มะนิลา 14 ต.ค. – ฟิลิปปินส์ระบุวันนี้ว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 19 รายจากเหตุพายุโซนร้อน “คมปาซุ” กำลังแรง ที่พัดผ่านฟิลิปปินส์ในช่วงสัปดาห์นี้ ซึ่งทำให้เกิดดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลันทั่วประเทศ โดยคาดว่าปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากมีความเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โฆษกสำนักงานภัยพิบัติแห่งชาติของฟิลิปปินส์เผยว่า พายุคมปาซุทำให้ฟิลิปปินส์มีปริมาณน้ำฝนที่ตกในช่วง 2 วันที่ผ่านสูงกว่าปริมาณมาณน้ำฝนรายเดือนในขณะที่พายุดังกล่าวกำลังเคลื่อนตัวผ่านฟิลิปปินส์ในสัปดาห์นี้ และยังทำให้มีฝนตกหนักกว่าในช่วงที่ฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับพายุไต้ฝุ่นเกดสะหนา หรือที่ชาวฟิลิปปินส์รู้จักกันในชื่อ พายุโซนร้อนโอนโดย ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ในปี 2552 และทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยราย ทั้งนี้ หลายจังหวัดบนเกาะลูซอน ซึ่งเป็นเกาะที่มีประชากรมากที่สุดของฟิลิปปินส์ เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุดังกล่าวมากที่สุด มีพื้นที่เกษตรจำนวนมากและบ้านเรือนหลายร้อยหลังได้รับความเสียหายคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านเปโซ (663 ล้านบาท)
โฆษกคนนี้ระบุด้วยว่า พายุคมปาซุเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกี่ยวกับอันตรายทางธรรมชาติที่เพิ่มมากขึ้น และทำให้ระบบจัดการภัยพิบัติของฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับความท้าทายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทุกครั้ง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะเพิ่มความเสี่ยงและความรุนแรงของน้ำท่วมที่เกิดจากฝนตกหนัก.-สำนักข่าวไทย