลือดออกครั้งใหญ่ในรอบหลายปี ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า ทางการกำลังใช้มาตรการป้องกันและเปิดศูนย์สุขภาพ 95 แห่งทั่วเมืองเพื่อควบคุมการระบาดของโรคไข้เลือดออก ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของเมืองฟิโรซาบัดได้ตั้งทีมงานลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านเรือนเพื่อกำจัดแหล่งน้ำขังและพ่นควันกำจัดยุงในพื้นที่เสี่ยง รวมถึงการปล่อยปลากินยุงจำนวนมากในแหล่งน้ำเพื่อกินลูกน้ำของยุง ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอินเดียระบุว่า เด็กหลายรายที่เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุอาจมีสาเหตุมาจากผู้ปกครองที่มีฐานะยากจนพาลูกไปรักษากับแพทย์เถื่อนจนทำให้อาการย่ำแย่ลง ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของรัฐอุตตรประเทศเผยว่า แม้มีการตั้งข้อสันนิษฐานว่าโรคไข้เลือดออกที่มียุงเป็นพาหะเป็นต้นเหตุของโรคระบาดที่รุนแรงในรัฐอุตตรประเทศ แต่กลับมีผู้เสียชีวิตเพียง 3 รายที่ได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออก ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการตรวจสอบว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ทั้งนี้ อินเดียมีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกทั่วประเทศลดลงต่ำสุดในรอบหลายปีเหลือเพียง 56 รายเมื่อปีก่อน ขณะที่รัฐอุตตรประเทศมีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออก 42 รายในปี 2559 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา. -สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้เรือนจำอินโดนีเซีย เสียชีวิตแล้ว 40 ราย

จาการ์ตา 8 ก.ย. – เกิดเหตุไฟไหม้เรือนจำที่แออัดในจังหวัดบันเตินของอินโดนีเซียเมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 40 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายสิบคน โฆษกหญิงสำนักงานราชทัณฑ์ของกระทรวงสิทธิมนุษยชนอินโดนีเซียเผยว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่แดน C ของเรือนจำตังเกอรังเมื่อเวลาประมาณ 01.00-02.00 น. ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้แล้ว และกำลังอพยพนักโทษออกจากเรือนจำ รวมถึงสืบสวนหาสาเหตุของเพลิงไหม้ ทั้งยังระบุว่า แดน C ของเรือนจำดังกล่าวเป็นพื้นที่คุมขังนักโทษที่กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและรองรับนักโทษได้มากถึง 122 คน แต่ไม่ได้เปิดเผยจำนวนนักโทษที่อยู่ในแดนดังกล่าวขณะเกิดเหตุไฟไหม้ แต่ยอมรับว่าเรือนจำดังกล่าวมีความแออัดจริง สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานอ้างข้อมูลของรัฐบาลอินโดนีเซียในเดือนกันยายนที่ระบุว่า เรือนจำตังเกอรัง ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองตังเกอรังที่เป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมและการผลิตใกล้กรุงจาการ์ตา มีนักโทษที่ถูกคุมขังกว่า 2,000 คน ซึ่งเกินขีดความสามารถสูงสุดของเรือนจำที่รับนักโทษได้เพียง 600 คน ขณะที่สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของอินโดนีเซียเผยแพร่ภาพเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่พยายามดับไฟไหม้รุนแรงบนยอดอาคารของเรือนจำ ส่วนโฆษกสำนักงานตำรวจในกรุงจาการ์ตาระบุว่า ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นของเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นจากไฟฟ้าลัดวงจร.-สำนักข่าวไทย

ญี่ปุ่นพบผู้เสียชีวิตเพิ่มหลังฉีดวัคซีนของโมเดอร์นา

โตเกียว 7 ก.ย. – ญี่ปุ่นพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 รายหลังฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของโมเดอร์นา โดยเป็นหนึ่งในวัคซีนลอตเดียวกันกับที่กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นและบริษัททาเคดะ ฟาร์มาซูติคัล ผู้กระจายวัคซีนดังกล่าว เรียกคืนหลังพบสิ่งแปลกปลอมปนเปื้อนในขวดวัคซีน กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเผยวันนี้ว่า ผู้เสียชีวิตรายดังกล่าวเป็นชายวัย 40 ปีเศษและเป็นโรคภูมิแพ้โซบะ เขาเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของโมเดอร์นาเมื่อวันที่ 11 สิงหาคมและเสียชีวิตในวันต่อมา ทั้งยังระบุว่า กระทรวงฯ จะดำเนินการสืบสวนสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป รวมถึงกำลังสืบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของชาย 2 ราย วัย 30 ปีเศษ ที่เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนของโมเดอร์นาก่อนหน้านี้ โดยที่พวกเขาได้รับวัคซีนที่อยู่ในลอตเดียวกันกับผู้เสียชีวิตรายล่าสุด ขณะที่เจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นระบุว่า ผู้เสียชีวิตรายล่าสุดได้รับวัคซีนของโมเดอร์นาที่มีหมายเลขการผลิตอยู่ในลอตที่ไม่พบสิ่งแปลกปลอม แต่ได้รับการผลิตขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันในโรงงานผลิตวัคซีนที่พบสิ่งแปลกปลอมปนเปื้อนในวัคซีนของโมเดอร์นา ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นพบสิ่งแปลกปลอมในขวดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของโมเดอร์นาที่จุดบริการฉีดวัคซีนทั่วประเทศในช่วงกลางเดือนสิงหาคม ขณะที่โมเดอร์นา อิงค์ บริษัทเวชภัณฑ์ของสหรัฐ ระบุเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า สิ่งแปลกปลอมดังกล่าวคือเหล็กกล้าไร้สนิม หรือสแตนเลส สตีล ที่เกิดจากแรงเสียดทานของโลหะในกระบวนการผลิตที่เป็นผลมาจากการตั้งค่าไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นและทาเคดะ ฟาร์มาซูติคัล ได้เรียกคืนวัคซีนของโมเดอร์นากว่า 1.6 ล้านโดสที่ได้รับการกระจายไปยังจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด 900 แห่งทั่วประเทศแล้ว.-สำนักข่าวไทย

อดีตทหารสหรัฐก่อเหตุกราดยิง เสียชีวิต 4 ราย

ฟลอริดา 6 ก.ย. – อดีตทหารนาวิกโยธินสหรัฐก่อเหตุกราดยิงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ในจำนวนนี้ มีมารดาและทารกชายวัย 3 เดือนที่ถูกยิงเสียชีวิตคาอกรวมอยู่ด้วย ก่อนยอมมอบตัวกับตำรวจของรัฐฟลอริดาเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น ตำรวจของโพล์ก เคาน์ตี ในพื้นที่ตอนกลางของรัฐฟลอริดาในสหรัฐแถลงว่า นายไบรอัน ไรลีย์ อดีตทหารนาวิกโยธินสหรัฐ วัย 33 ปี ได้ก่อเหตุกราดยิงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และทำให้เด็กหญิงวัย 11 ปีได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกกระสุนยิงถึง 7 นัด ในบรรดาผู้เสียชีวิต 4 ราย มีชายวัย 40 ปี มารดาวัย 33 ปีและทารกชาย และหญิงวัย 62 ปีที่เป็นมารดาของหญิงที่เสียชีวิตพร้อมลูกน้อย นอกจากนี้ นายไรลีย์ยังใช้ปืนยิงสุนัขตายอีกหนึ่งตัว ตำรวจของโพล์กเคาน์ตีระบุเพิ่มเติมว่า นายไรลีย์ ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์กับเหยื่อกระสุน ยังได้ยิงปืนใส่ตำรวจก่อนยอมมอบตัว และพยายามคว้าปืนของตำรวจในขณะที่เข้ารับการรักษาแผลบาดเจ็บจากกระสุนปืนที่โรงพยาบาล ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า นายไรลีย์มีอาการป่วยทางจิตย่ำแย่ลงเมื่อสัปดาห์ก่อน และได้บอกกับแฟนสาวว่า เขาเริ่มสื่อสารกับพระเจ้าได้ นอกจากนี้ นายไรลีย์ยังบอกกับตำรวจว่า เขาเสพยาบ้าอีกด้วย […]

1 10 11 12 13 14 35
...