![](https://tna.mcot.net/wp-content/uploads/2020/10/New-Project-2020-10-24T215903.366-685x360.jpg)
นายกฯ ขอทุกฝ่ายปรองดองหันหน้ามาร่วมแก้ปัญหา
นายกฯ ยอมรับกังวลสถานการณ์ประเทศ ชี้รัฐบาลไม่ใช่คู่ขัดแย้งกลุ่มใด ขอให้ทุกฝ่ายปรองดองหันหน้ามาร่วมแก้ปัญหา ยืนยันรัฐบาลมีความตั้งใจจริงในการแก้ปัญหา
นายกฯ ยอมรับกังวลสถานการณ์ประเทศ ชี้รัฐบาลไม่ใช่คู่ขัดแย้งกลุ่มใด ขอให้ทุกฝ่ายปรองดองหันหน้ามาร่วมแก้ปัญหา ยืนยันรัฐบาลมีความตั้งใจจริงในการแก้ปัญหา
บรรยากาศการชุมนุมคณะราษฎร 63 บริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ที่ปักหลักค้างคืนมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ต่อเนื่องจนถึงวันนี้ บนเวทีปราศรัยสลับกับการแสดงดนตรี ย้ำข้อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก และเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำและแนวร่วมผู้ชุมนุม ซึ่งได้กำหนดเส้นตายเวลา 22.00 น. ให้นายกรัฐมนตรี ลาออก หลังครบกำหนด 3 วัน
กลุ่มเยาวชนปลดแอก ทยอยมารวมตัวหน้าห้างเดอะมอลล์ บางกะปิ ตั้งแต่เวลา 17.00 น. พร้อมทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ร้องเพลงชาติและชู 3 นิ้วร่วมกัน ยืนยันจะชุมนุมจนกว่านายกรัฐมนตรีจะเซ็นใบลาออก
ศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกันตัว “เอกชัย หงษ์กังวาล-สมยศ พฤกษาเกษมสุข” ผู้ต้องหาคดีการชุมนุม และคดีที่เกี่ยวข้อง
คณะราษฎร ขีดเส้น 4 ทุ่มคืนนี้ นายกรัฐมนตรี ต้องลาออกตามข้อเรียกร้อง พร้อมชวนประชาชนออกมาร่วมชุมนุม
ผู้ชุมนุมทยอยเข้าพื้นที่บริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ประตูติดกับถนนงามวงศ์วาน เพื่อทำกิจกรรมตั้งแคมป์ไม่นอนคุก เรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำกลุ่มราษฎรและแนวร่วมที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้
การชุมนุมของคณะราษฎร 63 มีกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เป็นทั้งนักเรียนนักศึกษา ดารา มาร่วมแสดงออกทางการเมือง กลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของการเมืองไทย ที่การเมืองถูกพูดถึงอย่างเปิดเผย และเรียกร้องให้ดารานักแสดงออกมาแสดงจุดยืนทางการเมือง ขณะที่ในต่างประเทศดารานักแสดงสามารถแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้อย่างเสรี
ความคาดหวังว่าการประชุมสภาสมัยวิสามัญ วันที่ 26-27 ตุลาคมนี้ อาจเป็นทางออกหนึ่งของวิกฤติการเมือง การชุมนุมที่เกิดขึ้น แต่อาจไม่เป็นเช่นนั้น เพราะจะไม่หยิบยกร่างแก้ไขธรรมนูญมาหารือ นักวิชาการเสนอทางออกของเรื่องนี้
ชินวัตร จันทร์กระจ่าง พร้อมเยาวชน นักเรียนกลุ่มคนนนท์ท้าชนเผด็จการ รวมตัวกันหน้าห้างเมเจอร์ฮอลลีวูด สาขาแจ้งวัฒนะ ปราศรัยโจมตีนายกรัฐมนตรี เพื่อกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง
กทม. 22 ต.ค.- สำนักข่าวเอเอฟพีของฝรั่งเศสเจาะชีวิตพ่อค้าแม่ขายรถเข็นที่ได้รับฉายาว่าซีไอเอประจำม็อบผู้ชุมนุมในไทยขณะนี้ หลายคนเผยว่า การเกาะติดม็อบช่วยให้มีรายได้มากกว่าเดิม เอเอฟพีระบุว่า รถเข็นลูกชิ้นทอด หมูปิ้ง ไส้กรอกอีสาน น้ำดื่ม ผลไม้พร้อมรับประทาน ของกินของใช้หลายอย่างมักไปปรากฏตัวเป็นกลุ่มแรก ๆ ตามจุดที่จะมีการชุมนุมในกรุงเทพฯ พวกเขามีเครือข่ายส่งข่าวสารกันอย่างดีจนได้รับการเปรียบเทียบกับสำนักข่าวกรองกลางหรือซีไอเอ (CIA) ของสหรัฐ โพสต์ชักชวนคนไปร่วมชุมนุมเมื่อวันอังคารลงภาพรถเข็นขายอาหารพร้อมคำบรรยายติดตลกว่า “ส่งซีไอเอไปก่อน” พ่อค้าลูกชิ้นวัย 19 ปี เล่าขณะตั้งร้านใกล้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิว่า จะคอยติดตามเฟซบุ๊กหาเบาะแสจุดชุมนุมล่าสุด และติดต่อสื่อสารกับพ่อค้าแม่ขายคนอื่น ๆ อยู่เสมอ การตามม็อบช่วยให้ขายหมดเกลี้ยงตั้งแต่สองทุ่ม จากปกติที่ต้องขายจนถึงเที่ยงคืน พ่อค้าไก่ทอดวัย 21 ปี เผยว่า มีรายได้เพิ่มขึ้นสองเท่าเป็นวันละ 6,000 บาท พ่อค้าไก่ย่างอีกคนยอมรับว่า การขายของตามม็อบเสี่ยงอันตราย แต่ภาวะเศรษฐกิจจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทำให้ไม่มีทางเลือก แรก ๆ ก็กลัวว่าจะถูกลูกหลง แต่ตอนนี้มาขายทุกวันจนเคยชินแล้ว.-สำนักข่าวไทย
มนุษย์ทุกคนย่อมมีความคิดที่แตกต่างกันไม่เหมือนกันจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรงอยู่ในเวลานี้ทำให้หลายคนอาจประสบปัญหาทั้งกับตัวเองและคนใกล้ชิด
กรุงเทพฯ 22 ต.ค.-กสม.ออกแถลงการณ์ สนับสนุนการเดินหน้าเจรจาในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติวิธี คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์ถึงสถานการณ์ชุมนุมทางการเมือง โดยยินดีที่รัฐบาลได้ดำเนินการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ อันเป็นข้อจำกัดในการใช้สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนมากกว่าในสถานการณ์ปกติ อีกทั้งได้ใช้กระบวนการรัฐสภาในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของประเทศ โดย กสม.เสนอขอให้รัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติใช้การประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ระหว่างวันที่ 26-27 ตุลาคม 2563 แก้ไขปัญหาความขัดแย้งของประเทศอย่างจริงจัง และขอให้มีผลที่สามารถยุติปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งขอให้รัฐบาลอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กลุ่มผู้ชุมนุมทุกฝ่าย รวมทั้งป้องกันและลดการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มผู้เห็นต่างที่จะก่อให้เกิดความรุนแรง เพื่อให้ประชาชนได้ใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน โดยขอให้ทุกฝ่าย ทั้งรัฐบาล ผู้ชุมนุมกลุ่มต่าง ๆ และประชาชน รับฟังและเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของกันและกัน ลดเงื่อนไขและหลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำ หรือการสื่อสารด้วยวิธีการใด ๆ ที่จะเป็นอุปสรรคในการเจรจา เพื่อหาข้อยุติความขัดแย้งโดยสันติวิธี.-สำนักข่าวไทย